ThaiPublica > เกาะกระแส > ประเด็นฮอตรอบสัปดาห์ > ประเด็นฮอตรอบสัปดาห์ประจำวันที่ 1-7 พ.ย. 2558: “โปรดเกล้าฯ ‘ประวุฒิ’ พ้นตำแหน่ง-เร่งตาม ‘พ.อ.’ อาจเอี่ยว 112” และ “ศาลชั้นต้นยกฟ้อง ‘แกนนำ กคป.’ ไม่ผิด-ไม่ได้ปิดหน่วยเลือกตั้ง”

ประเด็นฮอตรอบสัปดาห์ประจำวันที่ 1-7 พ.ย. 2558: “โปรดเกล้าฯ ‘ประวุฒิ’ พ้นตำแหน่ง-เร่งตาม ‘พ.อ.’ อาจเอี่ยว 112” และ “ศาลชั้นต้นยกฟ้อง ‘แกนนำ กคป.’ ไม่ผิด-ไม่ได้ปิดหน่วยเลือกตั้ง”

7 พฤศจิกายน 2015


ประเด็นฮอตรอบสัปดาห์ประจำวันที่ 1-7 พ.ย. 2558

• โปรดเกล้าฯ “ประวุฒิ” พ้นตำแหน่ง-เร่งตาม “พ.อ.” อาจเอี่ยว 112
• วิกฤติทีโอที 8 เดือนขาดทุน 8 พันล้าน
• เริ่มที่ปู-ถูกกว่าปู “สลน.” แจง 4 เบนซ์ 78 ล้าน
• “พาณิชย์” แจง ไม่เคยขอ อสส. ถอนฟ้อง บ.บุหรี่ยักษ์ใหญ่
• ศาลชั้นต้นยกฟ้อง “แกนนำ กคป.” ไม่ผิด-ไม่ได้ปิดหน่วยเลือกตั้ง

โปรดเกล้าฯ “ประวุฒิ” พ้นตำแหน่ง-เร่งตาม “พ.อ.” อาจเอี่ยว 112

ที่มาภาพ: เว็บไซต์ไทยรัฐออนไลน์ (https://www.thairath.co.th/content/537489)
ที่มาภาพ: เว็บไซต์ไทยรัฐออนไลน์ (https://www.thairath.co.th/content/537489)

วันที่ 6 พ.ย. 2558 เว็บไซต์ไทยรัฐออนไลน์รายงานว่า กรณีตำรวจจับกุมผู้ร่วมขบวนการแอบอ้างสถาบันเบื้องสูงไปกระทำการอันมิบังควร ตามประมวล กฎหมายอาญา ม.112 ประกอบด้วย นายสุริยัน สุจริตพลวงศ์ หรือหมอหยอง พ.ต.ต.ปรากรม วารุณประภา หรือสารวัตรเอี๊ยด และนายจิรวงศ์ วัฒนเทวาศิลป์ หรืออาท ชัตเตอร์มหาเทพ ภายหลัง พ.ต.ต.ปรากรม ใช้เสื้อนักโทษผูกคอตนเองเสียชีวิตขณะถูกคุมขัง ที่เรือนจำชั่วคราว แขวงถนนนครไชยศรี (พัน.ร.มทบ.11) ต่อมาทหารคุมตัวนายศุกร์โข ตามเสรี หรือเค บาร์โฮสต์ คนสนิท พ.ต.ต.ปรากรม ส่งให้ตำรวจ บก.ป.ดำเนินคดีข้อหามีอาวุธปืนและเครื่องกระสุนปืนไว้ในความครอบครองโดยไม่ได้รับอนุญาต ขณะที่ พล.ต.อ.จักรทิพย์ ชัยจินดา ผบ.ตร.ออกมาระบุว่าเซ็นอนุมัติให้ พล.ต.อ.ประวุฒิ ถาวรศิริ ที่ปรึกษา (สบ 10) ลาออกจากราชการแล้ว ท่ามกลางกระแสข่าวพบผู้ร่วมกระทำความผิดอีกหลายสิบราย อยู่ระหว่างสอบสวนขยายผลทางคดี

ความคืบหน้า ที่กระทรวงกลาโหม เมื่อเวลา 09.30 น. วันที่ 5 พ.ย. พล.อ.ประวิตร วงษ์สุวรรณ รองนายกรัฐมนตรีและรมว.กลาโหม กล่าวถึงกรณีมีข่าวนายทหารยศ พล.ต. และ พ.อ. อาจมีส่วนพัวพัน กับความผิดประมวลกฎหมายอาญา ม.112 ว่า ยังไม่ได้รับรายงานใดๆทั้งสิ้น ตนเดินทางไปประเทศมาเลเซียเมื่อวันที่ 4 พ.ย. เห็นหนังสือพิมพ์ลงข่าวว่ามีนายทหารเข้าไปเกี่ยวข้องประมาณ 50 คน อยากถามว่ามีที่ไหน หากมีรายละเอียด พล.ต.ท.ศรีวราห์ รังสิพราหมณกุล รรท.รอง ผบ.ตร.ในฐานะหัวหน้าชุดสืบสวนสอบสวนคดีต้องรายงานขึ้นมา เมื่อผู้สื่อข่าวถามว่าจำเป็นหรือไม่ว่าต้องออกหมายจับก่อนทางตำรวจจึงจะรายงาน พล.อ.ประวิตรกล่าวว่า ไม่มีเพราะถ้ามีอะไรที่เกี่ยวข้อง ต้องรายงานทันที ไม่มีอะไรอย่าไปตื่นเต้น ส่วนกรณีมีภาพนายทหารยศ พ.อ. ไปที่ด่านตรวจคนเข้าเมืองเพื่อเตรียมเดินทาง ออกไปประเทศเพื่อนบ้านนั้น เรื่องนี้แล้วแต่บุคคล เจ้าตัวอาจมีเรื่องต้องไป ที่มีชื่อถูกพาดพิงเป็นเรื่องส่วนตัวจะเป็นอย่างไรไม่ทราบ ขณะนี้ยังไม่มีการออกหมายจับ

ต่อข้อถามที่ว่าหากมีหมายจับออกมา กระทรวงกลาโหมและเหล่าทัพจะปกป้องหรือไม่ พล.อ.ประวิตรระบุว่า ใครผิดต้องว่าไปตามผิด หากทำผิดกฎหมายปกป้องไม่ได้ ตอนนี้ยังไม่มีหมายจับสักคน ถ้าผิดต้องว่าไปตามผิด ทำผิดกฎหมายจะอยู่ได้อย่างไร เมื่อถามว่า การเชิญตัวนายทหารไปสอบสวนและให้ข้อมูลต้องรายงานหรือไม่ พล.อ.ประวิตรกล่าวว่า เรื่องสอบสวนตนไม่ทราบ ยืนยันว่ายังไม่มีหมายจับหรือหมายเรียก อาจเป็นการสืบสวนแต่ละบุคคล เป็นความรับผิดชอบของเจ้าหน้าที่ต้องประสานงานกันโดยตรงหรืออาจประสานในระดับบุคคล

“ยืนยันว่ากองทัพไม่รู้สึกหวั่นไหวกับเรื่องนี้ คนทำผิดตัวเขาจะรู้ตัวเอง การดำเนินการต่างๆว่ากันไปตามขั้นตอน อย่านำกองทัพไปเกี่ยวข้องเพราะกองทัพไม่ได้ร่วมทำผิดด้วย ถือเป็นเรื่องบุคคลที่รู้จักกันส่วนตัว ส่วนกระแสข่าวที่มีนายทหารยศพล.ต. และ พ.อ. 50 นาย เข้าไปเกี่ยวข้องนั้นจะส่งผลกระทบต่อภาพลักษณ์หรือไม่ คงไม่กระทบเพราะไม่ใช่เรื่องจริง ผมยังสงสัยว่าไปเอาข่าวมาจากไหน เพราะผมดูแลอยู่ไม่เห็นมี อีกทั้ง พล.ต.อ.จักรทิพย์ ชัยจินดา ผบ.ตร. ก็ไม่ได้รายงานเรื่องนี้กับผมและเมื่อผมสอบถามไปยังชุดทำงานได้รับคำยืนยันว่าไม่ได้เป็นผู้ให้ข่าว และเขาเตรียมฟ้องร้องด้วย” พล.อ.ประวิตรกล่าว

ที่ทำเทียบรัฐบาล พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรีและหัวหน้า คสช. กล่าวถึงกระแสข่าวที่มีทหารกว่า 50 นาย มีส่วนเกี่ยวข้องกับคดีแอบอ้างเบื้องสูงว่า เมื่อวันที่ 4 พ.ย. พล.ต.อ.จักรทิพย์ ชัยจินดา ผบ.ตร. พูดแล้วว่ามีทหารกี่นาย แต่พบหลักฐานว่าทุจริตหรือละเมิด ม.112 หรือยัง ถ้ายังไม่มีการฟ้องก็เป็นเพียงคำพูดแค่นั้น อย่าไปขุดคุ้ย ใครผิดก็ว่าไปตามผิด บอกไปแล้วว่าอะไรที่ยังไม่ชัดเจนอย่าพูด บางครั้งเป็นเพราะพวกท่านถามละเอียดทุกเรื่อง คนตอบบางทีก็เป็นแบบตน ตอบไปเรื่อย บางทีมันไม่ใช่ ขอคำถามที่สร้างสรรค์หน่อย พอบอกว่า 50 คน ก็ถามมีใครบ้างลงโทษเมื่อไหร่ มันไม่ใช่ ถ้าไม่มีหลักฐานอย่าไปว่าผิด จบได้แล้วมันไม่ดีเลย

มีรายงานข่าวจากกองบัญชาการกองทัพบก กรณีนายทหารยศ พล.ต.ที่ถูกพาดพิงว่ามีส่วนเกี่ยวข้องกับการกระทำความผิด ม. 112 ยื่นหนังสือขอลาออกจากราชการไปแล้วนั้น พล.อ.ธีรชัย นาควานิช ผบ.ทบ. ลงนามในหนังสือเรียบร้อยแล้วก่อนส่งเรื่องไปยังกระทรวงกลาโหมเพื่อให้ พล.อ.ประวิตร วงษ์สุวรรณ รองนายกรัฐมนตรีและ รมว.กลาโหม ลงนาม ทั้งนี้ พล.อ.ประวิตรมอบหมายให้ พล.อ.ปรีชา จันทร์-โอชา ปลัดกระทรวงกลาโหม ลงนามแทน ซึ่ง พล.อ.ปรีชาให้สัมภาษณ์กับผู้สื่อข่าวสั้นๆว่า ยังไม่เห็นหนังสือลาออกที่ส่งมาจากกองทัพบก

ส่วนการดำเนินการของกองทัพภาคที่ 3 หลังมีข่าวทหารยศ พ.อ. สังกัดกองทัพภาคที่ 3 ข้ามชายแดนผ่านทางด่านแม่สอด-เมียวดี เมื่อวันที่ 31 ต.ค. พร้อมๆกับชุดสืบสวนสอบสวนออกมาระบุว่าอาจมีนายทหารเกี่ยวพันในคดีกระทำผิดกฎหมายอาญา ม.112 นั้น พล.ท.สมศักดิ์ นิลบรรเจิดกุล แม่ทัพภาคที่ 3 รายงานข้อเท็จจริงในเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นในพื้นที่ให้ พล.อ.ธีรชัย นาควานิช ผบ.ทบ.รับทราบว่านายทหารคนดังกล่าวเดินทางข้ามชายแดนจริง เมื่อวันที่ 31 ต.ค. และไม่มาทำงานต่อเนื่องจนถึงวันที่ 5 พ.ย. โดยนายทหารคนดังกล่าวไม่ได้ยื่นใบลาตามระเบียบราชการ ซ้ำก่อนหน้ามีทหารสังกัดกองทัพภาคที่ 3 พบจดหมายของนายทหารคนนี้ แสดงความจำนงขอลาออกจากราชการทิ้งไว้ที่บ้านพักใน จ.พิษณุโลก แต่จดหมายดังกล่าวถือว่าไม่มีผลแต่อย่างใด เนื่องจากไม่ได้ยื่นตามขั้นตอน ระเบียบทางราชการ จึงถือเป็นนายทหารขาดราชการ หาก ครบกำหนด 15 วัน นับตั้งแต่วันที่ 2 พ.ย. และยังไม่ได้มารายงานตัว ถือว่าหนีราชการทหาร มีโทษปลดออกจากราชการทหารตามระเบียบกองทัพ

ผู้สื่อข่าวรายงานเพิ่มเติมด้วยว่า พ.อ.ยุทธพงษ์ กลั่นทะกะสุวรรณ เสนาธิการกรมทหารราบที่ 7 รักษาการประธานคณะกรรมการชายแดนไทย-เมียนมา ทำหนังสือขอความร่วมมือไปยังคณะกรรมการชายแดนไทย อ.ผาซอง จ.บอลาแคะ รัฐคะยา ประเทศเมียนมา ให้ช่วยติดตามและนำตัวนายทหารยศ พ.อ. คนดังกล่าวส่งกลับทางการไทยแล้ว นอกจากนี้ ชุดสืบสวนสอบสวนคดีนี้เตรียมเข้าค้นหาหลักฐานพยานเอกสารต่างๆที่บ้านพักของหญิงสาวนักธุรกิจอสังหาริมทรัพย์ใน จ.เชียงใหม่ เพื่อหาความเชื่อมโยงหลังมีข่าวว่าได้รับโอนเงิน 20 ล้านบาทจากนายทหารนี้ด้วย

อีกด้านผู้สื่อข่าวรายงานจากกองบัญชาการสอบสวนกลาง (บช.ก.) ว่า ตลอดทั้งวันมีสื่อมวลชนทุกแขนงเดินทางมารอทำข่าวกรณีชุดสืบสวนสอบสวนคดี เรียกนางจีราภา อริยวงศ์โสภณ น้องสาวของนายสุริยัน สุจริตพลวงศ์ หรือหมอหยอง ผู้ต้องหาคดีหมิ่นเบื้องสูง เข้าให้ปากคำเพื่อตรวจสอบเส้นทางการเงินของนายสุริยัน รวมทั้งประเด็นการมีส่วนรู้เห็นเส้นทางการเงินหรือไม่ เมื่อผู้สื่อข่าวติดต่อทางโทรศัพท์สอบถามนางจีราภาว่าจะเข้ามาพบตำรวจเวลาใด ได้รับคำตอบว่าอยู่ระหว่างเดินทาง แต่เมื่อติดต่อไปอีกครั้งกลับไม่สามารถติดต่อได้ จนถึงช่วงเย็นทั้งหมดจึงแยกย้ายกันกลับ

วันเดียวกัน ราชกิจจานุเบกษาเผยแพร่ประกาศสํานักนายกรัฐมนตรีเรื่อง ให้ข้าราชการตํารวจพ้นจากตําแหน่ง ด้วยสํานักงานตํารวจแห่งชาติ มีคําสั่ง อนุญาตให้ พล.ต.อ.ประวุฒิ ถาวรศิริ ที่ปรึกษา (สบ 10) ลาออกจากราชการ ตั้งแต่วันที่ 29 ต.ค.58 และได้นําความกราบบังคมทูลพระกรุณาโปรดเกล้าฯ ให้พ้นจากตําแหน่งต่อไปแล้ว บัดนี้ ได้มีพระบรมราชโองการโปรดเกล้าฯให้บุคคลดังกล่าวพ้นจากตําแหน่ง ที่ปรึกษา (สบ 10) สํานักงานตํารวจแห่งชาติ ตั้งแต่ วันที่ 29 ต.ค.58 ประกาศ ณ วันที่ 5 พ.ย.58 ผู้รับสนองพระบรมราชโองการ พล.อ.ประวิตร วงษ์สุวรรณ รองนายกรัฐมนตรี

วิกฤติทีโอที 8 เดือนขาดทุน 8 พันล้าน

กำไร(ขาดทุน)สุทธิ หลังห

วันที่ 6 พ.ย. 2558 เว็บไซต์ไทยรัฐออนไลน์รายงานว่า ผู้สื่อข่าวรายงานว่า เมื่อวันที่ 4 พ.ย.ที่ผ่านมา นายมนต์ชัย หนูสง กรรมการผู้จัดการใหญ่ บริษัท ทีโอที จำกัด (มหาชน) ได้พบปะพนักงานทีโอทีอีกครั้ง เพื่อทำความเข้าใจเกี่ยวกับทิศทางการดำเนินธุรกิจหลังสัญญาสัมปทานสิ้นสุดลง และจากที่ทีโอทีได้รับอนุมัติจากคณะกรรมการกิจการกระจายเสียง กิจการโทรทัศน์ และกิจการโทรคมนาคมแห่งชาติ (กสทช.) ให้ปรับปรุงการใช้เทคโนโลยีบนคลื่นความถี่ 2300 เมกะเฮิรตซ์ไปสิ้นสุดในปี 2568 รวมถึงการหาพันธมิตรทางธุรกิจด้วย

ทั้งนี้ ทีโอทีต้องเร่งแผนพลิกฟื้นองค์กรอย่างเร่งด่วน ไม่เช่นนั้นจะประสบประสบภาวะทางการเงินอย่างต่อเนื่อง ซึ่งในช่วง 8 เดือนของปีนี้ (ม.ค.-ส.ค.) ทีโอทีขาดทุนราว 8,000 ล้านบาท โดยทั้งปีคาดว่าจะขาดทุน 12,000 ล้านบาท มีรายได้ 39,600 ล้านบาท ปัจจุบันมีสินทรัพย์ 175,400 ล้านบาท ลดลง 15,500 ล้านบาท หากพิจารณาเป็นรายกลุ่มธุรกิจ ประกอบด้วย กลุ่มอินเตอร์เน็ตเกตเวย์ เคเบิลใยแก้วใต้น้ำระหว่างประเทศ บริการไอที. คลาวด์ มีกำไร 416 ล้านบาท กลุ่มโครงสร้างพื้นฐานโทรคมนาคม ขาดทุน 800 ล้านบาท กลุ่มเสาโทรคมนาคม ขาดทุน 147 ล้านบาท กลุ่มโทรศัพท์พื้นฐานและอินเตอร์เน็ตขาดทุน 485 ล้านบาท และกลุ่มธุรกิจโทรศัพท์มือถือ ขาดทุน 6,600 ล้านบาท

นายมนต์ชัยกล่าวว่า การเจรจาพันธมิตรจะสรุปภายในเดือน พ.ย.นี้ โดยบริษัท แอดวานซ์ อินโฟร์ เซอร์วิส จำกัด (มหาชน) พร้อมจะโอนเสาโทรคมนาคมกว่า 12,000 ต้นให้ทีโอที และทีโอทีจะมาให้เอไอเอสเช่าใช้ต่อ ซึ่งเอไอเอสก็ยินยอมในหลักการแล้ว จากเดิมเสนอเป็นบริษัทร่วมทุน แต่ทีโอทีไม่เห็นด้วย เกรงว่าจะใช้เวลานาน เพราะต้องเข้าสู่ขั้นตอนของ พ.ร.บ.ว่าด้วยการให้เอกชนร่วมการงานในกิจการของรัฐ พ.ศ.2556 (พ.ร.บ.ร่วมทุน) ส่วนการจัดตั้งกองทุนท่อร้อยสายโทรคมนาคม เพื่อนำสายเคเบิลที่มีอยู่ทั้งหมดลงใต้ดินนั้น อยู่ระหว่างดำเนินการ คาดว่าจะเสนอให้บอร์ดพิจารณาในเร็วๆนี้

เริ่มที่ปู-ถูกกว่าปู “สลน.” แจง 4 เบนซ์ 78 ล้าน

พล.อ. วิลาศ อรุณศรี เลขาธืการนายกรัฐมนตรี ที่มาภาพ: วิกิพีเดีย
พล.อ. วิลาศ อรุณศรี เลขาธืการนายกรัฐมนตรี ที่มาภาพ: วิกิพีเดีย

วันที่ 5 พ.ย. 2558 เว็บไซต์เดลินิวส์รายงานว่า ที่ทำเนียบรัฐบาล พล.อ. วิลาศ อรุณศรี เลขาธิการนายกรัฐมนตรี ชี้แจงกรณีสำนักข่าวอิศรา รายงานข่าวว่า เมื่อวันที่ 30 มิ.ย. 58 สำนักเลขาธิการนายกรัฐมนตรี (สลน.)ได้ทำสัญญาซื้อรถเบนซ์ รุ่น S600 Guard sedan long จำนวน 4 คัน จาก บริษัท เมอร์เซเดสเบนซ์ จำกัด วงเงิน 78 ล้านบาทว่า โครงการนี้เริ่มมาตั้งแต่สมัยรัฐบาล น.ส.ยิ่งลักษณ์ ชินวัตร อดีตนายกรัฐมนตรี เห็นว่าเป็นโครงการที่ดี มีความจำเป็นในแง่การรักษาความปลอดภัย และเพื่อเกียรติภูมิของประเทศ ซึ่งก่อนหน้านี้เรื่องของรถเคยมีปัญหามาแล้วครั้งหนึ่ง ผู้นำต่างประเทศ หรือบุคคลสำคัญมาเยือนไทย แต่ไม่มีรถให้เขา จนต้องส่งรถในขบวนรถนายกฯ ไปให้ ดังนั้นจุดประสงค์เพื่อมีไว้ต้อนรับแขกบ้านแขกเมืองด้วย และเดิมได้ตั้งงบประมาณไว้ที่ 80-90 กว่าล้านบาท “ทาง สลน. ได้มาจัดทำใหม่ ปรับลดลงมาเหลือ 78 ล้านบาท ประหยัดไปได้มาก โดยเป็นการจัดซื้อรถเบนซ์ 3 คัน และรถโฟล์ค 1 คัน ซึ่งไม่เกี่ยวกับการที่สำนักข่าวตีข่าวว่าไม่เป็นการพอเพียงเลย ไม่ถือว่าฟุ่มเฟือยอะไร” พล.อ. วิลาศกล่าว

“พาณิชย์” แจง ไม่เคยขอ อสส. ถอนฟ้องบุหรี่ยักษ์ใหญ่

 นางอภิรดี ตันตราภรณ์ รมว.กระทรวงพาณิชย์ ที่มาภาพ: เว็บไซต์ ASTVผู้จัดการออนไลน์ (http://www.manager.co.th/iBizChannel/ViewNews.aspx?NewsID=9580000122961)

นางอภิรดี ตันตราภรณ์ รมว.กระทรวงพาณิชย์
ที่มาภาพ: เว็บไซต์ ASTVผู้จัดการออนไลน์ (http://www.manager.co.th/iBizChannel/ViewNews.aspx?NewsID=9580000122961)

วันที่ 4 พ.ย. 2558 เว็บไซต์ ASTVผู้จัดการออนไลน์รายงานว่า นางอภิรดี ตันตราภรณ์ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงพาณิชย์ เปิดเผยถึงกรณีที่มีข่าวโดยอ้างแหล่งข่าวจากสำนักงานอัยการสูงสุดว่ากระทรวงพาณิชย์ขอให้อัยการสูงสุดมีคำสั่งไม่ฟ้องบริษัท ฟิลลิป มอร์ริส (ไทยแลนด์) ลิมิเต็ด เนื่องจากเกรงว่าจะส่งผลกระทบต่อการค้า เศรษฐกิจ และภาพลักษณ์ของประเทศไทย ว่ากระทรวงพาณิชย์ขอเรียนว่า กระทรวงฯ ไม่เคยกระทำการใดๆ เพื่อขอให้อัยการสูงสุดพิจารณาถอนฟ้องคดีอาญาบริษัท ฟิลลิปฯ และไม่เคยแทรกแซงการดำเนินการตามกระบวนการยุติธรรมของไทยในการฟ้องคดีอาญาบริษัทดังกล่าว

ทั้งนี้ สิ่งที่เกิดขึ้นจริงในกรณีบริษัท ฟิลลิปฯ เนื่องจากในการประชุมหารือข้อราชการกับนายวิษณุ เครืองาม รองนายกรัฐมนตรี กระทรวงฯ ได้รับเชิญไปให้ข้อมูลเกี่ยวกับข้อเท็จจริงกรณีพิพาทสินค้าบุหรี่นำเข้าระหว่างไทยและฟิลิปปินส์ภายใต้ WTO ซึ่งเป็นคดีระหว่างประเทศที่ฟิลิปปินส์ฟ้องชนะไทยเนื่องจากการกำหนดราคาศุลกากรของไทยในขณะนั้นไม่สอดคล้องกับขั้นตอนภายใต้ความตกลงว่าด้วยการประเมินราคาศุลกากร (Customs Valuation Agreement) ของ WTO และต่อมาหน่วยงานที่เกี่ยวข้องของไทยได้ปรับแก้มาตรการเพื่อเป็นไปตามคำตัดสินของ WTO แล้ว

“กระทรวงพาณิชย์ได้ชี้แจงทำความเข้าใจต่อหน่วยงานที่เกี่ยวข้องว่าประเทศไทยในฐานะสมาชิก WTO จำเป็นต้องคำนึงถึงพันธกรณีภายใต้ความตกลง WTO โดยการดำเนินการที่เกี่ยวข้องกับการประเมินราคาศุลกากรสินค้านำเข้าจะต้องเป็นไปตามขั้นตอนและหลักเกณฑ์ที่กำหนดไว้ภายใต้ความตกลงว่าด้วยการประเมินราคาศุลกากร”

นางอภิรดีกล่าวอีกว่า กระทรวงพาณิชย์มีท่าทีที่ชัดเจนและเน้นย้ำมาโดยตลอดว่าการดำเนินคดีอาญาตามกฎหมายและกระบวนการยุติธรรมของไทย เพื่อปกป้องผลประโยชน์ของชาติ เป็นการดำเนินการภายใต้สิทธิอำนาจอธิปไตยของไทยที่ประเทศอื่นมิอาจก้าวล่วงได้ และ WTO ไม่ได้ก้าวก่ายการดำเนินการตามกระบวนการยุติธรรมภายในประเทศสมาชิกในกรณีที่มีการฉ้อฉลเพื่อหลีกเลี่ยงการชำระภาษีอากร และด้วยเหตุผลดังกล่าวข้างต้น กระทรวงฯ จึงไม่เคยก้าวล่วงกระบวนการยุติธรรมในการฟ้องคดีอาญาบริษัท ฟิลลิปฯ ตามที่มีการกล่าวอ้างแต่อย่างใด

ศาลชั้นต้นยกฟ้อง “แกนนำ กคป.” ไม่ผิด-ไม่ได้ปิดหน่วยเลือกตั้ง

วันที่ 6 พ.ย. 2558 เว็บไซต์ประชาชาติธุรกิจรายงานว่า เมื่อวันที่ 5 พฤศจิกายน ที่ศาลจังหวัดพระโขนง ถนนสรรพาวุธ ศาลนัดอ่านคำพิพากษา คดีหมายเลขดำ อ.282/2558 ที่พนักงานอัยการเป็นโจทก์ฟ้อง นายธวัชชัย พรหมจันทร์ อายุ 45 ปี อดีตแกนนำกลุ่มกองทัพประชาชนและเครือข่ายปฏิรูปพลังงาน (กคป.) ในความผิดฐานร่วมกันขัดขวางการเลือกตั้งตาม พ.ร.บ.ประกอบรัฐธรรมนูญว่าด้วยการเลือกตั้ง ส.ส. และ ส.ว. พ.ศ. 2550 มาตรา 76, 152 และ พ.ร.บ.ประกอบรัฐธรรมนูญว่าด้วยคณะกรรมการการเลือกตั้ง พ.ศ. 2550 และความผิดตาม พ.ร.ก.การบริหารราชการในสถานการณ์ฉุกเฉิน พ.ศ.2548

กรณีเมื่อวันที่ 26 มกราคม 2557 นายธวัชชัยได้นำมวลชนกลุ่ม กคป. ประมาณ 200 คนไปชุมนุมขัดขวางการเลือกตั้งล่วงหน้า ที่บริเวณหน่วยการเลือกตั้งวัดศรีเอี่ยม ถนนศรีนครินทร์ แขวงหนองบอน เขตประเวศ กทม. ใช้เวลากว่า 2 ชั่วโมง

ศาลพิเคราะห์พยานหลักฐานที่โจทก์นำสืบมาแล้ว เห็นว่าไม่ปรากฏข้อเท็จจริงว่าจำเลยและกลุ่มผู้ชุมนุมปิดทางเข้าหน่วยเลือกตั้งและพูดกับผู้มาใช้สิทธิเลือกตั้งแต่เป็นการปราศรัยขอให้มีการเลื่อนการเลือกตั้งออกไปเพื่อปฏิรูปประเทศไทยก่อน ทั้งการประกาศปิดการลงคะแนนเป็นไปตามมติและการตัดสินวินิจฉัยของคณะกรรมการประจำหน่วยเลือกตั้งแต่ละหน่วย พยานหลักฐานโจทก์จึงไม่มีน้ำหนักรับฟังลงโทษจำเลยได้ ข้อเท็จจริงรับฟังได้ว่า จำเลยไม่ได้กระทำผิดตามฟ้อง พิพากษายกฟ้อง