ThaiPublica > เกาะกระแส > ประเด็นฮอตรอบสัปดาห์ > ประเด็นฮอตรอบสัปดาห์: “ราชพฤกษ์โมเดล”​ นำ 3 โรงพักกวาดล้างเด็กแว้นครั้งใหญ่ – นักข่าวอ่านชื่อ ผบ.ตร. ผิด “สมยศ” บอก “เรื่องเล็กน้อย”

ประเด็นฮอตรอบสัปดาห์: “ราชพฤกษ์โมเดล”​ นำ 3 โรงพักกวาดล้างเด็กแว้นครั้งใหญ่ – นักข่าวอ่านชื่อ ผบ.ตร. ผิด “สมยศ” บอก “เรื่องเล็กน้อย”

6 มิถุนายน 2015


ประเด็นฮอตรอบสัปดาห์ประจำวันที่ 31 พฤษภาคม – 6 มิถุนายน 2558

  • “ราชพฤกษ์โมเดล”​ นำ 3 โรงพักกวาดล้างเด็กแว้นครั้งใหญ่ แต่ฟ้องไม่ทันปล่อยตัว125คน
  • นักข่าวอ่านชื่อ ผบ.ตร. ผิด “สมยศ” บอก “เรื่องเล็กน้อย”
  • คุมตัว “เกย์นที” เอี่ยวโกงยูฟัน
  • ประธานฟีฟ่าลาออกหลังรับตำแหน่ง 4 วัน
  • ลือ “บ้านบูชาขี้หมา” ที่แท้ถุงปุ๋ยหมักจุลินทรีย
“ราชพฤกษ์โมเดล”​ นำ 3 โรงพักกวาดล้างเด็กแว้นครั้งใหญ่ แต่ฟ้องไม่ทันปล่อยตัว125คน
ganster
ที่มาภาพ: http://www.thairath.co.th/content/502295

ในช่วงสัปดาห์ที่ผ่าน ข่าวฮือฮาที่ดูเหมือนจะถูกอกถูกใจประชาชนในกรุงเทพมหานคร ก็คงไม่พ้นข่าวการล้อมจับกุม “เด็กแว้น”​ โดยไทยรัฐออนไลน์รายงานว่า เมื่อเวลาประมาณ 02.00 น. ของเช้าวันที่ 31 พฤษภาคม 2558 ที่ผ่านมา พ.ต.อ. วิศาล พันธุ์มณี รองผู้การกองบังคับการตำรวจนครบาล 8 เปิดปฏิบัติการ “ราชพฤกษ์โมเดลฯ” นำ 3 โรงพัก ในพื้นที่สนธิกำลังทหาร รวบเด็กแว้นสาวสก๊อย 437 คน เป็นเยาวชน 200 คน ยึดจักรยานยนต์ 272 คัน หลังถูกต้อนจนมุมกลางสะพานข้ามแยกรัชดา-ท่าพระ โดยมีการวางแผนนาน 3 อาทิตย์ ขณะที่กลุ่มเด็กแว้นถูกจับตรวจฉี่หาสารเสพติด ท่ามกลางพ่อแม่ญาติพี่น้องตามหาแน่นโรงพัก สาววัยรุ่นท้อง 8 เดือน สักลายเต็มหลังถูกจับด้วย

ส่วนรายละเอียดการเข้าจับกุมนั้น พ.ต.อ. วิศาล พันธุ์มณี รองผู้การกองบังคับการตำรวจนครบาล 8 และ พ.ต.อ.มานพ สุคนธ์ธนพัฒน์ ผกก.สน.ตลาดพลู สนธิกำลังเจ้าหน้าที่ตำรวจ สน.ตลาดพลู สน.บางยี่เรือ สน.สำเหร่ ทหารสังกัด ชป.พท.ร้อย รส.ป.พัน.19 ค่ายสุรสีห์ จ.กาญจนบุรี และอาสาสมัครหน่วยกู้ภัย ป่อเต็กตึ๊ง 100 นาย ยานพาหนะ 10 คัน ปิดถนนราชพฤกษ์ช่วงสะพานข้ามแยกรัชดาท่าพระฝั่งมุ่งหน้ากำนันแม้น แขวงตลาดพลู เขตธนบุรี เพื่อจับกุมเด็กแว้นที่สร้างความเดือดร้อนรำคาญในพื้นที่ โดยเจ้าหน้าที่ได้วางกำลังจัดจอดยานพาหนะแฝงตัวอยู่ในตรอกซอกซอย เพื่อรอแก๊งเด็กแว้น ขี่ จยย. แต่งซิ่งมารวมตัวกันบริเวณถนนกรุงธนบุรี ใต้สถานีรถไฟฟ้ากรุงธนบุรี ก่อนเคลื่อนตัวมุ่งหน้าเข้าถนนราชพฤกษ์

พ.ต.อ. วิศาล สั่งการให้กำลังชุดแรกใช้รถกระบะและรถยนต์สายตรวจเปิดไซเรนไล่ ส่งผลให้กลุ่มเด็กแว้นบิดคันเร่งขี่หนีขึ้นสะพานข้ามแยกรัชดา-ท่าพระ มุ่งหน้าซอยกำนันแม้น ขณะเดียวกันได้ให้กำลังอีก 2 ชุดนำพาหนะเข้าสกัดกั้นปิดเชิงสะพานทั้ง 2 ฝั่ง แล้วจู่โจมจับกุมกลางสะพาน ส่งผลให้รถมอเตอร์ไซค์แต่งซิ่งนับร้อยคันถูกปิดทางหนี หลายคันเกี่ยวกันล้มระเนนระนาด สุดท้ายคุมเด็กแว้นและสาวสก๊อยได้ทั้งสิ้นเกือบ 500 ราย อายุระหว่าง 13-30 ปี พร้อมยึดรถ จยย. ของกลางไปดำเนินคดีที่ สน.ตลาดพลู อีกกว่า 200 คัน

ทั้งนี้ พ.ต.อ. วิศาล กล่าวว่า การจับกุมครั้งนี้เป็นไปตามแผนปฏิบัติการ “ราชพฤกษ์โมเดล กวาดล้างเด็กแว้นและสาวสก๊อยป่วนเมือง” บก.น.8 วางแผนไว้เมื่อ 3 สัปดาห์ที่แล้ว โดยตลอด 3 สัปดาห์ที่ผ่านมา ปล่อยให้กลุ่มเด็กแว้นตายใจไม่ไล่กวดจับ แต่จะมีชุดเฉพาะกิจลงพื้นที่บันทึกข้อมูล จยย. แต่งซิ่งที่เข้ามาใช้ทางสาธารณะแข่งขันโดยตลอด พบว่าเส้นทางที่มักพบการกระทำความผิดอยู่ในพื้นที่ สน.ตลาดพลู สน.บางยี่เรือ และ สน.สำเหร่ มอบหมายให้ทั้ง 3 สน. ร่วมกันวางแผนกับเจ้าหน้าที่ทหารและอาสาสมัครในพื้นที่แบบลับๆ ก่อนกำหนดวันปฏิบัติการตามแผนจนกวาดล้างจับกุมได้ผู้ต้องหาและของกลางจำนวนมากอย่างที่เห็น

ต่อมาข่าวเดลินิวส์รายงานว่าพนักงานอัยการพิจารณาแล้วได้ยื่นคำร้องต่อศาลแขวงธนบุรีสรุปว่า คดีนี้พนักงานสอบสวนนำผู้ต้องหาพร้อมสำนวนส่งให้พนักงานอัยการดำเนินคดี ซึ่งเป็นคดีอยู่ในอำนาจของศาลแขวงธนบุรี แต่มีเหตุจำเป็น ไม่สามารถฟ้องผู้ต้องหาได้ทันในกำหนดเวลา 48 ชั่วโมงนับแต่จับกุม จึงขอผัดฟ้องและฝากขังผู้ต้องหาทั้งหมดต่อศาล เป็นเวลา 6 วัน ตั้งแต่วันที่ 2-7 มิ.ย. ศาลพิเคราะห์แล้วเห็นว่า คดีนี้ผู้ต้องหาให้การรับสารภาพตลอดข้อกล่าวหา พนักงานอัยการจึงต้องยื่นฟ้องผู้ต้องหาต่อศาลภายในกำหนดเวลา 48 ชั่วโมง ตามกฎหมายนับแต่วันจับกุม ดังนั้นจึงไม่มีเหตุจำเป็นที่จะขอผัดฟ้องผู้ต้องหา ให้ยกคำร้อง

ทั้งนี้เมื่อศาลยกคำร้องฝากขังทำให้ผู้ต้องหาทั้ง 125 คน ได้รับการปล่อยตัวเป็นอิสระ โดยไม่ต้องประกันตัวในทันที จึงแยกย้ายกันเดินทางกลับบ้าน แต่ต้องมารายงานตัวในวันที่อัยการยื่นฟ้องศาลอีกครั้งต่อไป

นักข่าวอ่านชื่อ ผบ.ตร. ผิด “สมยศ” บอก “เรื่องเล็กน้อย”

Screen Shot 2558-06-05 at 11.22.42 PM
ที่มาภาพ: https://www.youtube.com/watch?v=LVQyXyZs270

หลังจากที่รายการ “เคาะข่าวสุดสัปดาห์” ทางสถานีโทรทัศน์ช่อง 7 เอชดี ออกอากาศเมื่อวันที่ 30 พฤษภาคมที่ผ่านมา ดำเนินรายการโดย นายณัชฐพงศ์ มูฮำหมัด นางสาว ภานุรัตน์ พรหมคชสุต และ นางสาว ศจี วงศ์อำไพ ได้รายงานพาดหัวข่าวการถอดยศของ พ.ต.ท. ทักษิณ ชินวัตร ระบุว่า “ถอดยศ พ.ต.ท. ทักษิณ ตร. มีมติ สมยศเซ็นส่งบิ๊กตู่” โดยพบว่าหนึ่งในผู้ดำเนินรายการสาวได้อ่านคำว่า “ตำรวจมีมติสมยศ” ซึ่งก็คือชื่อของ พล.ต.อ. สมยศ พุ่มพันธุ์ม่วง ผู้บัญชาการตำรวจแห่งชาติ (ผบ.ตร.) ผิดเล็กน้อย จึงทำให้ในเครือข่ายเฟซบุ๊กได้โพสต์วิดีโอคลิปรายการ สร้างอารมณ์ขันแก่ผู้ที่ได้พบเห็น และเห็นว่าเป็นความผิดพลาดที่เกิดขึ้นได้

ด้าน นางสาว ภานุรัตน์ พรหมคชสุต ผู้ประกาศข่าวสถานีโทรทัศน์ช่อง 7 เอชดี ที่ออกเสียง พล.ต.อ. สมยศ ผิดดังกล่าว ก็ได้โพสต์ข้อความบนเฟซบุ๊กส่วนตัว ขออภัยต่อผู้ชมรายการ โดยระบุว่า

“สำหรับความผิดพลาดที่เกิดขึ้น ปอยต้องกราบขออภัยไว้ ณ ที่นี้ด้วยนะคะ ไม่มีเจตนาจะออกเสียงชื่อ ท่าน ผบ.ตร. ให้ผิดเพี้ยนไปเป็นคำอื่น น้อมรับความผิดทุกอย่างค่ะ ความผิดพลาดในครั้งนี้ถือเป็นบทเรียน ที่ตัวปอยเองและทางช่อง 7 สี ไม่ได้นิ่งนอนใจ เบื้องต้นได้รายงานไปยังผู้บังคับบัญชา และพยายามประสานไปทางท่าน ผบ.ตร. เพื่อที่จะขอเข้าไปกราบขอโทษท่านด้วยตัวเอง

อย่างไรก็ตาม ปอยต้องขอขอบคุณทุกๆ กำลังใจที่มีให้กันในวันที่พลาด ส่วนคำติติงจะขอน้อมรับไว้ พิจารณาตัว และปรับปรุงแก้ไขต่อไป เพื่อไม่ให้เหตุการณ์แบบนี้เกิดขึ้นอีก กราบขออภัยจากใจ อีกครั้งค่ะ”

ขณะที่ไทยรัฐออนไลน์ รายงานว่า ผู้บัญชาการตำรวจแห่งชาติได้กล่าวถึงกรณีดังกล่าวว่า เป็นเรื่องเล็กน้อย ใครๆ ก็ผิดพลาดกันได้ทั้งนั้น ยิ่งถ้าเธอยอมรับในความผิดพลาดแสดงว่าเธอมีความรับผิดชอบในสิ่งนั้น ผมเป็นผู้ใหญ่ก็ต้องให้อภัย และให้กำลังใจให้เธอเข้มแข็งทำหน้าที่ต่อไป และอวยพรขออย่าให้เกิดสิ่งผิดขึ้นอีกเดี๋ยวทำให้หมดกำลังใจและฝากบอกผู้ใหญ่ทางช่อง 7 ว่าอย่าตำหนิหรือลงโทษน้องเขานะ จะทำให้ผมยิ่งไม่สบายใจ และให้โอกาสน้องเขาด้วย”

คุมตัว “เกย์นที” เอี่ยวโกงยูฟัน

ufun
กลุ่มสมาชิกบริษัทยูฟัน กว่า 100 คน ออกมารวมตัวบริเวณลานหน้าห้างเซ็นทรัลเวิลด์ เมื่อวันที่ 20 เมษายน 2558 ที่มาภาพ: http://www.thairath.co.th/content/494069

เมื่อวันที่ 4 มิถุนายน 2558 ที่ผ่านมา มติชนออนไลน์รายงานว่า พลตำรวจโท สุวิระ ทรงเมตตา ผู้ช่วยผู้บัญชาการตำรวจแห่งชาติ ได้นำตัวนายนที ธีระโรจนพงษ์ หรือ “เกย์นที” พร้อมด้วย นายธนา วงศ์ขำ และ นายสมชาย สิริเลิศสุวรรณ ผู้ต้องหาร่วมกันกู้ยืมเงินที่เป็นการฉ้อโกงประชาชน ตามหมายจับลำดับที่ 39, 40 และ 41 ในคดีแชร์ลูกโซ่ยูฟัน มายังท่าอากาศยานดอนเมือง

โดยเมื่อวันที่ 3 มิถุนายน ชุดสืบสวนและคลี่คลายคดีนี้จับกุมตัวนายนทีได้ที่ด่านตรวจคนเข้าเมืองจังหวัดมุกดาหาร ส่วนนายธนา จับได้ที่ด่านตรวจคนเข้าเมืองจังหวัดหนองคาย ขณะเดินทางออกไปประเทศลาว และนายสมชาย จับได้ที่ท่าอากาศยานดอนเมือง หลังเดินทางกลับจากฮ่องกง

พลตำรวจโท สุวิระ เปิดเผยว่า ตำรวจมีหลักฐานชี้ชัดว่าผู้ต้องหาทั้ง 3 คน เป็นแม่ข่ายบริษัทยูฟัน ซึ่งนายนทีและนายธนายังเป็นผู้บรรยายให้บุคคลหลงเชื่อเข้าร่วมลงทุนกับบริษัทยูฟัน ส่วนนายสมชาย พบหลักฐานการโอนเงินกว่า 40 ล้านบาท จากเครือข่ายบริษัทยูฟัน

ด้านนายนทีอ้างว่า ไม่ทราบว่าถูกออกหมายจับ ยืนยันไม่ได้หลบหนี แต่จะเดินทางไปบ่อนพนันที่ประเทศเพื่อนบ้านเท่านั้น และตัวเองได้ลงทุนกับบริษัทยูฟันเมื่อเดือนสิงหาคม 2557 ครั้งแรก 35,000 บาท ซึ่งมีสมาชิกกว่า 50 คน ส่วนใหญ่เป็นญาติและเพื่อนสนิท พร้อมยืนยันว่าตัวเองไม่ใช่แม่ข่าย ไม่ได้เป็นวิทยากรชักชวนบุคคลอื่นให้ร่วมลงทุน และปฎิเสธว่าไม่เคยชักชวนให้สมาชิกยูฟันเดินขบวนเรียกร้องขอความเป็นธรรม ที่เซ็นทรัลเวิลด์ และหลังจากทราบข้อมูลบริษัทยูฟันจากตำรวจจึงรู้ตัวว่าถูกหลอก และขอให้ผู้ต้องหาในคดีนี้เข้ามอบตัวกับตำรวจ ส่วนตัวเองหากได้รับการประกันตัว จะเข้าแจ้งความดำเนินคดีกับบริษัทยูฟันในฐานะผู้เสียหาย

จากนั้นตำรวจได้คุมตัวผู้ต้องหาทั้ง 3 คน ไปสอบปากคำที่กองบังคับการปราบปรามการกระทำความผิดเกี่ยวกับการคุ้มครองผู้บริโภค หรือ ปคบ. เพื่อดำเนินคดีตามขั้นตอนกฎหมายต่อไป

ประธานฟีฟ่าลาออกหลังรับตำแหน่ง 4 วัน

blatter_2714627b
ที่มาภาพ: http://www.telegraph.co.uk/sport/football/news/10406152/Sepp-Blatter-Yaya-Toures-proposal-to-boycott-the-2018-World-Cup-in-Russia-would-achieve-nothing.html

ดราม่าวงการฟุตบอลยังคงเข้มข้นขึ้นเรื่อยๆ นับตั้งแต่มีการจับกุมและขุดคุ้ยผู้ที่เกี่ยวข้องกับการทุจริตในสหพันธ์ฟุตบอลระหว่างประเทศ หรือ ฟีฟ่า (FIFA) (อ่านไทม์ไลน์เหตุการณ์ทั้งหมดได้ที่เว็บไซต์ดิอินดีเพ็นเดนต์) ล่าสุด เว็บไซต์สนุกดอทคอมรายงานว่า นาย เซพพ์ บลัทเทอร์ ประธานฟีฟ่าคนล่าสุดที่เพิ่งได้รับตำแหน่งเพียง 4 วัน ตัดสินใจประกาศอำลาจากตำแหน่งอย่างเป็นทางการแล้ว

นาย เซพพ์ บลัทเทอร์ เพิ่งรับตำแหน่งเป็นสมัยที่ 5 มาหมาดๆ ในสัปดาห์ที่แล้ว แต่หลังจากถูกแรงกดดันจากทั่วทุกสารทิศ เนื่องจากก่อนหน้าที่จะมีการเลือกตั้งนั้นผู้บริหารระดับสูงของฟีฟ่าโดนทางตำรวจสากลบุกจับถึงโรงแรมที่พักในประเทศสวิตเซอร์แลนด์

อย่างไรก็ตาม เมื่อบลัทเทอร์ขึ้นมาแถลงการณ์กลับกลายเป็นข่าวช็อกแฟนบอลเพราะเจ้าตัวประกาศว่าจะก้าวลงจากตำแหน่งหลังจากการประชุมหนหน้า ส่วนการเลือกตั้งครั้งใหม่คาดว่าจะเป็นช่วงระหว่างเดือนธันวาคมปีนี้และเดือนมีนาคมปี 2016

บลัทเทอร์แถลงว่า “ผมจะจัดการประชุมสุดยอดเพื่อหาตัวแทนของผมมานั่งตำแหน่งประธานแทน ผมจะไม่อยู่ต่อ ตอนนี้ผมอิสระจากการเลือกตั้งแล้ว ผมลงเลือกตั้งอีกครั้งเพราะคิดว่าเป็นตัวเลือกที่ดีที่สุด แต่ดูเหมือนอาณัติปกครองของผมจะไม่ได้รับการสนับสนุนจากทุกคน

ผมรู้สึกเหมือนถูกบังคับให้ลงเลือกตั้งอีกครั้ง เพราะผมเชื่อว่านี่เป็นสิ่งที่ดีที่สุดสำหรับองค์กร การเลือกตั้งจบไปแล้วแต่ความท้าทายของฟีฟ่ายังไม่จบ ฟีฟ่าต้องปฏิรูปเสียใหม่ ฉะนั้นแล้วผมจึงตัดสินใจสละตำแหน่งประธานฟีฟ่า ผมจะขอให้คณะกรรมการจัดการประชุมเพื่อตามหาคนสืบทอดตำแหน่งของผมอย่างไวที่สุด”

ลือ “บ้านบูชาขี้หมา” ที่แท้ถุงปุ๋ยหมักจุลินทรีย์

ที่มาภาพ : https://www.google.co.th/maps/@13.897711,100.569023,3a,90y,337.96h,94.23t/ data=!3m4!1e1!3m2!1s_51WrdGmy1a0KNjWJWOJaA!2e0
ที่มาภาพ : https://www.google.co.th/maps/@13.897711,100.569023,3a,90y,337.96h,94.23t/
data=!3m4!1e1!3m2!1s_51WrdGmy1a0KNjWJWOJaA!2e0

จากกรณีที่มีผู้โพสต์ภาพและข้อความในโลกออนไลน์ บนเว็บไซต์พันทิป หัวข้อ “ลัทธิบูชาขี้หมา” ระบุว่า “ในชุมชนพงษ์เพชรแจ้งวัฒนะ14 กรุงเทพฯ มีอยู่บ้านหนึ่ง ไม่รู้โรคจิตหรืออย่างไร เอาขี้หมาใส่ถุง แล้วเอามาแขวนไว้หน้าบ้าน ตอนเช้าๆจะออกมารดน้ำ เพื่อให้มีกลิ่นเหม็นครับ ตอนนี้คนในชุมชนมีสุขภาพแย่ครับ ได้กลิ่นเหม็นของขี้หมาครับ ได้ทำการแจ้งเขตฟ้องศาลไปแล้ว ทหารมาก็ถูกด่ากลับไป ไม่เห็นมีใครทำอะไรได้ รบกวนผู้มีส่วนเกี่ยวข้องช่วยจัดการทีครับ จะเป็นพระคุณอย่างยิ่งกับคนในชุมชนครับ ขอบคุณครับ” หลังจากข้อความดังกล่าวได้ถูกโพสต์ลงไป ก็มีผู้แสดงแสดงความคิดเห็น และเริ่มขุดคุ้ยเรื่องราวของบ้านหลังนี้เป็นจำนวนมาก

โดยทีมงานรถปลดทุกข์ ของไทยรัฐทีวี ได้ลงพื้นไปพิสูจน์ความจริงที่ซอยแจ้งวัฒนะ 14 เขตหลักสี่ ก็พบบ้านหลังหนึ่งมีถุงพลาสติกมากมายผูกติดอยู่กับประตูบ้าน จึงได้สอบถามกับเจ้าของบ้านถึงเรื่องที่เกิดขึ้นก็ได้รับคำตอบว่า ถุงพลาสติกที่แขวนอยู่เต็มหน้าบ้านนั้นเป็นถุงปุ๋ยหมักจุลินทรีย์ ไม่ใช่ถุงที่บรรจุขี้หมาอย่างที่เป็นข่าว

จากนั้นทีมงานรถปลดทุกข์ จึงได้เอาถุงพลาสติกที่แขวนอยู่ที่ประตูบ้านมาเปิดดูเพื่อพิสูจน์ความจริงว่าถุงที่เห็นนั้นเป็นปุ๋ยหมักจุลินทรีย์หรือขี้หมาอย่างที่เป็นข่าว หลังจากที่แกะถุงพลาสติกออกมาดูแล้วก็พบว่าในถุงนั้นมีเพียงเศษผลไม้ เช่น เปลือกแตงโม เปลือกส้ม เท่านั้น

นอกจากนั้น เจ้าของบอกยังบอกสาเหตุที่เอาถุงปุ๋ยหมักจุลินทรีย์มาแขวนไว้ที่หน้าบ้านนั้นเพราะเมื่อหลายสิบปีก่อนบ้านหลังนี้เคยถูกขโมยขึ้นบ้าน และหมาที่เลี้ยงไว้หลายสิบตัวถูกวางยาเบื่อจนเสียชีวิต ตนเองจึงเอาถุงพลาสติกใส่ปุ๋ยแล้วนำมาแขวนไว้ที่หน้าบ้านเพื่อป้องกันหมาที่ตนเองเลี้ยงไว้กว่า 10 ตัวจะโดนยาเบื่อ และขโมยที่จะขึ้นบ้านเท่านั้น

ทางเจ้าของบ้านยังยืนยันอีกว่าตนเองจะไม่เอาถุงพลาสติกที่แขวนอยู่หน้าบ้านนั้นออกไป เพราะว่าหมู่บ้านแห่งนี้มีแต่คนไม่ชอบตนเอง