ThaiPublica > เกาะกระแส > “ดีเอสไอ” สั่งฟ้อง 12 ผู้บริหารสหกรณ์ฯ คลองจั่น “ฉ้อโกงประชาชน” – เพิ่มอีกคดีฟอกเงิน ซื้อที่ดินใกล้ “วัดพระธรรมกาย”

“ดีเอสไอ” สั่งฟ้อง 12 ผู้บริหารสหกรณ์ฯ คลองจั่น “ฉ้อโกงประชาชน” – เพิ่มอีกคดีฟอกเงิน ซื้อที่ดินใกล้ “วัดพระธรรมกาย”

4 ตุลาคม 2015


เมื่อวันที่ 30 ก.ย. พ.ต.ท. สมบูรณ์ สาระสิทธิ์ ผู้บัญชาการสำนักคดีอาญาพิเศษ 3 กรมสอบสวนคดีพิเศษ (ดีเอสไอ) เปิดเผยถึงความคืบหน้าการดำเนินคดียักยอกและฉ้อโกงทรัพย์สหกรณ์เครดิตยูเนี่ยนคลองจั่น จำกัด ว่า ดีเอสไอมีความเห็นให้สั่งฟ้องผู้ถูกกล่าวหาในคดีพิเศษที่ 63/2557 จำนวน 12 ราย ซึ่งเป็นอดีตคณะกรรมการและเจ้าหน้าที่ด้านการเงินหรือสินเชื่อของสหกรณ์ฯ ได้แก่ 1. นายศุภชัย ศรีศุภอักษร อดีตประธานสหกรณ์เครดิตยูเนี่ยนคลองจั่น 2. นายลภัส โสมคำ อดีตกรรมการ 3. นางสาวศรันยา มานหมัด อดีตรองผู้จัดการสหกรณ์ 4. นายกฤษฎา มีบุญมาก อดีตเจ้าหน้าที่สหกรณ์ 5. นายมณฑล กันล้อม อดีตประธานสหกรณ์ฯ 6. นางทองพิณ กันล้อม อดีตกรรมการ 7. นายณัฐวัฒน์ ปิยะพัฒเมธี อดีตผู้จัดการสหกรณ์ 8. นายอารีย์ แย้มบุญยิ่ง ผู้จัดการสหกรณ์ 9. นางจันทร์ฉาย ขันธะรัตน์ รองผู้จัดการสหกรณ์ 10. นางวันเพ็ญ ยอดดี ผู้จัดการฝ่ายการเงิน 11. นายธนากร นำบัณฑิต อดีตเจ้าหน้าที่สหกรณ์ และ 12. นางสาววาริศา เอกชัยจินดาวัฒน์ อดีตกรรมการสหกรณ์ ซึ่งผู้ถูกกล่าวหารายที่ 1–4 ถูกดีเอสไอสั่งฟ้องในคดีพิเศษที่ 146/2556 หรือคดียักยอกทรัพย์ ที่ทำให้สหกรณ์เสียหายกว่า 13,000 ล้านบาท ส่วนรายที่ 8–10 ยังเป็นเจ้าหน้าที่ในสหกรณ์อยู่

โดยข้อกล่าวหาระบุว่าผู้ถูกกล่าวหากลุ่มนี้มีพฤติกรรมร่วมจัดทำรายงานประจำปีของสหกรณ์และตกแต่งบัญชีแสดงฐานะการเงินอันเป็นเท็จ ต่อเนื่องระหว่างปี 2552-2555 ทำให้ประชาชนหลงเชื่อว่าสหกรณ์มีผลกำไรดี เพราะสามารถจ่ายเงินปันผลได้ในระดับที่สูง จึงนำเงินมาฝากจำนวนมาก ขณะที่ความจริงคือสหกรณ์ขาดทุนต่อเนื่องปีละหลายร้อยล้านบาท เพราะลูกหนี้ที่กู้ไปไม่ได้ชำระดอกเบี้ยจริง โดยบางส่วนไม่มีตัวตนจริงด้วยซ้ำ และพบอีกว่าเจ้าหน้าที่บางรายร่วมลงลายมือชื่อในสัญญากู้เงินปลอมอีกด้วย

เพิ่มอีกคดีฟอกเงิน – ซื้อที่ดินใกล้วัดพระธรรมกาย 312 ไร่

พ.ต.ท. สมบูรณ์ ยังเปิดเผยอีกว่า คณะกรรมการคดีพิเศษ มีมติรับคดีที่เกี่ยวข้องกับสหกรณ์ฯ คลองจั่น เพิ่มอีก 1 คดี คือ คดีพิเศษที่ 99/2558 ในข้อกล่าวหาฟอกเงิน โดยคดีนี้เกี่ยวข้องกับการที่นายศุภชัยยักยอกเงินของสหกรณ์ฯ คลองจั่น 321 ล้านบาท ไปซื้อหุ้นของบริษัท M-Home SPV2 พร้อมกับที่ดินมากกว่า 300 ไร่ ใกล้กับวัดพระธรรมกาย โดยปัจจุบันมีการโอนหุ้นให้กับบุคคลอื่นถือแทน ส่วนที่ดินก็ได้แบ่งจำหน่ายให้กับผู้ซื้อหลายราย โดยมีผืนหนึ่งถือครองโดย นักธุรกิจอสังหาริมทรัพย์ชื่อดังอย่างไรก็ตาม สหกรณ์ฯ คลองจั่นได้ฟ้องร้องทางแพ่งกับบริษัทนี้ และมีการเจรจาเพื่อคืนทรัพย์สินในเบื้องต้นแล้ว โดยพนักงานสอบสวนคาดว่าจะแจ้งข้อกล่าวหากับนายศุภชัยและผู้ที่เกี่ยวข้องกับการฟอกเงินได้ภายใน 2 เดือน

สำหรับคดีพิเศษที่ 146/2556 ซึ่งอยู่ในชั้นอัยการและให้ดีเอสไอสอบสวนเพิ่มเติม แต่พนักงานสอบสวนไม่สามารถหาสำเนาการเบิกถอนเงินได้ครบถ้วน เนื่องจากบางส่วนไม่ได้รับความร่วมมือจากธนาคาร หรือไม่สามารถเรียกตัวพยานบางรายมาสอบสวน จึงแจ้งข้อจำกัดต่ออัยการ และช่วงกลางเดือน ต.ค.นี้ จะนำส่งหลักฐานด้านเส้นทางการเงินเท่าที่ติดตามได้ให้อัยการต่อไป ทั้งนี้ขึ้นอยู่กับอัยการว่าสั่งฟ้องเพิ่มเติมกับนายจิรเดช วรเพียรกุล อดีตผู้ช่วยรัฐมนตรีประจำกระทรวงการคลัง และนายวัฒน์ชานนท์ นวอิสรารักษ์ เจ้าของเครือบริษัทรัฐประชากรุ๊ป หรือไม่ ซึ่งดีเอสไอเคยแจ้งข้อกล่าวหาว่าร่วมกันยักยอกทรัพย์ในคดีนี้ แต่หลังสอบสวนกลับมีความเห็นไม่ฟ้องในภายหลัง

ผบ.สำนักคดีอาญาพิเศษ 3 กล่าวต่อว่า ขณะนี้ถือว่าดีเอสไอดำเนินการทางอาญาในคดีสหกรณ์ฯ คลองจั่นเพื่อส่งต่อให้อัยการส่งฟ้องศาลเสร็จสิ้นครบแล้วทั้ง 3 คดีหลัก ได้แก่ คดีพิเศษ 146/2556 ยักยอกทรัพย์ 13,000 ล้านบาท คดีพิเศษ 63/2557 ฉ้อโกงประชาชน และคดีพิเศษ 64/2557 ยักยอกทรัพย์ 27 ล้านบาท เหลืออีก 3 คดีที่ต่อยอดในความผิดฐานฟอกเงิน ได้แก่ คดีพิเศษ 68/2558 และ 70/2558 ซึ่งขณะนี้ยังไม่ได้ดำเนินคดีใคร แต่เตรียมแจ้งข้อกล่าวหาต่อนายศุภชัยและนายสถาพร วัฒนาศิรินุกุล อดีตพระวัดพระธรรมกาย รวมถึงผู้รับโอนทรัพย์จากนายศุภชัย โดยคาดว่าจะสรุปสำนวนส่งอัยการภายในเดือนตุลาคมนี้

หลังดีเอสไอมีคำสั่งฟ้อง สหกรณ์ฯ คลองจั่นได้ออกคำสั่งให้พักงานนายอารีย์ แย้มบุญยิ่ง และเปลี่ยนแปลงตำแหน่งเจ้าหน้าที่รายอื่นไปด้วย โดยให้มีผลตั้งแต่วันที่ 1 ตุลาคม 2558 เป็นต้นไป

คดีสหกรณ์คลองจั่นที่ดีเอสไอดูแล