ThaiPublica > เกาะกระแส > ประเด็นฮอตรอบสัปดาห์ > ประเด็นฮอตรอบสัปดาห์ :เจ้าหน้าที่บุกระงับเสวนา”นิธิ-ประจักษ์”ที่ม.ธรรมศาสตร์ – อาขยานค่านิยมคนไทย 12 ประการ กวีดังติง “เป็นเพียงกลอนสุกเอาเผากิน”

ประเด็นฮอตรอบสัปดาห์ :เจ้าหน้าที่บุกระงับเสวนา”นิธิ-ประจักษ์”ที่ม.ธรรมศาสตร์ – อาขยานค่านิยมคนไทย 12 ประการ กวีดังติง “เป็นเพียงกลอนสุกเอาเผากิน”

20 กันยายน 2014


ประเด็นที่น่าสนใจในรอบสัปดาห์ระหว่าง 13-20 กันยายน 2557

นิวยอร์กไทมส์เผยแบบเรียนไทยลบ “ทักษิณ” ออกจากประวัติศาสตร์
นักท่องเที่ยวอังกฤษถูกฆ่าบนเกาะ – นายกฯ โต้ “พวกเขาคิดว่าใส่บิกินี่แล้วปลอดภัยเหรอ”
เจ้าหน้าที่บุกระงับเสวนาที่ม.ธรรมศาสตร์
มติโวตแยกสกอตแลนด์จากอังกฤษไม่ผ่าน – ชาวคาทาโลเนียขอสิทธิ์ได้โหวตบ้าง
ผุดแล้วอาขยานค่านิยมคนไทย 12 ประการ – กวีดังติง “เป็นเพียงกลอนสุกเอาเผากิน”

นิวยอร์กไทมส์เผยแบบเรียนไทยลบ “ทักษิณ” ออกจากประวัติศาสตร์

พ.ต.ท.ทักษิณ ชินวัตร  ที่มาภาพ : http://www.nationmultimedia.com
พ.ต.ท.ทักษิณ ชินวัตร ที่มาภาพ : http://www.nationmultimedia.com

เมื่อ 16 ก.ย. ที่ผ่านมา เว็บไซต์ประชาชาติธุรกิจรายงานอ้างจากเว็บไซต์นิวยอร์กไทมส์ ในบทความชื่อ “Loved and Hated, Former Premier of Thailand Is Erased From Textbook” โดย โทมัส ฟุลเลอร์ ซึ่งมีการรายงานข่าวกรณีแบบเรียนวิชาประวัติศาสตร์ของกระทรวงศึกษาธิการ ไม่มีชื่อ พ.ต.ท.ทักษิณ ชินวัตร อดีตนายกรัฐมนตรี ในเนื้อหาแบบเรียนของนักเรียนชั้นมัธยม ซึ่งแบบเรียนดังกล่าวรัฐบาลเพิ่งมีคำสั่งให้ใช้ในโรงเรียนรัฐ

ทั้งนี้ข่าวดังกล่าวได้อ้างถึงนักวิชาการผู้เขียนแบบเรียนวิชาประวัติศาสตร์ ถนอม อานามวัฒน์ อาจารย์ด้านวิชาประวัติศาสตร์ ได้บอกว่าชื่อของ พ.ต.ท.ทักษิณถูกให้นำออกจากแบบเรียนกระทรวงศึกษาธิการ

โดยในข่าวรายงานว่า กระทรวงศึกษาฯ ได้มีคำสั่งให้โรงเรียนมัธยมของรัฐทั้งหมดใช้ตำราเรียนใหม่ ซึ่งเป็นหนึ่งในความพยายามที่จะปลูกฝังความรักชาติให้เยาวชนไทย และการเรียนรู้ถึงช่วงความรุ่งโรจน์ของราชอาณาจักรสยามในอดีต

อย่างไรก็ตาม รายงานระบุว่า รัฐบาลหรือบุคคลในกระทรวงศึกษาธิการไม่ได้ชี้แจงหรืออธิบายสาเหตุที่ลบชื่อ พ.ต.ท.ทักษิณออกจากแบบเรียน

ในรายงานของนิวยอร์กไทมส์ได้กล่าวถึงตัวอย่างที่หลายประเทศในเอเชียได้ตัดข้อมูลหรือข้อเท็จจริงจากเหตุการณ์ทางการในประวัติศาสตร์ออก เช่น กรณีเหตุการณ์ที่จตุรัสเทียนอันเหมินในจีน หรือกรณีในเกาหลีเหนือ ที่มีการตัดภาพลุงของคิม จอง อึน ผู้นำเกาหลีเหนือออกจากฟุตเทจของรายงานโทรทัศน์ หลังลุงของเขาถูกตัดสินประหารชีวิตเมื่อปีก่อน

ทั้งนี้มีการสัมภาษณ์ ศาสตราจารย์พิเศษ ดร.ชาญวิทย์ เกษตรศิริ นักวิชาการประวัติศาสตร์เอเชียตะวันออกเฉียงใต้ ให้ความเห็นว่า เป็นเรื่องยากขึ้นในยุคนี้ เพราะมีโซเชียลมีเดีย และไม่ง่ายในการที่จะควบคุมความคิดของคนจำนวนมาก โดยเฉพาะการให้การศึกษาผ่านคนรุ่นใหม่

ขณะที่ คริส เบเกอร์ อาจารย์ผู้ศึกษาประวัติศาสตร์ในอุษาคเนย์ กล่าวว่า การเซ็นเซอร์ทางประวัติศาสตร์เป็นความเข้าใจผิดของผู้ปกครองลักษณะอำนาจนิยมเบ็ดเสร็จ เพราะในประเทศไทยได้พัฒนามาเป็นสังคมเปิดแล้ว

ในรายงานของนิวยอร์กไทมส์ได้สอบถาม วินัย รอดจ่าย ซึ่งถูกแต่งตั้งจากรัฐบาลปัจจุบันให้เป็นประธานคณะกรรมการการสอนวิชาประวัติศาสตร์และหน้าที่พลเมือง ซึ่งระบุว่า การไม่พูดถึงชื่อของ พ.ต.ท.ทักษิณ (ในแบบเรียน) ถือเป็นความผิดปกติ แต่เขาก็ไม่ได้อธิบายหรือให้ความเห็นใดๆ เพิ่มเติม

“ผมคิดว่าบรรณาธิการอาจจะตัดมัน” เขาบอก และระบุว่า ชื่อของ พ.ต.ท.ทักษิณอาจจะกลับมาประกอบในการปรับปรุงตำราเรียนครั้งต่อไป

ในท้ายการรายงานข่าวของนิวยอร์กไทมส์ ได้อ้างอิงคำพูดของ ถนอม อานามวัฒน์ ผู้เขียนตำราแบบเรียนวิชาประวัติศาสตร์ว่า คนจำนวนมากอาจจะไม่ชอบ พ.ต.ท.ทักษิณ แต่เขาก็ไม่ควรถูกตัดชื่อออกจากข้อมูลทางประวัติศาสตร์ เพราะประวัติศาสตร์เป็นเรื่องข้อเท็จจริง

“ไม่ว่าจะเป็นความผิดพลาดหรือเป็นบทเรียนให้เรียนรู้ เราควรได้บอกเล่าให้กับคนรุ่นหลัง และพวกเขาควรได้รู้เกี่ยวกับมัน เราไม่ควรตัดทิ้ง”

ขณะเดียวกัน เลขาธิการคณะกรรมการการศึกษาขั้นพื้นฐาน หรือ กพฐ.ได้ปฎิเสธการถอดชื่อ พ.ต.ท.ทักษิณออกจากแบบเรียน

นักท่องเที่ยวอังกฤษถูกฆ่าบนเกาะเต่า – นายกฯ โต้ “พวกเขาคิดว่าใส่บิกินี่แล้วปลอดภัยเหรอ”

คดีฆ่านักท่องเที่ยวชาวอังกฤษที่เกาะเต่า  ที่มาภาพ: http://www.posttoday.com
คดีฆ่านักท่องเที่ยวชาวอังกฤษที่เกาะเต่า
ที่มาภาพ: http://www.posttoday.com

เมื่อวันที่ 15 ก.ย. เว็บไซต์ข่าวสด รายงาน เจ้าหน้าที่ตำรวจประจำเกาะเต่า สภ.เกาะพะงัน จ.สุราษฎร์ธานี รับแจ้งมีนักท่องเที่ยวไม่ทราบสัญชาติ ถูกฆ่าตายริมชายหาด 2 ราย เป็นผู้หญิง 1 ราย และผู้ชาย 1 ราย ที่บริเวณแหลม จปร. หาดทรายรี ต.เกาะเต่า อ.เกาะพะงัน สภาพศพของนักท่องเที่ยวหญิงที่ใบหน้ามีบาดแผลจากของมีคมจนจำไม่ได้ ไม่สวมเสื้อผ้า และพบร่องรอยการมีเพศสัมพันธ์ ขณะที่นักท่องเที่ยวชายมีบาดแผลตรงต้นคอด้านหลัง ซึ่งถูกแทงด้วยของมีคม

ที่เกิดเหตุอยู่ที่บริเวณโขดหินริมชายหาดด้านปลายแหลม จปร. ของหาดทรายรี พื้นที่ หมู่ 2 ต.เกาะเต่า พบศพนักท่องเที่ยวชาวต่างประเทศ ลักษณะสัญชาติชาวยุโรป 2 ราย รายแรกเป็นศพผู้หญิงชื่อ น.ส.ฮันนาห์ วิกตอเรีย สัญชาติอังกฤษ อายุ 24 ปี สภาพเปลือยเปล่า มีเสื้อสีชมพูและกางเกงขาสั้นลายขาวดำถูกถลกอยู่ที่เอว ถูกตีด้วยของแข็งและของมีคมที่ใบหน้าจนเละจำไม่ได้และมีร่องรอยการมีเพศสัมพันธ์ ห่างกัน 20 เมตร บริเวณโขดหินเป็นศพผู้ชายนอนเปลือยกายคว่ำหน้าอยู่ในน้ำ ทราบชื่อต่อมาคือ นายเดวิด วิลเลียม อายุ 24 ปี สัญชาติอังกฤษ สภาพถูกตีด้วยของมีคม มีบาดแผลฉกรรจ์ที่ต้นคอ และด้านท้ายทอยจนกะโหลกศีรษะแตก

จากนั้นเว็บไซต์ประชาชาติธุรกิจรายงานถึงการที่สื่ออังกฤษและสื่อต่างประเทศหลายสำนักตีข่าว พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี กล่าวผ่านการถ่ายถอดโทรทัศน์ ระหว่างการประชุมชี้แจงนโยบายรัฐบาลต่อผู้บริหารระดับสูงถึงกรณีนี้ว่า “ปัญหาเกี่ยวกับความปลอดภัยของนักท่องเที่ยวมีอยู่เสมอ พวกเขาคิดว่าประเทศของเราสวยงามและปลอดภัย ก็เลยทำอะไรที่อยากทำ พวกเขาใส่บิกินี่และเดินไปไหนก็ได้”

นายกฯ กล่าวว่า “พวกเขาคิดว่าใส่บิกินี่แล้วปลอดภัยเหรอ…เว้นแต่ว่าไม่สวย?”

ด้านดิอินดิเพนเดนต์ ระบุว่า ตั้งแต่หลังการรัฐประหารวันที่ 22 พฤษภาคม และสถานการณ์ประเทศไทยที่อยู่ภายใต้กฎอัยการศึก ส่งผลให้นักท่องเที่ยวต่างชาติที่มาไทยไม่สามารถซื้อประกันที่คุ้มครองความปลอดภัยจากเหตุทางการเมืองได้ โดยตัวเลขนักท่องเที่ยวมาไทยตกลงมากกว่า 10% ใน 8 เดือนแรกของปี 2557 เมื่อเทียบกับปีที่ผ่านมา

หลังจากนายกฯ พูดประโยคนี้ออกมา เกิดการตั้งคำถามในโลกออนไลน์ถึงการพูดนี้ และเมื่อวันที่ 17 ก.ย. ที่ผ่านมา ไทยรัฐออนไลน์ รายงานว่า พล.อ.ประยุทธ์ กล่าวถึงกรณีที่เกิดขึ้นว่า ขอโทษด้วยถ้าตนพูดแล้วทำให้ไม่สบายใจ ตนไม่ได้หมายความจะไปดูถูกใครหรือว่าใคร เพียงอยากเตือนว่าบางครั้งต้องระมัดระวังเหมือนกันในบางสถานที่หรือบางเวลา ตนจะไปดูถูกหรือว่าเขาได้อย่างไร วันนี้ตนยังรับรองอยู่ว่าปลอดภัย เพียงแต่มันยังมีคนไม่ดีอยู่ ซึ่งเหมือนกันทุกที่ในโลก ฉะนั้นต้องระมัดระวัง เพราะบ้านเมืองเรากับบ้านเมืองเขา บางทีมีความปลอดภัยไม่เหมือนกัน จึงเป็นห่วง

งานเสวนาเกี่ยวกับเผด็จการต่างประเทศที่ธรรมศาสตร์ถูกระงับ

นิธิ เอียวศรีวงศ์(นั่งขวา) และประจักษ์ ก้องกีรติ (กลาง)ที่มาภาพ: เฟซบุ๊กกลุ่มธรรมศาสตร์เสรีเพื่อประชาธิปไตย
นิธิ เอียวศรีวงศ์(นั่งขวา) และประจักษ์ ก้องกีรติ (กลาง)
ที่มาภาพ: เฟซบุ๊กกลุ่มธรรมศาสตร์เสรีเพื่อประชาธิปไตย
ที่มาภาพ: http://www.prachatai.com/journal/2014/09/55598
ที่มาภาพ: http://www.prachatai.com/journal/2014/09/55598

เมื่อ 18 ก.ย.2557 ที่ผ่านมา เว็บไซต์ประชาไท รายงานว่า ที่อาคารบรรยายรวม 1 มหาวิทยาลัยธรรมศาสตร์ (มธ.) ศูนย์รังสิต มีการจัดเสวนาที่โถงชั้นล่าง ในหัวข้อ “ห้องเรียนประชาธิปไตยบทที่ 2 การล่มสลายของเผด็จการในต่างประเทศ” แต่เมื่อการเสวนาดำเนินไปราวครึ่งชั่วโมงก็ถูกยกเลิกกลางคัน

ผู้สื่อข่าวรายงานว่า เจ้าหน้าที่ตำรวจและเจ้าหน้าที่มหาวิทยาลัยได้เข้าพูดคุยกับนักศึกษาผู้จัดงาน ระหว่างการปาฐกถาของ”นิธิ เอียวศรีวงศ์” เพื่อขอให้ยุติการจัดงานครั้งนี้ แต่นักศึกษายังคงยืนยันที่จะจัดต่อไป ทำให้เจ้าหน้าที่ตำรวจพูดคุยกับนิธิโดยตรงเพื่อขอให้ยุติการเสวนาทั้งหมด

ก่อนหน้าที่จะยุติเวทีอย่างเป็นทางการ“ประจักษ์ ก้องกีรติ” ได้แจ้งกับผู้ฟังจำนวนมากที่มุงดูเหตุการณ์ว่า

“ในวันนี้ห้องเรียนต้องปิดแต่เพียงเท่านี้ แต่ไม่ใช่เพราะผู้สอนไม่อยากสอน ตราบใดที่เราไม่สามารถทำให้มหาวิทยาลัยเป็นพื้นที่แห่งการใช้ปัญญาได้ ผมคิดว่าสังคมไทยไม่มีอนาคต”

จากนั้นได้เชิญตัวนักศึกษากลุ่ม LLTD 3 คนไปยัง สภ.คลองหลวง ท่ามกลางเสียงโห่ของผู้ร่วมฟังเสวนา ส่วนอาจารย์ร่วมเสวนาทั้งหมดเจ้าหน้าที่ได้เชิญตัวไปพูดคุยยังชั้นบนอาคารบรรยายรวม 1 ราว 15 นาทีก่อนที่อาจารย์ทั้งหมดจะเดินทางต่อไปยัง สภ.คลองหลวงเพื่อดูแลนักศึกษาที่ถูกควบคุมตัวไปก่อนหน้า

จากนั้นอาจารย์และนักศึกษาทั้งหมดที่ถูกเจ้าหน้าที่ตำรวจควบคุมตัวได้รับการปล่อยตัว โดย”ประจักษ์”ให้สัมภาษณ์กับผู้สื่อข่าวถึงเงื่อนไขข้อตกลงจากเจ้าหน้าที่ตำรวจและทหารว่า ในการจัดกิจกรรมครั้งต่อไปต้องจัดในห้องที่มีลักษณะปิด ห้ามบุคคลภายนอกเข้ามาฟัง เนื่องจากเจ้าหน้าที่กลัวว่ามิเช่นนั้นจะกลายเป็นการจัดกิจกรรมทางการเมือง นอกจากนี้การจัดทุกกิจกรรมเสวนาทางวิชาการ ต้องมีการทำหนังสือของมหาวิทยาลัยหรือผู้จัดงาน ส่งให้คณะรักษาความสงบแห่งชาติ เพื่อพิจารณาอนุมัติเห็นชอบในการจัดงานเสวนาทางวิชาการ ทั้งนี้ ผู้สื่อข่าวถามว่าปฏิบัติเฉพาะกรณีนี้หรือไม่ ได้รับคำตอบว่าเป็นข้อปฏิบัติของทุกมหาวิทยาลัย

สกอตแลนด์แยกจากอังกฤษไม่สำเร็จ – ชาวคาทาโลเนียขอสิทธิ์ได้โหวตบ้าง

เมื่อวันที่ 19 ก.ย. ไทยรัฐออนไลน์รายงาน ความคืบหน้าผลการนับคะแนนการลงประชามติในสกอตแลนด์เสร็จสิ้นเรียบร้อยครบ 32 เขตทั่วประเทศแล้ว ปรากฏว่า ฝ่าย “No” คัดค้านแยกประเทศเป็นเอกราชจากสหราชอาณาจักร (UK) ชนะตามความคาดหมาย โดยจากจำนวนผู้ออกมาใช้สิทธิลงประชามติสูงถึง 84.5% นั้น มีผู้เลือกโหวต “No” 2,001,926 คะแนน หรือคิดเป็น 55% ขณะที่ เลือก “Yes” สนับสนุนแยกสกอตแลนด์เป็นเอกราช 1,617,989 คะแนน หรือ 45%

ด้านนายกรัฐมนตรีเดวิด คาเมรอน แห่งอังกฤษ ออกมากล่าวที่หน้าบ้านพักนายกฯ เลขที่ 10 บนถนนดาวน์นิง ในกรุงลอนดอน ซึ่งมีการถ่ายทอดสดผ่านทางสถานีโทรทัศน์ หลังทราบผลการลงประชามติทันทีว่า ตนรู้สึกดีใจที่สกอตแลนด์ยังคงอยู่ร่วมกัน และผลการลงประชามติที่ออกมาถือว่ามีความชัดเจน พร้อมทั้งยืนยันว่า ตนจะรักษาคำมั่นสัญญาที่ให้ไว้กับชาวสกอตว่า รัฐบาล UK จะมอบอำนาจให้แก่สมาชิกสภาผู้แทนราษฎรของสกอตแลนด์ในสภามากขึ้น หากยังคงอยู่ร่วมกับ UK ต่อไป

ขณะที่ นายอลิสแตร์ ดาร์ลิง แกนนำกลุ่ม Better Together รณรงค์เรียกร้องให้โหวต “No” กล่าวว่า ประชาชนของสกอตแลนด์เลือกความเป็นหนึ่งเดียวกัน มากกว่าความแบ่งแยก และเลือกการเปลี่ยนแปลงในแง่บวกมากกว่า การแยกประเทศออกไปโดยไม่มีความจำเป็น

ที่มาภาพ: http://a.abcnews.com/images/International/gty_scotland_vote_1_kb_140918_16x9_992.jpg
ที่มาภาพ: http://a.abcnews.com/images/International/gty_scotland_vote_1_kb_140918_16x9_992.jpg
ชาวคาทาลันโบกธงสกอตแลนด์ (บนขวา) และธงของแคว้นคาทาโลเนีย ระหว่างชุมนุมในเมืองบาร์เซโลนาเมื่อ 11 กันยายน เรียกร้องที่จะแยกตัวจากสเปน ที่มาภาพ: http://news.voicetv.co.th/global/118217.html
ชาวคาทาลันชุมนุมในเมืองบาร์เซโลนาเมื่อ 11 กันยายน เรียกร้องที่จะแยกตัวจากสเปน
ที่มาภาพ: http://news.voicetv.co.th/global/118217.html

ด้านนายกรัฐมนตรีสเปน มาเรียโน ราจอย กล่าวภายหลังทราบผลประชามติเอกราชสกอตแลนด์ ซึ่งชาวสกอตส่วนใหญ่โหวต “No” คัดค้านการแยกตัวจากสหราชอาณาจักร ว่า “เราดีใจมากที่สกอตแลนด์ยังอยู่กับเรา” และแสดงความชื่นชมผลการออกเสียงดังกล่าวว่าเป็นผลดีต่อ “การรวมตัวของสหภาพยุโรป”

บรรดานักชาตินิยมในแคว้นคาทาโลเนียทางตะวันออกเฉียงเหนือของสเปน ต่างเฝ้าลุ้นผลการลงประชามติในสกอตแลนด์อย่างใจจดจ่อ เพราะเห็นว่าถ้าฝ่ายโหวต “Yes” ชนะ การรณรงค์เรียกร้องการจัดประชามติของพวกตนจะกลายเป็นกระแสสูง

ที่ผ่านมา รัฐบาลในกรุงมาดริดยืนกรานต่อต้านการจัดการลงประชามติของคาทาโลเนีย แม้ฝ่ายสนับสนุนเอกราชของสกอตแลนด์พ่ายแพ้ แต่ชาวคาทาลันยังคงไม่ย่นระย่อ ในสัปดาห์นี้ เหล่าแกนนำเรียกร้องเอกราชคาทาโลเนียได้จัดการเดินขบวน เรียกร้องสิทธิ์ที่จะออกเสียงประชามติ

โจเซฟ มาเรีย การ์เรล เจ้าของร้านขนมปัง วัย 55 ในเมืองเอรีน เดอ มุนต์ ทางตอนเหนือของเมืองบาร์เซโลนา บอกว่า จริงอยู่ เราอยากให้สกอตแลนด์โหวต “Yes” เพราะนั่นจะปลุกกระแสในคาตาโลเนีย แต่ประเด็นก็คือ ชาวสกอตได้โหวต แต่ชาวคาทาลันไม่ได้โหวต

เมื่อปี 2552 เมืองของเขาเป็นแห่งแรกที่จัดการลงประชามติในเชิงสัญลักษณ์ เพื่อขอเป็นอิสระจากสเปนสภาผู้แทนราษฎรของแคว้นคาทาโลเนีย มีกำหนดผ่านร่างกฎหมายเลือกตั้งฉบับใหม่ในวันศุกร์ เพื่อเปิดช่องให้จัดการ “หารือ” ในเรื่องเอกราชได้ โดยเป็นการโหวตที่ไม่มีผลผูกมัด

อาร์เทอร์ มาส ประธานาธิบดีของแคว้น มีกำหนดจะลงนามประกาศกฤษฎีกา เรียกร้องให้มีการลงประชามติในวันที่ 9 พฤศจิกายน อย่างไรก็ดี รัฐบาลกลางประกาศที่จะขัดขวาง ด้วยการส่งเรื่องให้ศาลรัฐธรรมนูญตีความ ราจอยบอกว่า การจัดประชามติดังกล่าวขัดต่อกฎหมาย ตนจะปกป้องความเป็นหนึ่งเดียวของสเปน

อาขยานค่านิยมคนไทย 12 ประการ – กวีดังติง “เป็นเพียงกลอนสุกเอาเผากิน”

ศิวกานท์ ปทุมสูติ กวีชื่อดังซึ่งมีผลงานเข้ารอบสุดท้ายรางวัลวรรณกรรมสร้างสรรค์ยอดเยี่ยมแห่งเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ (ซีไรต์) หลายสมัย และเป็นอดีตอาจารย์สอนภาษาไทย ที่มาภาพ: http://www.artbangkok.com/?p=19732
ศิวกานท์ ปทุมสูติ กวีชื่อดังซึ่งมีผลงานเข้ารอบสุดท้ายรางวัลวรรณกรรมสร้างสรรค์ยอดเยี่ยมแห่งเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ (ซีไรต์) หลายสมัย และเป็นอดีตอาจารย์สอนภาษาไทย
ที่มาภาพ: http://www.artbangkok.com/?p=19732

เมื่อ 17 ก.ย. เว็บไซต์กรุงเทพธุรกิจ รายงาน พล.ร.อ.ณรงค์ พิพัฒนาศัย รมว.ศึกษาธิการ ได้มอบบทอาขยานค่านิยมหลักคนไทย 12 ประการมาให้สำนักงานคณะกรรมการการศึกษาขั้นพื้นฐาน (สพฐ.) นำไปเผยแพร่และหาแนวทางขยายผลต่อไป ซึ่ง สพฐ. จะนำบทอาขยานดังกล่าวส่งต่อไปยังสำนักงานเขตพื้นที่การศึกษา (สพท.) เพื่อให้โรงเรียนในสังกัดให้นักเรียนตั้งแต่ระดับชั้นประถมศึกษาปีที่ 1 ถึงมัธยมศึกษาปีที่ 6 ได้ใช้ท่อง อาจจะเป็นหน้าเสาธง หรือในห้องเรียน ขึ้นอยู่กับการจัดการของแต่ละโรงเรียน โดยจะเริ่มใช้ท่องเต็มรูปแบบในวันเปิดภาคเรียนที่ 2 ปีการศึกษา 2557 นี้

นายการุณ สกุลประดิษฐ์ เลขาธิการ กศน. กล่าวว่า กศน. จะนำบทอาขยานค่านิยมหลัก 12 ประการไปใส่ไว้ในหลักสูตรการเรียนการสอน เพื่อให้นักศึกษาได้ท่องจำให้แม่นยำและนำไปปฏิบัติได้ทันที นอกจากนี้ได้สั่งการให้สำนักงาน กศน. ทุกแห่งทั่วประเทศขึ้นป้ายประกาศเรื่องค่านิยมหลักฯ ให้ประชาชนทุกคนได้มองเห็นอย่างชัดเจน ขณะเดียวกันจะทำหนังสือถึง ผอ.กศน.จังหวัดทั่วประเทศให้จัดกระบวนการเรียนรู้ ที่ส่งเสริมการนำค่านิยมหลัก 12 ประการมาเป็นองค์ประกอบในการเรียนการสอนด้วย โดยเฉพาะการจัดทำกิจกรรมเสริมหลักสูตร เพื่อพลิกฟื้นความเป็นคนไทยที่มีมาแต่ในอดีต แต่ถูกละเลยให้กลับมาใหม่

ผู้สื่อข่าวรายงานว่า บทอาขยานค่านิยมหลักคนไทย 12 ประการ ที่ พล.ร.อ.ณรงค์นำมามอบให้ สพฐ. นั้น พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา เป็นผู้ส่งมาให้กระทรวงศึกษาธิการนำไปเผยแพร่ แต่ยังไม่เป็นที่ยืนยันว่านายกฯ เป็นผู้แต่งเองหรือไม่ สำหรับบทอาขยานดังกล่าวมีเนื้อหา ดังนี้

หนึ่งรักชาติ ศาสนา พระมหากษัตริย์
สองซื่อสัตย์ เสียสละ อดทนได้
สามกตัญญู พ่อแม่ สุดหัวใจ
สี่มุ่งใฝ่ เล่าเรียน เพียรวิชา
ห้ารักษา วัฒนธรรม ประจำชาติ
หกไม่ขาด ศีลธรรม ศาสนา
เจ็ดเรียนรู้ อธิปไตย ของประชา
แปดรักษา วินัย กฎหมายไทย
เก้าปฏิบัติ ตามพระ ราชดำรัส
สิบไม่ขาด พอเพียง เลี้ยงชีพได้
สิบเอ็ดต้อง เข้มแข็ง ทั้งกายใจ
สิบสองไซร้ คิดอะไร ให้ส่วนรวม

ต่อมา เว็บไซต์โพสต์ทูเดย์ รายงาน ศิวกานท์ ปทุมสูติ กวีชื่อดังซึ่งมีผลงานเข้ารอบสุดท้ายรางวัลวรรณกรรมสร้างสรรค์ยอดเยี่ยมแห่งเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ (ซีไรต์) หลายสมัย และเป็นอดีตอาจารย์สอนภาษาไทย ซึ่งรณรงค์และพยายามที่จะผลักดันให้บทอาขยานกลับมามีความสำคัญในวิชาภาษาไทยอีกครั้งดังในอดีต กล่าวถึงประเด็นนี้ว่า

“ผมเห็นด้วยกับการปลูกฝังให้เด็กไทยท่องอาขยาน แต่บทอาขยานที่เด็กๆ ควรท่องนั้นจะต้องมีความงามทั้งถ้อยคำ เนื้อความ และสำนวนภาษาที่ลึกซึ้งตรึงใจ มีความไพเราะและมีพลังทางปัญญากระทบอารมณ์รู้สึกให้ชวนดื่มด่ำซึมซับกระทั่งก่อให้เกิดมโนคติและปลุกจิตวิญญาณการตื่นรู้ ให้เกิดแรงปรารถนาดีงามขึ้นในจิตสำนึก”

สำหรับบทอาขยานค่านิยม 12 ประการสำนวนนี้ ศิวกานท์ ยืนยันว่า มิได้มีคุณค่าเหมาะควรกับความหมายดังกล่าวนั้นเลย

“หากกระทรวงศึกษาธิการจะกำหนดให้เด็กไทยท่องเป็นบทอาขยานก็จะเป็นเรื่องน่าเศร้าอย่างยิ่ง เสมือนว่าประเทศนี้สิ้นไร้กวีแล้วหรืออาขยานสำคัญของชาติจึงเป็นเพียงกลอนที่สุกเอาเผากินเช่นนี้ บทกวีหรืองานศิลปะที่จะมีพลังกระตุ้นจิตสำนึกนั้น ไม่ใช่การกระทำแบบทื่อๆ หรือตรงไปตรงมา หากแต่จะต้องมีพลังบันดาลใจให้คิดต่อ และจะต้องมีพื้นที่เกียรติยศทางปัญญาแก่ผู้เสพสารด้วย”