ThaiPublica > เกาะกระแส > เกาะกระแสการเมือง > สารพัดรัฐบาล บวงสรวง “บ้านนรสิงห์” แก้อาถรรพ์ทำเนียบรัฐบาล บ้านพระราชทาน รัชกาลที่ 6

สารพัดรัฐบาล บวงสรวง “บ้านนรสิงห์” แก้อาถรรพ์ทำเนียบรัฐบาล บ้านพระราชทาน รัชกาลที่ 6

15 กรกฎาคม 2014


การบวงสรวง และสักการะสิ่งศักดิ์ ในทำเนียบรัฐบาล เป็นพิธีกรรม ที่ผู้นำหมายเลข 1 แห่งตึกไทยคู่ฟ้า มักจัดให้มีขึ้นทุกครั้ง ที่เข้ารับตำแหน่ง

พิธีกรรมทางศาสนา และโหราศาสตร์ ถูกวางฤกษ์ บวงสรวงอีกครั้ง ในช่วงหลังวันเข้าพรรษา 2 วัน โดย ม.ล.ปนัดดา ดิศกุล ผู้เป็นเหลนของกรมพระยาดำรงราชานุภาพ พระอนุชาของพระบาทสมเด็จพระจุลจอมเกล้าเจ้าอยู่หัว รัชกาลที่ 5

ตึกไทยคู่ฟ้า ทำเนียบรัฐบาล หรือบ้านนรสิงห์ เป็นบ้านพระราชทานจากพระบาทสมเด็จพระมงกุฎเกล้าเจ้าอยู่หัว รัชกาลที่ 6 ทรงพระราชทานแก่เจ้าพระยารามราฆพ ผู้ถวายงานใกล้ชิด เป็นที่ไว้วางพระราชหฤทัย เป็นหัวหน้าห้องพระบรรทม นั่งร่วมโต๊ะเสวยทุกมื้อตลอดรัชกาล และได้บรรดาศักดิ์เป็นเจ้าพระยาที่อายุน้อยที่สุดในกรุงรัตนโกสินทร์

สถานที่แห่งนี้ ถูกจัดพิธีกรรมโหราศาสตร์มาแล้วหลายครั้ง ทุกครั้งมีวัตถุประสงค์แตกต่างกันไป อาทิ เพื่อประคองอำนาจทางการเมือง ป้องกันฝ่ายตรงข้ามกลับเข้ามามีอำนาจ และปัดเป่ากลุ่มอำนาจเก่า ไม่ให้คืนสู่เก้าอี้ใหญ่ในตึกไทยคู่ฟ้า

ครั้งที่ครึกโครมที่สุด คือ ยุค พ.ต.ท. ทักษิณ ชินวัตร เป็นนายกรัฐมนตรี สมัยที่ 1 (2544-2548) คราวนั้น มีทั้งการย้ายศาลพระภูมิ จากหน้าตึกไปอยู่ด้านซ้ายของตึกไทยคู่ฟ้า การปิดประตูทางที่เคยออกตรงสู่ถนนพิษณุโลก แล้วใช้ทางออกด้านหน้าตึกไทยคู่ฟ้าแทน

ที่มาภาพ : http://iam.hunsa.com/users/h/ha/hanako/uploads/00390_yumlm.jpg
ที่มาภาพ: http://iam.hunsa.com/users/h/ha/hanako/uploads/00390_yumlm.jpg

ในทางโหราศาสตร์เชื่อกันว่า หลังจากการย้ายศาล อำนาจของพ.ต.ท. ทักษิณก็ค่อยๆ ตกต่ำลง และในที่สุดก็ต้องพ้นจากตึกไทยคู่ฟ้า และต้องออกจากแผ่นดินไทยไปอยู่ในต่างแดน และแทบไม่มีหนทางได้กลับมานั่งที่ตึกนี้ได้อีก แต่ในทางการเมือง พ.ต.ท. ทักษิณถูกรัฐประหารเมื่อเดือนกันยายน 2549 และถูกศาลรัฐธรรมนูญห้ามเล่นการเมือง 5 ปี และถูกยึดทรัพย์ 4.6 หมื่นล้านบาท

ในยุครัฐบาลนางสาวยิ่งลักษณ์ ชินวัตร (2554-2556) มีการย้ายศาลพระภูมิอีกครั้ง จากด้านซ้ายของตึกไทยคู่ฟ้า มาอยู่ทางด้านขวาของตึกแทน ในทางโหราศาสตร์ มีการกล่าวขวัญถึงการเดินสายทำบุญในวัดใหญ่ทุกหัวเมือง โดยเฉพาะเมืองเชียงใหม่ แต่ในทางการเมือง ถูกรัฐประหารเดือนพฤษภาคม 2557

ก่อนหน้านั้นในรัฐบาลนายอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ (2551-2554) ก็ได้มีการปรับปรุงภูมิทัศน์ทำเนียบรัฐบาลหลายครั้ง

เมื่อมีการชุมนุมของกลุ่มคนเสื้อแดง ในช่วงปี 2553 มีการทำพิธีเกี่ยวกับตึกไทยคู่ฟ้า โดยแกนนำกลุ่มคนเสื้อแดง (นายณัฐวุฒิ ใสยเกื้อ-นายจตุพร พรหมพันธุ์) ได้ติดต่อทายาทพราหมณ์มาจากจังหวัดนครศรีธรรมราช บุกเข้าทำพิธีราดเลือด ที่ธรณีประตูทางเข้า-ออกตึกไกรสร ที่ตั้งชื่อมาจากพระนามเดิมของพระเจ้าบรมวงศ์เธอ พระองค์เจ้าไกรสร กรมหลวงรักษ์รณเรศ ต้นราชสกุลพึ่งบุญ ณ อยุธยา หรือที่ปัจจุบันรู้จักกันในนามไทยคู่ฟ้า

ในครั้งนั้น มีการนำเลือดซึ่งได้รับจากการบริจาคในพื้นที่ชุมนุมใส่แกลลอน เข้าไปราดเป็นรูปกากบาทหน้าประตูเข้าออกหมายเลข 1 และหมายเลข 2 ด้านหน้าตึกไทยคู่ฟ้า ซึ่งเป็นทางเข้า-ออกของนายกรัฐมนตรีและคณะรัฐมนตรี

แกนนำเสื้อแดงที่ศึกษาสายโหราศาสตร์บอกวัตถุประสงค์ว่า การกระทำดังกล่าวเพื่อเป็นการ “เปิดทาง” ให้ พ.ต.ท. ทักษิณ ชินวัตร ได้กลับมามีอำนาจอีกครั้ง ในทางตรงกันข้าม การสร้างสัญญลักษณ์เทเลือดเป็นรูปกากบาท ก็เพื่อ “แก้ของ” ที่ฝ่ายรัฐบาลอภิสิทธิ์เคยทำไว้ก่อนหน้านั้นด้วย

ข้าราชการจากกองพิธีการ ทำเนียบรัฐบาล รายหนึ่งเล่าว่า ในยุครัฐบาลอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ มีการทำพิธีโหราศาสตร์โดยคุณหญิงสุพัตรา มาศดิตถ์ ที่ปรึกษานายกรัฐมนตรีในขณะนั้น เป็นที่ปรึกษา ในการทำพิธี ร่วมกับกองอาคารสถานที่ ทำเนียบรัฐบาล

ภายหลังการยึดอำนาจโดยคณะรักษาความสงบเรียบร้อย (คสช.) มีคำสั่งโยกย้ายให้ ม.ล.ปนัดดา ดิศกุล เข้ารับตำแหน่งปลัดสำนักนายกรัฐมนตรี มีการทำบุญทำเนียบครั้งใหญ่เพื่อเป็นศิริมงคลไปแล้ว เมื่อวันที่ 5 มิถุนายน 2557 โดยมีการนิมนต์พระจากวัดมกุฏกษัตริยารามราชวรวิหาร จำนวน 9 รูป

ถัดมาอีก 39 วัน ม.ล.ปนัดดา จัดพิธีบวงสรวงใหญ่อีกครั้ง คราวนี้ (วันที่ 14 ก.ค. 2557) มีพิธีสักการะบูชาพระพรหม สิ่งศักดิ์สิทธิ์ประจำทำเนียบรัฐบาล โดยได้เชิญพระราชครูวามเทพมุนี (พระมหาราชครูพิธีศรีวิสุทธิคุณ) ประธานพระครูพราหมณ์ เป็นผู้ประกอบพิธี ที่บริเวณสนามหญ้าหน้าตึกไทยคู่ฟ้า และทำพิธีสักการะพระภูมิเทวาและศาลปู่ ย่า ตา ยาย

ในพิธีบวงสรวงดังกล่าว เซ่นไหว้พระพรหมด้วยผลไม้มงคล 9 อย่าง คือ 1. แอปเปิ้ล 2. แคนตาลูป 3. มะม่วง 4. ขนุน 5. สับปะรด 6. มะพร้าวน้ำหอม 7. กล้วย 8. องุ่น และ 9. ส้ม และขนมหวานนานาชนิด และพืชตระกูลถั่วขาว ถั่วดำ ถั่วเขียว และเนย

ที่มาภาพ : http://www.thairath.co.th/media/RfCkHnd4A3DjQToj0YnjfBskzeNvZqAV4ihcQ3gQwx1nSTLpSuf.jpg
ที่มาภาพ: http://www.thairath.co.th/media/RfCkHnd4A3DjQToj0YnjfBskzeNvZqAV4ihcQ3gQwx1nSTLpSuf.jpg

ทำเนียบรัฐบาล หรือบ้านนรสิงห์แห่งนี้ มีการก่อสร้างตั้งแต่รัชสมัยพระบาทสมเด็จพระมงกุฎเกล้าเจ้าอยู่หัว รัชกาลที่ 6 มีการปรับปรุงเป็นครั้งคราวเท่านั้น และแต่ละครั้งมีการปรับฮวงจุ้ยในบางจุดด้วย

ในยุครัฐบาล ที่จะมีการแต่งตั้งคณะรัฐมนตรี คณะที่ 61 โดยคณะรักษาความสงบเรียบร้อยแห่งชาติ ซึ่งมี พล.อ. ประยุทธ์ จันทร์โอชา เป็นหัวหน้า จะมีการปรับปรุงอาคารในทำเนียบรัฐบาลครั้งใหญ่อีกครั้ง ด้วยงบประมาณ 300 ล้านบาท

ถึงคราวที่ตัวอาคารทั้งหมดในรั้วทำเนียบรัฐบาล จะได้มีการบูรณะในรอบ 97 ปี (ก่อสร้าง พ.ศ. 2460)

อนึ่ง บ้านนรสิงห์เป็นบ้านพระราชทานคู่กับบ้านบรรทมสินธุ์ หรือบ้านพิษณุโลก ที่พระบาทสมเด็จพระมงกุฎเกล้าเจ้าอยู่หัว รัชกาลที่ 6 ทรงพระราชทานให้กับมหาดเล็กส่วนพระองค์ คือ พลตรี พระยาอนิรุทธเทวา ผู้เป็นน้องของเจ้าพระยารามราฆพ

เป็นอาคารที่ออกแบบและสร้างโดย มาริโอ ตามานโญ สถาปนิกชาวอิตาลีประจำราชสำนักสยาม มีเนื้อที่ 25 ไร่ 3 งาน บ้านที่แม้ถูกปรับใช้เป็นบ้านพักส่วนตัวของนายกรัฐมนตรี เป็นที่ทำงานของทีมที่ปรึกษานายกรัฐมนตรี แต่ไม่มีใครกล้าอยู่พำนักได้นาน ครั้งหนึ่งนายชวน หลีกภัย อดีตนายกรัฐมนตรี ได้ใช้เป็นที่พักชั่วคราว แต่ไม่นานก็ย้ายออก เพราะมีเรื่องเล่าต่อๆ กันว่า ในยามดึก จะได้ยินเสียงม้าควบสนั่นในบ้านแห่งนี้

เช่นเดียวกับบ้านมนังคศิลา ที่ทรงพระราชทานแก่มหาเสวกเอก พระยาอุดมราชภักดี (โถ สุจริตกุล)

คำว่านรสิงห์ในชื่อบ้านนรสิงห์นั้น หมายถึงสัตว์หิมพานต์อีกพวกหนึ่ง เป็นครึ่งคนครึ่งราชสีห์ มีหางยาวปลายเป็นพู่นรสิงห์ อย่างหนึ่งเท้าเป็นเล็บคมอย่างสิงโต อีกอย่างหนึ่งเป็นนรสิงห์ตัวเมีย มีเท้าเป็นกีบอย่างเนื้อทราย เรียกว่าอัปสรสีหะ ในเรื่องนารายณ์สิบปาง ตอนนรสิงหาวตาร พระนารายณ์อวตารเป็นนรสิงห์เพื่อปราบหิรันตปะกาสูร หรือหิรัญยกศิปุ ซึ่งได้พรจากพระอิศวรว่า

“เทวดา มนุษย์ หรือสัตว์ใดๆ ฆ่าตนไม่ได้ ไม่ว่าด้วยอาวุธใดๆ ไม่ว่าในเวลากลางวันหรือกลางคืน ในเรือนหรือนอกเรือน เมื่อได้พรแล้วหิรัญยกศิปุก็กำเริบ แสดงอำนาจตั้งตนเป็นอาทิตย์ เป็นจันทร์ เป็นต้น หิรัญยกศิปุมีโอรสชื่อประหลาท เป็นผู้ที่นับถือพระนารายณ์อย่างที่สุด หิรัญยกศิปุกล่าวคำดูถูกพระนารายณ์ พระนารายณ์อวตารเป็นนรสิงห์เสด็จออกมาจากเสา ลากตัวหิรัญยกศิปไปที่ประตูเมืองแล้วฆ่าได้ด้วยการใช้กรงเล็บฉีกอกในเวลาโพล้เพล้”

บ้านที่ขรึม ขลัง อลังการ และมีตำนานแห่งนี้ นับว่าเกี่ยวพันกับอำนาจทางการเมืองมาทุกยุคทุกสมัย นานนับ 100 ปี