ThaiPublica > เกาะกระแส > 6 องค์กร “สื่อ-ทีดีอาร์ไอ-องค์กรต่อต้านคอร์รัปชัน” ยื่น จม. เปิดผนึกถึง คสช. ออกกฎหมายคุมการโฆษณาประชาสัมพันธ์ของหน่วยงานรัฐ – ระบุปี 2556 ใช้ไปเกือบ 8 พันล้าน

6 องค์กร “สื่อ-ทีดีอาร์ไอ-องค์กรต่อต้านคอร์รัปชัน” ยื่น จม. เปิดผนึกถึง คสช. ออกกฎหมายคุมการโฆษณาประชาสัมพันธ์ของหน่วยงานรัฐ – ระบุปี 2556 ใช้ไปเกือบ 8 พันล้าน

15 สิงหาคม 2014


เมื่อวันที่ 15 สิงหาคม 2557 สมาคมนักข่าวนักหนังสือพิมพ์แห่งประเทศไทย สภาการหนังสือพิมพ์แห่งชาติ สมาคมนักข่าววิทยุและโทรทัศน์ไทย สภาวิชาชีพข่าววิทยุและโทรทัศน์ไทย ร่วมกับสถาบันวิจัยเพื่อการพัฒนาประเทศไทย (ทีดีอาร์ไอ) และองค์กรต่อต้านคอร์รัปชัน (ประเทศไทย) รวม 6 องค์กร ได้ยื่นจดหมายเปิดผนึกถึงหัวหน้าคณะรักษาความสงบแห่งชาติ (คสช.) ขอให้มีการออกกฎหมายควบคุมการโฆษณาประชาสัมพันธ์ของหน่วยงานของรัฐ โดยมี พล.อ. สุรศักดิ์ กาญจนรัตน์ ปลัดกระทรวงกลาโหม เป็นผู้รับจดหมาย

ทั้งนี้พบว่า ในช่วงระยะเวลาที่ผ่านมา การใช้งบประมาณประชาสัมพันธ์ของหน่วยงานของรัฐไม่ได้เป็นไปเพื่อประโยชน์สูงสุดของประชาชน กล่าวคือมีการใช้งบจำนวนมากไปกับการจัดทำป้ายหรือสื่อโฆษณาที่มีเนื้อหาโฆษณาตัวบุคคล เช่น นักการเมืองและข้าราชการ มากกว่าจะนำเสนอเนื้อหาที่เป็นประโยชน์แก่ประชาชนหรือมีสาระที่ประชาชนควรรับรู้ การกระทำดังกล่าวถือเป็นความสูญเปล่าของงบประมาณแผ่นดิน อีกทั้งยังเอื้อให้เกิดการคอร์รัปชัน เนื่องจากการใช้งบประมาณเพื่อการประชาสัมพันธ์นั้น ไม่มีมาตรฐานราคาที่แน่นอน จึงง่ายต่อการกลบเกลื่อนการใช้งบประมาณที่ไม่สมเหตุสมผลหรือทุจริต

ยิ่งไปกว่านั้น การใช้งบประมาณในการโฆษณาประชาสัมพันธ์เป็นจำนวนมากโดยไม่มีการควบคุมดังกล่าวของหน่วยงานของรัฐ ส่งผลให้รัฐมีอิทธิพลอย่างมากเหนือสื่อมวลชนในฐานะผู้ซื้อสื่อ ทำให้สื่อมวลชนสูญเสียความเป็นอิสระในการทำหน้าที่เปิดเผยหรือตรวจสอบข้อมูลเกี่ยวกับการดำเนินการต่างๆ ของรัฐ โดยนัยนี้ 6 องค์กรจึงเห็นควรให้มีการออก “กฎหมายควบคุมการโฆษณาประชาสัมพันธ์ของหน่วยงานของรัฐ” ซึ่งมีสาระสำคัญ เช่น

– กําหนดให้หน่วยงานของรัฐที่ต้องการโฆษณาโดยใช้งบประมาณของรัฐ หรือรายได้ตามกฎหมายเฉพาะของหน่วยงานของรัฐแต่ละแห่ง ส่งโฆษณาที่ต้องการเผยแพร่ไปให้หน่วยงานที่จะได้มีการกำหนดต่อไป (ต่อไปนี้เรียกว่าหน่วยงานที่กำหนด) พิจารณาอนุมัติก่อน ทั้งนี้ ห้ามมิให้มีการเผยแพร่โฆษณาก่อนที่หน่วยงานนั้นจะได้รับอนุมัติจากหน่วยงานที่กำหนด เว้นแต่เป็นกรณียกเว้นตามที่กฎหมายระบุ

– กำหนดให้โฆษณาครอบคลุมถึงสิ่งพิมพ์ สื่อวิทยุ สื่อโทรทัศน์ สื่อภาพยนตร์ สื่อออนไลน์ ป้ายโฆษณา ตลอดจนงานอีเวนต์

– กำหนดให้หน่วยงานที่กำหนดพิจารณาอนุมัติให้มีการเผยแพร่โฆษณาได้เฉพาะในกรณีที่ 1) โฆษณานั้นเป็นวิธีการที่สมเหตุสมผลในการนำเสนอที่เป็นประโยชน์แก่ประชาชนหรือประเทศ เช่น ข้อมูลเกี่ยวกับสิทธิหรือหน้าที่ของประชาชน ข้อมูลเกี่ยวกับนโยบายหรือบริการของรัฐบาล หรือข้อมูลเพื่อกระตุ้นเศรษฐกิจ หรือภาพลักษณ์โดยรวมของประเทศ 2) โฆษณานั้นมีข้อความระบุว่าเป็นโฆษณาที่จัดทำขึ้นโดยใช้งบประมาณของรัฐ และระบุชื่อหน่วยงานผู้ลงโฆษณา 3) โฆษณานั้นไม่มีชื่อ เสียง ภาพของบุคคลตามที่กฎหมายระบุ กล่าวคือ นักการเมือง ข้าราชการ เจ้าหน้าที่ของรัฐ เจ้าหน้าที่ของรัฐวิสาหกิจหรือเจ้าหน้าที่ขององค์กรอิสระ 4) โฆษณานั้นไม่มีลักษณะมุ่งเน้นสร้างผลประโยชน์ทางการเมืองของรัฐบาลหรือโจมตีฝ่ายตรงข้าม

– กำหนดให้หน่วยงานที่กำหนดต้องมีคำสั่งอนุมัติหรือไม่อนุมัติภายในระยะเวลา 7 วัน โดยคำสั่งของหน่วยงานที่กำหนดถือเป็นที่สุด อย่างไรก็ตาม ในกรณีที่หน่วยงานที่กำหนดไม่มีคำสั่งภายในระยะเวลาดังกล่าว ให้ถือเป็นการอนุมัติโดยปริยาย

– กำหนดให้หน่วยงานที่กำหนดมีอำนาจแต่งตั้งคณะกรรมการควบคุมโฆษณาประชาสัมพันธ์ของหน่วยงานรัฐ ซึ่งประกอบด้วยผู้ทรงคุณวุฒิในทางนิเทศศาสตร์ รัฐศาสตร์ ผู้เชี่ยวชาญในเรื่องการโฆษณาประชาสัมพันธ์ หรือผู้เชี่ยวชาญในด้านอื่นๆ ขึ้นเพื่อดำเนินการตามกฎหมายนี้

– กำหนดให้หน่วยงานของรัฐจัดทำแผนการใช้จ่ายด้านการประชาสัมพันธ์ประจำปี ซึ่งรวมถึงการซื้อพื้นที่และเวลาในการโฆษณาในสื่อสิ่งพิมพ์ วิทยุ โทรทัศน์ และการจัดอีเวนต์ โดยมีการระบุเนื้อหาสาระ และความจำเป็นที่จะต้องประชาสัมพันธ์ ช่องทางในการประชาสัมพันธ์ และวงเงินที่ต้องใช้ในรายกิจกรรม

– กำหนดให้หน่วยงานของรัฐทำรายงานประจำปี เพื่อแสดงรายละเอียดเกี่ยวกับการใช้งบประมาณประชาสัมพันธ์ของหน่วยงานของรัฐทั้งหมด ทั้งนี้ เพื่อประโยชน์ของประชาชนในการติดตาม ตรวจสอบประสิทธิภาพในการใช้งบประมาณประชาสัมพันธ์ของหน่วยงานภาครัฐ

ในการนี้ 6 องค์กรเชื่อว่าหากมีการออก “กฎหมายควบคุมการโฆษณาประชาสัมพันธ์ของหน่วยงานรัฐ” ได้ดังที่กล่าวมานี้ จะช่วยควบคุมและตรวจสอบการใช้งบประมาณของรัฐในส่วนของการโฆษณาประชาสัมพันธ์ให้เป็นไปโดยคุ้มค่า และเกิดประโยชน์สูงสุดต่อประชาชน อีกทั้งยังจะช่วยให้สื่อมวลชนสามารถดำรงความอิสระ และทำหน้าที่ในฐานะผู้ติดตามรวบรวม ประเมิน และเผยแพร่ข้อมูลเกี่ยวกับการคอร์รัปชันให้สังคมรับทราบได้อย่างมีประสิทธิภาพต่อไป

สำหรับภาพรวมการใช้งบประมาณโฆษณาประชาสัมพันธ์ของภาครัฐ จากข้อมูลบางส่วนจากสไลด์ “การซื้อสื่อของภาครัฐ” โดย ดร.เดือนเด่น นิคมบริรักษ์ และนายธิปไตย แสละวงศ์ สถาบันวิจัยเพื่อการพัฒนาประเทศไทย พบว่าปี 2556 รัฐมีค่าใช้จ่ายโฆษณา 7,985 ล้านบาท ส่วนเอกชนมีค่าใช้จ่ายโฆษณา 114,115 ล้านบาท ดังนี้

ภาพรวมการใช้จ่ายงบประชาสัมพันธ์มากสุด

ค่าใช้จ่ายตามประเภทหน่วยงาน

กระทรวงที่จ่ายค่าโฆษณามากที่สุดปี 2556

รัฐวิสาหกิจที่จ่ายค่าใช้จ่ายประชาสัมพันธ์มากสุด

นอกจากนี้ สัดส่วนโฆษณาของรัฐในหนังสือพิมพ์ มีจำนวนไม่น้อยที่เน้นโฆษณาตัวบุคคล เช่น นักการเมือง ข้าราชการ (สุ่มจากหนังสือพิมพ์ 4 ฉบับ ในช่วงระหว่างวันที่ 1-15 กรกฎาคม 2552 และ 2555) โดยปี 2552 สมัยนายอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ มีโฆษณาเน้นนักการเมือง ข้าราชการ ประมาณ 2-10% ในปี 2555 สมัยรัฐบาลนางสาวยิ่งลักษณ์ ชินวัตร มีโฆษณาเน้นนักการเมือง ข้าราชการ 14-36%

ผู้ซื้อพื้นที่หนังสือพิมพ์มากสุด