ThaiPublica > ประเด็นสืบสวน > ผู้ฝากเงินฟ้องขอเงินคืน – “วัดธรรมกาย” อ้างรับเงินจาก “ศุภชัย ศรีศุภอักษร” โดยสุจริต ไม่ทราบเป็นเงินของสหกรณ์ฯคลองจั่น

ผู้ฝากเงินฟ้องขอเงินคืน – “วัดธรรมกาย” อ้างรับเงินจาก “ศุภชัย ศรีศุภอักษร” โดยสุจริต ไม่ทราบเป็นเงินของสหกรณ์ฯคลองจั่น

5 กรกฎาคม 2014


สืบเนื่องจากกรณีสหกรณ์ออมทรัพย์โรงพยาบาลราชวิถี ซึ่งเป็นหนึ่งในผู้ฝากเงินกับสหกรณ์เครดิตยูเนี่ยนคลองจั่นกว่า 200 ล้านบาท ใช้สิทธิเรียกร้องแทนสหกรณ์ฯ คลองจั่น ฟ้องวัดพระธรรมกายและพระเทพญาณมหามุนี (ไชยบูลย์ ธมฺมชโย) จำเลยที่1และ2 กรณีปรากฏหลักฐานที่กรมสอบสวนคดีพิเศษและเผยแพร่ทางสื่อมวลชนต่างๆ ว่านายศุภชัย ศรีศุภอักษร อดีตประธานกรรมการดำเนินการ สหกรณ์เครดิตยูเนี่ยนคลองจั่นบริจาคเงินผ่านเช็คของสหกรณ์ฯ คลองจั่น หลายครั้ง ให้แก่วัดพระธรรมกายและพระเทพญาณมหามุนีโดยตรงกว่า 900 ล้านบาท ช่วงปี พ.ศ. 2552 ซึ่งขณะนั้นนายศุภชัยดำรงตำแหน่งประธานฯ ของสหกรณ์ฯ คลองจั่น

สหกรณ์บริจาคธรรมกาย-(ใหม่)

เมื่อวันที่ 23 มิถุนายน 2557 ที่ศาลจังหวัดธัญบุรี จังหวัดปทุมธานี ศาลนัดไต่สวนคดี จำเลยที่ 1 และ 2 ให้การว่า จำเลยรับเงินบริจาคจากนายศุภชัยโดยสุจริต จำเลยไม่รู้จักกับนายศุภชัยเป็นการส่วนตัว อีกทั้งไม่ทราบที่มาของเงินว่าเป็นของสหกรณ์ฯ คลองจั่นที่นายศุภชัยบริหาร คิดว่าเป็นเงินส่วนตัว รู้เพียงนายศุภชัยเป็นผู้มีศรัทธาบริจาคทรัพย์สินเหมือนกับคนอื่นๆ ทั่วไป โดยวัดนำเงินดังกล่าวไปใช้ประโยชน์สาธารณะ เช่น สร้างศาสนสถาน หรือจัดโครงการเพื่อเผยแพร่พุทธศาสนาโดยวัดพระธรรมกาย นอกจากนี้ยอมรับว่ารับเช็คจริงแต่มีเพียงแค่ 15 ใบจากที่โจทก์กล่าวหาว่ามี 16 ใบ

อนึ่ง นายศุภชัยเคยเป็นประธานกฐินวัดพระธรรมกายปี 2552 และร่วมเป็นไวยาวัจกร (ผู้ดูแลเงินของวัด) ต่อเนื่องหลายปี อีกทั้งเป็นผู้ก่อตั้งและเป็นประธานของสหกรณ์เครดิตยูเนี่ยนมงคลเศรษฐี ซึ่งตั้งอยู่ในอาณาเขตวัดพระธรรมกาย ปทุมธานี มีทรัพย์สินมากกว่า 4,000 ล้านบาท นับเป็นสหกรณ์ประเภทเครดิตยูเนียนที่มีขนาดใหญ่เป็นอันดับ 2 ของประเทศไทยรองจากสหกรณ์ฯ คลองจั่น

บริจาคธรรมกาย

แหล่งข่าวจากสหกรณ์ฯคลองจั่นเปิดเผยว่าเจ้าหน้าที่ฝ่ายกฏหมายของสหกรณ์ฯ คลองจั่นขอให้ศาลวินิจฉัยอนุญาตเป็นโจทก์ร่วม แต่ผู้พิพากษาพิจารณาแล้วเห็นว่าหากสหกรณ์ฯ คลองจั่นต้องการเรียกเงินคืน สมควรฟ้องวัดพระธรรมกายเอง และศาลจึงเพิ่มให้สหกรณ์ฯคลองจั่นเป็นจำเลยร่วมกับวัดพระธรรมกายและพระเทพญาณมหามุนีแทน(ทั้งนี้เพราะเงินที่บริจาคจ่ายโดยเช็คสหกรณ์ฯคลองจั่น) โดยศาลมีคำวินิจฉัยให้คู่กรณีเจรจาไกล่เกลี่ยก่อน นัดไกล่เกลี่ยครั้งแรกวันที่ 15 สิงหาคม 2557

ศาลล้มละลายกลางเลื่อนรับแผนฟื้นฟูกิจการคลองจั่นไปเดือนสิงหาคม

สำหรับความคืบหน้าในการแก้ปัญหาสหกรณ์เครดิตยูเนี่ยนคลองจั่นล่าสุด สหกรณ์ฯ คลองจั่นได้ยื่นแผนต่อศาลล้มละลายกลางเพื่อขอฟื้นฟูกิจการเมื่อวันที่ 24 มิถุนายน 2557 หลังคณะกรรมการสหกรณ์ฯ ชุดใหม่ขอให้ศาลเลื่อนการไต่สวนคดีสหกรณ์ออมทรัพย์สำนักงานปฏิรูปที่ดินเพื่อการเกษตร (สปก.) ฟ้องให้สหกรณ์ฯ คลองจั่นล้มละลาย โดยศาลมีคำวินิจฉัยเลื่อนการไต่สวนเป็นวันที่ 21 สิงหาคม 2557 และนัดสอบถามผู้ร้องขอฟื้นฟูกิจการเมื่อวันที่ 3 กรกฎาคมที่ผ่านมา

นายเผด็จ มุ่งธัญญา ประธานดำเนินการสหกรณ์เครดิตยูเนี่ยนคลองจั่น กล่าวหลังชี้แจงต่อศาลว่า ศาลล้มละลายกลางนัดสอบถามผู้ร้องฟื้นฟูกิจการและนายวินัย กสิรักษ์ รองอธิบดีกรมส่งเสริมสหกรณ์ โดยผู้พิพากษามีความเห็นว่าหนี้ตามคำร้องมียอดหนี้สูง และอาจกระทบกับระบบเศรษฐกิจของประเทศโดยรวม และในวันดังกล่าวยังไม่ได้ข้อสรุปทั้งหมด จึงเลื่อนนัดไปเพื่อสอบถามข้อเท็จจริงเพิ่มเติมในวันที่ 21 สิงหาคม 2557 ซึ่งเป็นวันเดียวกับการนัดไต่สวนคดีล้มละลายของสหกรณ์ออมทรัพย์สำนักงานปฏิรูปที่ดินเพื่อการเกษตร

นายเผด็จกล่าวต่อว่า สาเหตุที่ศาลล้มละลายกลางเลื่อน คาดว่าเพื่อรอให้คณะรักษาความสงบแห่งชาติมีมติให้กระทรวงยุติธรรมแก้ไขกฎกระทรวงตามคำร้องขอของกระทรวงเกษตรและสหกรณ์ เพิ่มข้อความกิจการสหกรณ์ให้สามารถร้องขอใช้แผนฟื้นฟูกิจการ ตามพระราชบัญญัติล้มละลาย จากเดิมที่มีเพียงบริษัทมหาชนและบริษัทจำกัดเท่านั้นที่สามารถร้องขอฟื้นฟูกิจการได้

ประธานสหกรณ์ฯ คลองจั่นกล่าวเพิ่มเติมว่า แม้ศาลจะยังไม่รับคำร้อง แต่ก็ถือเป็นเรื่องดีที่ไม่ได้ยกคำร้อง ซึ่งเป็นหนึ่งในความคาดหวังของคณะกรรมการ เพราะจะส่งผลให้เจ้าหนี้ที่จะบังคับคดีทั้งที่มีคำพิพากษายึดทรัพย์สหกรณ์หรือยังไม่มี ถูกระงับชั่วคราวจนกว่าจะหมดระยะเวลาบังคับใช้แผนฟื้นฟูกิจการ

ทั้งนี้ คดีที่เจ้าหนี้ฟ้องสหกรณ์ฯ คลองจั่น และให้กรมบังคับคดีมายึดทรัพย์ช่วงก่อนหน้านี้ ทรัพย์ที่ยึดอยู่ที่กรมบังคับคดี ไม่มีเจ้าหนี้รายใดได้ทรัพย์ที่ยึดไป เนื่องจากมีสมาชิกเจ้าหนี้บางส่วนตามไปขอเฉลี่ยทรัพย์ที่ยึด ซึ่งทุกคดีศาลยังไม่มีคำพิพากษาอนุญาตให้มีการเฉลี่ยทรัพย์