ThaiPublica > เกาะกระแส > ผอ.สำนักงบฯ ยอมรับจัด”งบกลาง 63 ล้าน” ให้ทบ.สร้างอุทยานราชภักดิ์ ยันได้ไฟเขียวจาก”บิ๊กตู่”ก่อนอนุมัติ

ผอ.สำนักงบฯ ยอมรับจัด”งบกลาง 63 ล้าน” ให้ทบ.สร้างอุทยานราชภักดิ์ ยันได้ไฟเขียวจาก”บิ๊กตู่”ก่อนอนุมัติ

27 พฤศจิกายน 2015


หลังจากสำนักงานการตรวจเงินแผ่นดิน (สตง.) ตรวจสอบพบสำนักงานปลัดบัญชีกองทัพบก ทำเรื่องขอใช้งบกลาง 63 ล้านบาท จ่ายให้กรมยุทธโยธาใช้ในโครงการจัดสร้างอุทยานราชภักดิ์ อ.หัวหิน จ.ประจวบคีรีขันธ์ ไม่ตรงกับคำสัมภาษณ์ของ พล.อ. ธีรชัย นาควานิช ผู้บัญชาการทหารบก (ผบ.ทบ.) ที่ระบุว่า “โครงการก่อสร้างอุทยานราชภักดิ์ ไม่ใช่โครงการที่มีงบประมาณรองรับ เป็นเงินบริจาคทั้งสิ้น”

นายสมศักดิ์ โชติรัตนะศิริ ผู้อำนวยการสำนักงบประมาณ
นายสมศักดิ์ โชติรัตนะศิริ ผู้อำนวยการสำนักงบประมาณ

เมื่อวันที่ 27 พฤศจิกายน 2558 นายสมศักดิ์ โชติรัตนะศิริ ผู้อำนวยการสำนักงบประมาณ (สงป.) กล่าวยอมรับกับผู้สื่อข่าวสำนักข่าวออนไลน์ไทยพับลิก้าว่า ตนเป็นผู้ลงนามอนุมัติให้ใช้งบกลาง ในรายการเงินสำรองจ่าย เพื่อกรณีฉุกเฉินหรือจำเป็น จำนวน 63 ล้านบาท ให้สำนักงานปลัดบัญชีกองทัพบกนำไปใช้โครงการจัดสร้างอุทยานราชภักดิ์ เฉพาะรายการที่เกี่ยวกับการปรับปรุงภูมิทัศน์ ก่อสร้างประตูทางเข้า-ออก และงานปูพื้น เป็นต้น ส่วนการหล่อพระบรมราชานุสาวรีย์สมเด็จพระบูรพกษัตริย์แห่งสยาม 7 พระองค์นั้น ไม่ได้ใช้งบกลาง ทราบว่าใช้เงินบริจาค ซึ่งเป็นไปตามระเบียบสำนักนายกรัฐมนตรีว่าด้วยการเรี่ยไรของหน่วยงานของรัฐ พ.ศ.2544 และที่แก้ไขเพิ่มเติม ส่วนการเบิกจ่ายงบกลางก็เป็นไปตามระเบียบพัสดุของกรมบัญชีกลางถูกต้องทุกประการ

“แหล่งเงินที่นำมาใช้ในการก่อสร้างอุทยานราชภักดิ์ จึงมี 2 ส่วน คือ ใช้งบกลาง กับเงินบริจาค ซึ่งเป็นคนละรายการกัน แต่งานก่อสร้างอยู่ในพื้นที่เดียวกัน สงป. อนุมัติให้ใช้งบกลางดำเนินการก่อสร้างประตู ป้าย ปูพื้น เท่านั้น ไม่ได้อนุมัติงบกลางไปใช้ในการหล่อพระบรมราชานุสวาวรีย์ฯ ตามที่ปรากฎเป็นข่าว” นายสมศักดิ์กล่าว

ผู้สื่อข่าวถามว่า กรณีสำนักงบฯอนุมัติงบกลางให้สำนักงานปลัดบัญชีกองทัพบกนำเงินไปใช้ในโครงการจัดสร้างอุทยานราชภักดิ์มีที่มาอย่างไร นายสมศักดิ์ ชี้แจงว่า “เดิมทีทางสำนักงานปลัดบัญชีกองทัพบกทำเรื่องขออนุมัติ ใช้งบกลางมา 65 ล้านบาท แต่ผมอนุมัติแค่ 63 ล้านบาท แต่ก่อนที่ผมจะอนุมัติ ผมต้องทำเรื่องไปขอความเห็นชอบจากนายกรัฐมนตรีก่อน จึงลงนามอนุมัติ ให้ใช้งบกลางได้”

ผู้สื่อข่าวถามว่าสำนักงบประมาณมีหลักเกณฑ์หรือขั้นตอนในการพิจารณาอนุมัติเงินงบกลางให้ส่วนราชการอย่างไร นายสมศักดิ์ ตอบว่า ผู้อำนวยการ สงป. มีอำนาจในการอนุมัติให้ส่วนราชการใช้งบกลาง รายการเงินสำรองจ่าย เพื่อกรณีฉุกเฉินหรือจำเป็น แต่ก่อนที่ผมจะลงนามอนุมัติ ต้องปฏิบัติตามมติคณะรัฐมนตรี (ครม.) อย่างเคร่งครัด กล่าวคือ ถ้าวงเงินเกิน 10 ล้านบาท ก่อนที่ตนจะลงนามอนุมัติ ต้องทำเรื่องไปขอความเห็นชอบจากนายกรัฐมนตรีก่อนจึงอนุมัติให้ส่วนราชการเบิกจ่ายงบกลางได้ แต่ถ้าวงเงินเกิน 100 ล้านบาท สงป. ต้องทำเรื่องเสนอ ครม. ขอความเห็นชอบก่อน ยืนยันว่าการลงนามอนุมัติให้ใช้งบกลางก่อสร้างอุทยานราชภักดิ์ เป็นไปตามระเบียบและขั้นตอนของทางราชการทุกประการ

นายสมศักดิ์ กล่าวอีกว่า ตามขั้นตอนการขออนุมัติใช้งบกลาง สำนักงานปลัดบัญชีกองทัพบกต้องทำเรื่องไปขอความเห็นชอบจากรัฐมนตรีว่าการกระทรวงกลาโหม จากนั้นก็จะส่งเรื่องมาให้ สงป. พิจารณา ก่อนที่ผู้อำนวยการ สงป. จะลงนามอนุมัติก็ต้องปฏิบัติตามมติ ครม. ตามที่กล่าวข้างต้น

นายกฯ รับแล้ว “อุทยานราชภักดิ์” ใช้งบกลางด้วย-พร้อมให้ คตง. สอบ

เมื่อวันที่ 27 พฤศจิกายน 2558 ที่สำนักงบประมาณ พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรีและหัวหน้าคณะรักษาความสงบแห่งชาติ (คสช.) กล่าวถึงกรณีที่นายชัยสิทธิ์ ตราชูธรรม ประธานคณะกรรมการตรวจเงินแผ่นดิน (คตง.) ออกมาระบุว่า เงินที่ใช้ในการจัดสร้างอุทยานราชภักดิ์ อ.หัวหิน จ.ประจวบคีรีขันธ์ ไม่ได้มีแค่เงินบริจาคอย่างที่ผู้เกี่ยวข้องกล่าวอ้าง แต่ยังมีเงินของแผ่นดิน คืองบกลางกว่า 63 ล้านบาทอยู่ด้วย ว่า การของบกลางเป็นไปตามขั้นตอนปกติ คือเมื่อกระทรวงกลาโหมเสนอมา ตนก็อนุมัติไป (มติ ครม. เมื่อปี 2557 ระบุว่า งบกลางมูลค่าน้อยกว่า 100 ล้าน นายกฯ สามารถอนุมัติได้ โดยไม่ต้องขอความเห็นชอบจากที่ประชุม ครม.) หาก คตง. จะเข้ามาตรวจสอบก็ทำได้ ตนไม่เคยห้าม แล้วถ้าพบว่ามีใครกระทำผิดก็ลงโทษไป ตนไม่ปกป้องใครยู่แล้ว เพียงแต่จะให้นายกฯ รับผิดชอบด้วย คงไม่ใช่ ต้องไปเอาผิดคนที่เบิกจ่ายเงิน

“คดีจำนำข้าว น.ส.ยิ่งลักษณ์ ชินวัตร ก็ไม่ได้รับผิดชอบในฐานะนายกฯ ในฐานะฝ่ายนโยบาย แต่รับผิดชอบในฐานะประธานกรรมการนโยบายข้าวแห่งชาติ ที่เป็นฝ่ายปฏิบัติ”

พล.อ.ประยุทธ์ ยังกล่าวยอมรับว่า ผู้ที่ถูกออกหมายจับในคดีกล่าวหาว่ากระทำผิดประมวลกฏหมายอาญา (ป.อาญา) มาตรา 112 มีบางคนเกี่ยวข้องกับการจัดสร้างอุทยานราชภักดิ์ด้วย และแม้บุคคลดังกล่าวจะใกล้ชิดกับ พล.อ.อุดมเดช สีตบุตร รมช.กลาโหม ในฐานะอดีต ผบ.ทบ. แต่ก็ไม่จำเป็นว่า พล.อ.อุดมเดชจะต้องรับผิดชอบไปด้วย เพราะเป็นเรื่องส่วนบุคคลที่ไปแอบอ้างเบื้องสูงเพื่อแสวงหาผลประโยชน์ ส่วน พล.อ.อุดมเดชจะต้องแสดงความรับผิดชอบแค่ไหน เชื่อว่าขณะนี้เจ้าตัวคงกำลังคิดอยู่ แต่จะให้แสดงความรับผิดชอบ แบบที่เรียกกันแสดงความรับผิดชอบทางการเมืองหรือไม่ ก็ไปคิดกันเอาเอง ตนไม่ทราบ

กลาโหมตั้งรองปลัดฯ สอบข้อเท็จจริง “ราชภักดิ์” ซ้ำ

วันเดียวกัน พล.อ. ประวิตร วงษ์สุวรรณ รองนายกฯ และรัฐมนตรีว่าการกระทรวงกลาโหม เปิดเผยว่า ได้เซ็นคำสั่งแต่งตั้งคณะกรรมการตรวจสอบข้อเท็จจริงโครงการจัดสร้างอุทยานราชภักดิ์ในระดับกระทรวงกลาโหม (กห.) โดยมี พล.อ. ชัยชาญ ช้างมงคล รองปลัดกระทรวงกลาโหม (กห.) เป็นประธาน พร้อมกันนี้ยังระบุว่า จะให้สัมภาษณ์เรื่องโครงการนี้เป็นวันสุดท้าย ต่อไปจะไม่ตอบอีกแล้ว

ผู้สื่อข่าวรายงานว่า ก่อนหน้านี้ พล.อ. ธีรชัย นาควานิช ผู้บัญชาการทหารบก (ผบ.ทบ.) ได้แต่งตั้งคณะกรรมการตรวจสอบข้อเท็จจริงโครงการจัดสร้างอุทยานราชภักดิ์ในระดับกองทัพบก (ทบ.) โดยมี พล.อ. วีรัณ ฉันทศาสตร์โกศล ประธานคณะที่ปรึกษา ทบ. เป็นประธาน ให้เวลาทำงานภายใน 7 วัน ก่อนที่ พล.อ. ธีรชัย จะเปิดเผยผลการตรวจสอบว่า โครงการดังกล่าวโปร่งใส ไม่มีการทุจริต แต่ข้อสงสัยเรื่องการหักหัวคิวให้ไปถามกับ พล.อ. อุดมเดช สีตบุตร รัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงกลาโหม ในฐานะอดีต ผบ.ทบ. เอาเอง ขณะเดียวกัน พล.อ. ธีรชัย ยังปฏิเสธที่จะเปิดเผยยอดเงินบริจาคและการใช้จ่ายเงินทั้งหมด ทำให้คนในสังคมยังเกิดข้อสงสัยต่อความโปร่งใสของโครงการนี้ นำมาสู่การแต่งตั้งคณะกรรมการตรวจสอบข้อเท็จจริงในระดับ กห. อีกชุดหนึ่ง