ThaiPublica > เกาะกระแส > ประเด็นฮอตรอบสัปดาห์ > ประเด็นฮอตรอบสัปดาห์ประจำวันที่ 16-22 สิงหาคม 2558: “บึมสนั่น พระพรหมเอราวัณ-ท่าน้ำสาทร” และ “โสมชนโสม เกาหลีเหนือยิงถล่มเสียงตามสายเกาหลีใต้”

ประเด็นฮอตรอบสัปดาห์ประจำวันที่ 16-22 สิงหาคม 2558: “บึมสนั่น พระพรหมเอราวัณ-ท่าน้ำสาทร” และ “โสมชนโสม เกาหลีเหนือยิงถล่มเสียงตามสายเกาหลีใต้”

22 สิงหาคม 2015


ประเด็นฮอตรอบสัปดาห์ประจำวันที่ 16-22 สิงหาคม 2558:

  • บึมสนั่น พระพรหมเอราวัณ-ท่าน้ำสาทร
  • เจ้าของวงจรปิดราชประสงค์แจง ทำไมไม่ชัด!!
  • ครม.“ประยุทธ์ 3” สมคิดและทีมคุมเศรษฐกิจ
  • “เจ๊เกียว” ยังไม่ลดค่าโดยสาร อ้างคมนาคมยังไม่แจ้ง
  • โสมชนโสม เกาหลีเหนือยิงถล่มเสียงตามสายเกาหลีใต้
  • บึมสนั่น พระพรหมเอราวัณ-ท่าน้ำสาทร

    ที่มาภาพ: http://www.buzzfeed.com/franciswhittaker/explosion-at-erawan-shrine-bangkok#.np3WQJQRV
    ที่มาภาพ: http://www.buzzfeed.com/franciswhittaker/explosion-at-erawan-shrine-bangkok#.np3WQJQRV

    ตลอดอาทิตย์ที่ผ่านมา คงไม่มีข่าวเด่นประเด็นใดร้อนแรงไปกว่ากรณีเหตุระเบิดที่บริเวณศาลพระพรหมเอราวัณ สี่แยกราชประสงค์ ต่อเหตุการณ์ดังกล่าว ประเด็นฮอตรอบสัปดาห์แห่งสำนักข่าวออนไลน์ไทยพับลิก้าขอรวบรวมข่าวเด่นประเด็นร้อนที่เกี่ยวข้องและเกี่ยวเนื่องมาให้ทราบกันดังนี้

    เหตุระเบิดและความเสียหาย

    แยกราชประสงค์: วันที่ 17 ส.ค. 2558 เวลาประมาณ 19.00 น. เกิดเหตุระเบิดขึ้นบริเวณหน้าศาลพระพรหมเอราวัณ แยกราชประสงค์ ส่งผลให้ทั้งคนไทยและชาวต่างชาติเสียชีวิต 20 ราย และบาดเจ็บอีกประมาณ 130 ราย โดยจากการสอบสวนในเวลาต่อมาพบว่าระเบิดที่ใช้ในการก่อเหตุเป็นระเบิดแสวงเครื่องแบบทีเอ็นที ใช้ลูกปืนรถขนาด 2 หุน (ประมาณ 6 มิลลิเมตร) หรือ “บอล แบริง” เป็นสะเก็ด ระเบิดมีน้ำหนักประมาณ 3 กิโลกรัม หรือ 5 ปอนด์ รัศมีทำลายกว่า 100 เมตร ประเด็นที่น่าสนใจคือ การใช้ทีเอ็นทีเป็นดินระเบิดและใช้บอล แบริง เป็นสะเก็ดนั้นไม่เคยพบในประเทศไทยมาก่อน ส่วนมากจะพบในตะวันออกกลาง และเป็นอุปกรณ์ที่ใช้ประกอบเป็นเสื้อของมือระเบิดพลีชีพ (อ่านรายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่เว็บไซต์สำนักข่าวอิศรา)

    ท่าน้ำสาทร: วันที่ 18 ส.ค. 2558 เวลา 13.20 น. เกิดเหตุระเบิดอีกครั้งบริเวณท่าเรือสาทร ใต้สะพานสมเด็จเพราะเจ้าตากสิน แต่เนื่องจากเป็นการระเบิดในน้ำจึงไม่มีผู้ใดได้รับบาดเจ็บหรือเสียชีวิต จากหลักฐานในที่เกิดเหตุพบว่าเป็นระเบิดแบบไปป์บอมบ์ โดยใช้ลูกปืนรถขนาด 2 หุน เป็นสะเก็ดเช่นเดียวกับกรณีระเบิดที่แยกราชประสงค์ จึงเป็นที่น่าสงสัยว่าอาจมีความเชื่อมโยงกัน

    ผู้ต้องสงสัยและแรงจูงใจ

    แยกราชประสงค์: ภาพจากกล้องวงจรปิดพบผู้ต้องสงสัยเป็นชาวต่างชาติ ผมหยักศก สวมแว่น (มีการตั้งข้อสงสัยด้วยว่าอาจมีการสวมแว่นหรือใส่วิกเพื่อปลอมตัว) ผู้ต้องสงสัยสะพายเป้มาแต่ถอดวางทิ้งไว้บนม้านั่งบริเวณศาลพระพรหม ก่อนจะหยิบโทศัพท์มือถือขึ้นมาถ่ายรูปแล้วเดินจากไปโดยทิ้งเป้ไว้ โดยรายงานจากข่าวสดออนไลน์ได้เผยแพร่ภาพวงจรปิดจากจุดต่างๆ ในบริเวณใกล้เคียงที่ทำให้เห็นว่าผู้ต้องสงสัยนั่งรถตุ๊กตุ๊กมาลงที่หน้าโรงแรมเอราวัณ จากนั้นจึงเดินไปยังที่เกิดเหตุ และหลังจากที่เดินออกจากศาลพระพรหมมาสักพักจนเกิดเหตุระเบิดขึ้นก็ได้ขึ้นรถมอเตอร์ไซค์รับจ้างไปทางแยกศาลาแดง โดยจากการสืบสวนจักรยานยนตร์รับจ้างที่รับผู้ต้องสงสัยไปพบว่าผู้ต้องสงสัยสื่อสารด้วยภาษาอังกฤษเป็นคำสั้นๆ และพยานในบริเวณสถานที่ที่ไปส่งนั้นให้การว่าผู้ต้องสงสัยได้เรียกแท็กซีไ่ปสนามบิน (ข้อมูลจากเว็บไซต์ข่าวสดออนไลน์)

    ท่าน้ำสาทร: กรณีนี้นั้น เดิมทีมีการสันนิษฐานว่าคนร้ายโยนระเบิดลงมาจากบนสะพานสมเด็จพระเจ้าตากสินแต่พลาดทำให้ระเบิดตกลงไปในน้ำแล้วจึงระเบิด จนกระทั่งในเวลาต่อมา หลังจากมีการตรวจสอบภาพจากกล้องวงจรปิดในบริเวณดังกล่าว กลับพบชายต้องสงสัยที่มาปรากฏตัวในบริเวณดังกล่าวทั้งในวันที่ 17 ส.ค. 2558 หลังเกิดเหตุระเบิดที่แยกราชประสงค์ประมาณครึ่งชั่วโมง และยังมาปรากฏตัวที่เดิมในวันที่ 18 ส.ค. 2558 ก่อนเกิดการระเบิดขึ้น โดยในวันที่ 17 ส.ค. นั้น ชายต้องสงสัยได้เอาวัตถุบางอย่างออกมาจากกระเป๋าแล้วใช้เท้าเขี่ยให้ตกน้ำไป โดยจุดตกนั้นเป็นบริเวณกับจุดที่เกิดการระเบิดในวันต่อมา ส่วนในวันที่ 18 ส.ค. ชายคนดังกล่าวได้กลับมาที่เดิมอีกครั้ง โดยทำท่าเหมือนกำลังใช้โทรศัพท์มือถือถ่ายรูป ซึ่งหลังจากชายต้องสงสัยเดินจากไปได้ 3-4 นาที ก็เกิดการระเบิดขึ้น (ข้อมูลจากเว็บไซต์ไทยรัฐออนไลน์)

    อนึ่ง ต่อเรื่องแรงจูงใจของทั้งสองกรณีนั้น ทาง พ.อ. วินธัย สุวารี โฆษกคณะรัษาความสงบแห่งชาติ (คสช.) แถลงว่า “จากหน่วยข่าวมิตรประเทศ เป็นไปในทิศทางเดียวกัน คือ ไม่ใช่ผู้ก่อการร้ายสากล” ทั้งนี้ ในขณะเดียวกัน ก็มีรายงานโดยอ้างอิงสำนักข่าวรอยเตอร์สว่า “ทางการไทยได้ร้องขอให้องค์การตำรวจสากล ช่วยติดตามตัวชายผู้ต้องสัยว่าเป็นมือวางระเบิดที่แยกราชประสงค์ โดยจะส่งภาพสเก็ตช์ของผู้ต้องสงสัยไปให้ เพื่อใช้ประกอบการดำเนินการ ทั้งนี้รอยเตอร์สได้รับข้อมูลการร้องขอความช่วยเหลือดังกล่าวจากพลตำรวจโท กฤษณะ พัฒนะเจริญ รองโฆษกสำนักงานตำรวจแห่งชาติ”

    เจ้าของวงจรปิดราชประสงค์แจง ทำไมไม่ชัด!!

    ที่มาภาพ: http://www.naewna.com/local/174624
    ที่มาภาพ: http://www.naewna.com/local/174624

    ปัจจุบัน กล้องวงจรปิดได้กลายมาเป็นส่วนสำคัญในการเป็นหลักฐานเพื่อค้นหาตัวคนร้ายในคดีต่างๆ ทว่า บ่อยครั้งที่เราพบว่า ภาพคนร้ายที่กล้องวงจรปิดบันทึกไว้ได้และมาปรากฏในข่าวนั้น กลับอยู่ในสภาพที่ “ไม่ชัด” เสียจนชวนให้สงสัยและไม่เกิดความไว้วางใจว่าจะช่วยคลี่คลายคดีได้จริงๆ

    บ้างก็เอาไปล้อเลียนกันว่า กล้องที่ใช้ในการจับภาพผู้กระทำผิดกฎหมายจราจรนั้นให้ภาพที่คมชัดกว่ากล้องที่จับภาพคนร้ายในเหตุการณ์ต่างๆ ได้เสมอ

    ต่อความหวั่นใจดังกล่าว เว็บไซต์แนวหน้าออนไลน์ ได้พาเราไปสู่ความคลี่คลายในประเด็นเรื่องความไม่ชัดของกล้องวงจรปิดผ่านคำให้สัมภาษณ์ของผู้เชี่ยวชาญ บริษัท เอส.จี.ดี อินเตอร์เทรดดิ้ง จำกัด บริษัทผู้นำเข้า จัดจำหน่าย และติดตั้งกล้องวงจรปิด “ฟูจิโกะ” ซึ่งเป็นกล้องวงจรปิดที่ใช้ในบริเวณ “ลานพระพรหม” สี่แยกราชประสงค์ โดยสามารถสรุปความได้ดังนี้

    กล้องของฟูจิโกะที่ราชประสงค์มีจำนวน 8 ตัว เป็นกล้องแบบ SD ซึง่มีความละเอียดอยู่ที่ 5 แสนพิกเซล

    – กล้องที่ใช้ในการตรวจจับการกระทำผิดกฎหมายจราจรจะเป็นแบบเน้นการโฟกัสไปยังจุดใดจุดหนึ่ง เพื่อให้ได้ภาพทะเบียนรถอย่างชัดเจน

    อย่างไรก็ดี ผู้เชี่ยวชาญบอกว่า “หลังจากนี้เราจะเข้าไปติดตั้งกล้องวงจรปิดให้ใหม่ทั้งหมด เป็นระบบ HD ความละเอียดที่ 2 ล้านฟิกเซล รวม 16 ตัว เราจะรีโนเวทระบบใหม่ทั้งหมด เพื่อเป็นส่วนหนึ่งในการร่วมป้องกันเหตุไม่คาดคิด”

    ครม. “ประยุทธ์ 3” สมคิดและทีมคุมเศรษฐกิจ

    ดร.สมคิด จาตุศรีพิทักษ์
    ดร.สมคิด จาตุศรีพิทักษ์

    หลังจากลือและลุ้นรายชื่อโผ ครม. ประยุทธ์ 3 ในที่สุดรายชื่อก็ปรากฏโดยหนึ่งในการปรับที่ได้รับการจับตามองมากที่สุดก็คงไม่พ้นทีมเศรษฐกิจ ที่มี ม.ร.ว.ปรีดิยาธร เทวกุล หรือหม่อมอุ๋ย รองนายกรัฐมนตรี ด้านเศรษฐกิจ เป็นผู้กุมบังเหียน

    ม.ร.วปรีดิยาธรบอกว่า “ไม่สำคัญ (กรณีการสลับตำแหน่งกับนายสมคิด) สำคัญคือไม่เคยบอกผม ไม่เคยบอกไม่เคยติดต่อ ก็เลยไม่รู้ ที่ประชุมครม.เมื่อวานท่านนายกฯ ไม่ได้พูดเลย เพียงแต่พูดรวมๆ และไม่มีการคุยกันตัวต่อตัวไม่มี เลยไม่รู้ว่าใครอยู่ตรงไหน”

    งานนี้อาจเรียกได้ว่า “ใหญ่ทับใหญ่” เพราะทั้ง ม.ร.ว.ปรีดิยาธรและ ดร.สมคิดต่างก็มีชื่อชั้นทางการเมืองมานานด้วยกันทั้งคู่ แถมยังอยู่ในระดับที่ประชาชาติธุรกิจออนไลน์ระบุว่า ทั้งสองต่างก็มี “ทีมผู้มีบารมีนอกรัฐบาล ให้การสนับสนุน”

    สำหรับสมคิด ผู้ครั้งหนึ่งเคยเป็นกำลังสำคัญร่วมกับพันศักดิ์ วิญญรัตน์ เข็นนโยบายประชานิยมจน พ.ต.ท. ทักษิณ ชินวัตร สามารถชนะการเลือกตั้งอย่างท่วมท้น ก่อนสายสัมพันธ์ที่มีกับ พ.ต.ท. ทักษิณ จะขาดสะบั้นลง

    เมื่อรายชื่อที่ประกาศในราชกิจจานุเบกษาวันที่ 20 สิงหาคม 2558 มีชื่อ ดร.สมคิด จาตุศรีพิทักษ์ และทีมเข้ามาดูแลเศรษฐกิจแทนม.ร.ว.ปรีดิยาธร เทวกุล

    โดยม.ร.ว.ปรีดิยาธรให้สัมภาษณ์สื่อมวลชนในวันเดียวกัน น.ส.พ.ไทยรัฐ รายงานว่ามื่อวันที่ 20 สิงหาคม ที่ตึกบัญชาการ 1 ทำเนียบรัฐบาล ม.ร.ว.ปรีดิยาธร เทวกุล รองนายกรัฐมนตรี กำกับดูแลงานด้านเศรษฐกิจ แถลงเปิดใจภายหลังจาก พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี ระบุจะให้ไปดำรงตำแหน่งที่ปรึกษานายกรัฐมนตรี หลังจากถูกปรับออกจาก ครม. ว่า ขอปฏิเสธว่าไม่เป็นความจริง ประการแรก ยังไม่เคยมีใครทาบทาม และที่มีข่าวว่ามอบให้ นายอำพน กิตติอำพน เลขาธิการคณะรัฐมนตรี มาทาบทาม ก็ยังไม่ติดต่อมา ประการที่สอง ถึงจะทาบทามก็คงไม่รับ เพราะไม่เห็นด้วยกับการใช้หลักที่เรียกว่า แบ่งแยกแล้วปกครอง คือถ้าเห็นว่า นายสมคิด จาตุศรีพิทักษ์ เหมาะที่จะเป็นรองนายกรัฐมนตรี ก็ควรให้เขาทำงานอย่างเต็มที่ ควรสนับสนุนเขาอย่างเต็มที่ ไม่ควรจะตั้งที่ปรึกษาไปคอยตามจับผิด แบบนี้มันไม่ดี

    “ผมเองกับคุณสมคิดก็รู้จักกัน ถ้าอะไรไม่เหมาะผมก็โทรบอกเขาตรงๆ ได้อยู่แล้ว แต่ระหว่างนี้เราต้องสนับสนุนเขาเต็มที่ ไม่ควรแบ่งแยกแล้วปกครองอีกต่อไป ประเทศไทยทะเลาะกันไม่ได้อีกแล้ว ตอนนี้ต้องช่วยกันทำให้เศรษฐกิจดี เดินให้ได้ก็เลยอยากจะฝากสื่อมวลชนว่า อย่าไปออกข่าวเลยว่าผมไปเป็นที่ปรึกษาไม่เคยมีการทาบทาม ถ้าทาบทามก็จะไม่รับ ไม่ชอบหลักการแบ่งแยกปกครองมาแต่ไหนแต่ไรแล้ว” ม.ร.ว.ปรีดิยาธร

    “เจ๊เกียว” ยังไม่ลดค่าโดยสาร อ้างคมนาคมยังไม่แจ้ง

    ที่มาภาพ: http://www.naewna.com/local/174624
    ที่มาภาพ: http://www.naewna.com/local/174624

    แม้กรมขนส่งทางบก จะมีหนังสือแจ้งไปยังผู้ประกอบการรถโดยสารทุกรายให้ลดค่าโดยสารตั้งแต่วันที่ 20 ส.ค. 2558 กระนั้น “เจ๊เกียว” หรือนางสุจินดา เชิดชัย นายกสมาคมผู้ประกอบการรถโดยสารขนส่งและเจ้าของบริษัทเดินรถ เชิดชัยจำกัด ก็ยังยืนยันว่าจะยังไม่ลดค่าโดยสาร โดยบอกว่า

    “รถทัวร์ของบขส. จะปรับลดค่าโดยสารลง ก็ไม่เกี่ยวกับรถทัวร์ของเอกชน เพราะเราไม่ได้รับแจ้งอะไรเลยเกี่ยวกับค่าโดยสาร ไม่มีใครสั่งมาว่าให้เราลดราคา ดังนั้นผู้ประกอบการเอกชนจะลดหรือไม่ลดหรือไม่ลดค่าโดยสารก็ได้ รวมทั้ง บขส.ซึ่งเป็นหน่วยงานกำกับ ก็ไม่ได้แจ้งอะไรมายังผู้ปะกอบการ โดยที่ผ่านมาเราก็ไม่เคยได้รับข่าวสารเลยว่าคณะกรรมการขนส่งทางบกกลางมีมติให้ปรับลดค่าโดยสาร จึงจะยังไม่ปรับลดค่าโดยสารในตอนนี้”

    ทั้งนี้ นายนพรัตน์ การุณยะวนิช รักษาการผู้จัดการใหญ่ บริษัท ขนส่ง จำกัด (บขส.) กล่าวว่า เมื่อวันที่ 19 ส.ค. ที่ผ่านมา ขบส. ในฐานะหน่วยงานกำกับดูแลผู้ประกอบการรถโดยสารหมวด 2 (กทม.-ต่างจังหวัด) และหมวด 3 (ระหว่างจังหวัดกับจังหวัด) ได้ส่งหนังสือแจ้งไปยังผู้ประกอบการจำนวน รวมประมาณ2,000 ราย ให้ปรับลดค่าโดยสารรถลง 3 สตางค์ต่อ กม. โดยเริ่มมีผลตั้งแต่วันที่ 20 ส.ค. ตามมติของคณะกรรมการควบคุมการขนส่งทางบกกลาง ซึ่งหากผู้ประกอบการรายใดไม่ปรับลดจะถือว่าเป็นการฝ่าฝืนกฎหมายจะต้องถูกดำเนินคดีต่อไป

    ส่วนโทษของการไม่ปฏิบัติตาม นายธีระพงษ์ รอดประเสริฐ อธิบดีกรมการขนส่งทางบก บอกว่า จะต้องถูกปรับเป็นเงิน 5,000 บาทต่อตั๋วโดยสาร 1 ใบ

    โสมชนโสม เกาหลีเหนือยิงถล่มเสียงตามสายเกาหลีใต้

    ที่มาภาพ: http://www.matichon.co.th/news_detail.php?newsid=1440061875
    ที่มาภาพ: http://www.matichon.co.th/news_detail.php?newsid=1440061875

    21 ส.ค. 2558 มติชนออนไลน์รายงานว่า จากรายงานของยอนฮัพ กระทรวงกลาโหมของเกาหลีใต้กล่าวว่า หน่วยต่อต้านการโจมตีของเกาหลีใต้สามารถจับสัญญาณการยิงปืนใหญ่ของเกาหลีเหนือโดยมีเป้าหมายมายังฝั่งของกองทัพเกาหลีใต้ได้บริเวณพรมแดนด้านตะวันตกในวันนี้(20สิงหาคม)

    “วิถีกระสุนปืนใหญ่ที่น่าจะมาจากกองทัพเกาหลีเหนือหลายลูกถูกตรวจจับได้โดยเรดาร์ของหน่วยต่อต้านการโจมตี(ของเกาหลีใต้)เมื่อเวลา15:52นาฬิกา(ตามเวลาท้องถิ่น)”เจ้าหน้าที่กลาโหมเกาหลีใต้กล่าว

    เบื้องต้นยังไม่มีรายงานความเสียหายและกองทัพเกาหลีใต้ได้ยิงปืนใหญ่ตอบโต้เกาหลีเหนือกลับไปหลายสิบนัด

    เกาหลีใต้ได้สั่งอพยพประชาชนราว100คนออกจากพื้นที่ที่ใกล้กับพรมแดนด้านตะวันตกแล้วและได้เรียกประชุมสภาความมั่นคงเป็นการด่วนเพื่อหารือถึงการรับมือการโจมตีของเกาหลีเหนือในครั้งนี้

    ข้อมูลเพิ่มเติมจากUSATodayกล่าวว่าก่อนหน้านี้รัฐบาลเกาหลีเหนือได้ออกมายืนยันว่าจะทำการตอบโต้การออกอากาศเสียงตามสายของเกาหลีใต้บริเวณชายแดนซึ่งเป็นการกล่าวโจมตีเกาหลีเหนือและสรรเสริญเกาหลีใต้โดยเกาหลีใต้เริ่มออกอากาศหลังออกมาอ้างว่าเกาหลีเหนือแอบวางกับระเบิดในเขตปลอดทหารและทำให้ทหารเกาหลีใต้ได้รับบาดเจ็บ

    ด้านสำนักข่าวArirangได้ยืนยันว่าเป้าหมายการโจมตีของเกาหลีเหนือคือลำโพงที่ออกอากาศของเกาหลีใต้และล่าสุดยอนฮัพกล่าวว่า เกาหลีเหนือได้ขู่ว่าจะใช้มาตรการทางการทหารเล่นงานเกาหลีใต้หากยังไม่ยอมยุติการเล่นสงครามโฆษณาชวนเชื่อ

    ขณะที่รอยเตอร์สกล่าวว่ากระทรวงกลาโหมของเกาหลีใต้ได้ให้ข้อมูลเพิ่มเติมว่าหลังการตอบโต้จากเกาหลีใต้, เกาหลีเหนือมิได้ยิงต่อสู้กลับไป แต่ได้ออกหนังสือเตือนแจ้งว่าเกาหลีเหนือจะใช้มาตรการทางทหารเป็นการตอบโต้ หากเกาหลีใต้ยังไม่ยอมเคลื่อนย้ายลำโพงออกอากาศภายในเวลา 48 ชั่วโมง