ThaiPublica > เกาะกระแส > ประเด็นฮอตรอบสัปดาห์ > ประเด็นฮอตรอบสัปดาห์ – พม.นำ“เด็กกำพร้า” มาเป็น “โล่กำบังม็อบ! และคำตอบนายกฯในการอภิปรายไม่ไว้วางใจ

ประเด็นฮอตรอบสัปดาห์ – พม.นำ“เด็กกำพร้า” มาเป็น “โล่กำบังม็อบ! และคำตอบนายกฯในการอภิปรายไม่ไว้วางใจ

30 พฤศจิกายน 2013


ดาวกระจาย เข้าสถานที่ราชการของกลุ่มมวลชนต่อต้านร่าง พ.ร.บ.นิรโทษกรรมและโค่นล้มระบอบทักษิณ

อภิปรายไม่ไว้วางใจกับคำตอบนายกรัฐมนตรี

ลือ!! กระทรวงการพัฒนาสังคมและความมั่นคงของมนุษย์ พาเด็กกำพร้ามาเป็น “โล่กำบังม็อบ”

นานาโกะ ฮารุ สาวอันตราย

หลากหลายเรื่องที่ชาวโซเชี่ยล แชร์เกี่ยวกับม็อบ
อ่านรายละเอียด …………

ประเด็นที่ถูกพูดถึงมากสุดในโซเชียลมีเดียในรอบสัปดาห์ 24 – 30 พฤศจิกายน 2556

เรื่องแรก ประเด็นการเมืองร้อนแรง ในสัปดาห์นี้ยังคงติดตามกันต่อในเรื่องการชุมนุมของกลุ่มมวลชนต่อต้านร่าง พ.ร.บ.นิรโทษกรรมและโค่นล้มระบอบทักษิณ ที่ประชาชนเข้าร่วมการชุมนุมอย่างมากเป็นประวัติการณ์อย่างที่ได้เห็นจากวันอาทิตย์ที่ 24 พฤศจิกายน 2556 ทั่วถนนราชดำเนิน ไปจนถึงสนามหลวง จนบนสะพานพระปิ่นเกล้าต้องปิดการจราจร เนื่องจากมีผู้ชุมนุมเดินเท้าข้ามสะพานมายังฝั่งราชดำเนินไม่ขาดสาย รวมถึงฝั่ง สะพานพระราม 8 อีกด้วย

การชุมนุมในครั้งนี้แสดงให้เห็นถึงพลังมวลชน ที่มีต่ออนาคตความเป็นไปของประเทศอย่างชัดเจน เพราะมีประชาชนจำนวนมากเข้าร่วมชุมนุมอย่างพร้อมเพรียงกัน จนโรงเรียนในสังกัดกรุงเทพมหานครจำนวน 24 โรงเรียนใน 3 พื้นที่เขต ต้องประกาศปิดโรงเรียนระหว่างวันที่ 25 – 26 พฤศจิกายน 2556 เพื่อลดผลกระทบจากการชุมนุม รวมถึงความปลอดภัยของนักเรียนในละแวกดังกล่าว อันประกอบด้วย เขตพระนคร 11 แห่ง ได้แก่ โรงเรียนราชบพิธ โรงเรียนวัดตรีทศเทพ โรงเรียนวัดพระเชตุพน โรงเรียนวัดมกุฏกษัตริยาราม โรงเรียนวัดมหรรณพ์ โรงเรียนวัดมหาธาตุ โรงเรียนวัดราชนัดดา โรงเรียนวัดราชบูรณะ โรงเรียนวัดสุทัศน์ โรงเรียนวัดใหม่อมตรส และโรงเรียนวัดอินทรวิหาร เขตดุสิต 9 แห่ง ได้แก่ โรงเรียนวัดเบญจมบพิตร โรงเรียนวัดจันทรสโมสร โรงเรียนวัดเทวราชกุญชร โรงเรียนวัดธรรมาภิรตาราม โรงเรียนวัดประชาระบือธรรม โรงเรียนวัดสวัสดิ์วารีสีมาราม โรงเรียนวัดราชผาติการาม โรงเรียนวัดสมณานัมบริหาร (วัดญวนสะพานขาว) และโรงเรียนสุโขทัย เขตป้อมปราบศัตรูพ่าย 4 แห่ง ได้แก่ โรงเรียนวัดคณิกาผล โรงเรียนวัดดิสานุการาม โรงเรียนวัดพระพิเรนทร์ และโรงเรียนวัดสิตาราม

ที่มาภาพ : http://www.posttoday.com
ที่มาภาพ : http://www.posttoday.com

อย่างไรก็ตาม กลุ่มมวลชนไม่ได้มีการรวมตัวกันมากแค่ในวันอาทิตย์ที่ 24 พฤศจิกายน 2556 เพราะหลังจากวันอาทิตย์ที่ผ่านมา ตลอดทั้งสัปดาห์นี้กลุ่มมวลชนยังคงรวมตัว ทั้งยังมีการกระจายตัวกันเพื่อเข้าเจรจาในสถานที่ราชการต่างๆ เป็นหลัก อันได้แก่ กระทรวงกาคลัง, กระทรวงยุติธรรม , กระทรวงเทคโนโลยีสารสนเทศและการสื่อสาร, ศูนย์ราชการแจ้งวัฒนะ, กระทรวงพลังงาน, กระทรวงแรงงาน, กระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม, กระทรวงวัฒนธรรม, กระทรวงการต่างประเทศ, กระทรวงวิทยาศาสตร์ฯ และกระทรวงอุตสาหกรรม, กระทรวงศึกษาธิการ, กระทรวงพาณิชย์, กระทรวงกระทรวงสาธารสุข และกระทรวงพัฒนาสังคมฯ อีกทั้งมีการนัดรวมตัวที่สถานีรถไฟฟ้าอโศก เคลื่อนขบวนไปยื่นหนังสือที่สถานทูตสหรัฐอเมริกา เพื่อให้ชาวต่างประเทศเข้าใจเรื่องของการชุมนุม จากการทำงานที่ล้มเหลวของรัฐบาล โดยอีกขบวนการรวมตัวที่ตึกชาญอิสระ ถนนเพชรบุรี และขบวนของเครือข่ายแรงงานรัฐวิสาหกิจ ที่จะเคลื่อนขบวนไปยังการประปานครหลวง และการประปาส่วนภูมิภาค

นอกจากนี้ ในจังหวัดต่างๆ ทั่วประเทศยังมีการร่วมตัวแสดงพลัง เพื่อขอความร่วมมือกันที่ศาลากลางจังหวัดต่างๆ กว่า 33 จังหวัด ได้แก่ จังหวัดชลบุรี ชุมพร กาญจนบุรี ขอนแก่น กระบี่ มหาสารคราม ลพบุรี สุรินทร์ นครศรีธรรมราช พัทลุง ภูเก็ต พิจิตร ประจวบคีรีขันธ์ พิษณุโลก ราชุบรี ระนอง สตูล สงขลา สุราษฎร์ธานี ตรัง อุดรธานี ยะลา ระยอง เชียงใหม่ สระบุรี พังงา แพร่ เพชรบุรี ศรีสะเกษ อ่างทอง กำแพงเพชร พิจิตร และ ชัยนาท

โดยมีเวทีราชดำเนินเป็นเวทีหลัก และทัพหน้าที่กระทรวงการคลัง และศูนย์ราชการ เพื่อรอให้ผู้ชุมนุมเข้าร่วมเพิ่มเติมพร้อมที่จะยกระดับการชุมนุมทุกเวลา จุดประสงค์เพื่อปิดฉากการชุมนุม ซึ่งก็คือการขจัดระบอบทักษิณ

“คงหนีไม่พ้นสงครามกลางเมือง เมื่อไม่มีใครฟังใคร และยอมใคร และทหารก็คงจะออกมาเหมือนเดิม หรือระบอบประชาธิปไตยไม่เหมาะกับคนไทย”

“ถ้าไม่ได้มาเรียกร้อง ประชาธิปไตย ก็ไม่ต้องมาประท้วง ไม่มีเหตุผลของการชุมนุม เพราะประเทศนี้ เขาปกครอง ด้วยระบอบประชาธิปไตย ปกป้อง ประชาธิปไตย เท่านั้น นอกนั้นถือว่า พวกกบฎ ไม่มีเหตุผลอะไร ที่จะมาอ้างว่าคิดแตกต่าง”

“จะทำอะไรก็รีบทำเถอะ หากอยากรบชัยชนะ ไม่ต้องเลือกวิธี ทุกอย่างพร้อมหมดแล้ว จะรีรออะไรกันอีก จงจำไว้ มีได้ต้องมีเสีย ไม่มีอะไรที่ได้มาแบบสองมือเปล่าหรอก”

“ม็อบนี้ไม่เป็นภัยต่อสังคมโดยรวม ไม่มีเหตุการณ์ใดๆ ว่าจะเป็นการใช้ความรุนแรงใดทุกคนจะเข้ามาร่วมแสดงออกทางประชาธิปไตยที่ถูกต้องอย่างเปิดเผย ต่างกับม็อบ นปช.ที่เน้นเข้ามาก่อกวนชาวบ้านรอบๆ พื้นที่ และชอบกระทบกระทั้งคนที่เห็นต่างเป็นประจำ เพราะมันไม่ได้คิดว่าคนเห็นต่างเป็นประชาธิปไตยตั้งแต่ต้นแล้ว นี้คือการปิดประตูทางประชาธิปไตยฉบับเสื้อแดง คิดว่าประชาธิปไตยเป็นของคนกลุ่มหนึ่งกลุ่มเดียว กลุ่มอื่นไม่มีสิทธิ์เสรีภาพทางประชาธิปไตยหรือ”

“คนทั่วประเทศเขาแสดงพลังว่าไม่ต้องการคุณมากมายขนาดนี้เเล้ว ทำไมคุณยังลอยหน้า ลอยตาอยู่ได้นะไม่เข้าใจจริง รัฐบาล”

“อยากทำอะไรก็ทำไปละกันครับคุณ แต่คุณรับรู้ไว้อย่างหนึ่งเถอะ ไม่มีใครทำเพื่อเสื้อสี หรือเพื่อส่งเสริมนักการเมืองพรรคไหน แต่เราทำเพื่อคนไทย เพื่อประเทศไทย เพื่อในหลวงของเรา”

เรื่องที่สอง ขณะที่สถานการณ์การเคลื่อนตัวของม็อบยังขยายวงกว้างต่อเนื่อง การประชุมสภาก็ยังคงดำเนินต่อไป ซึ่งการประชุมอภิปรายไม่ไว้วางใจ นางสาวยิ่งลักษณ์ ชินวัตร นายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงกลาโหม โดยหลายสำนักข่าวได้รายการประชุมไม่ไว้วางใจ เริ่มที่นายจุรินทร์ ลักษณวิศิษฏ์ ส.ส.บัญชีรายชื่อ พรรคประชาธิปัตย์ ในฐานะประธานคณะกรรมการประสานงานพรรคร่วมฝ่ายค้าน (วิปฝ่ายค้าน) กล่าวสรุปญัตติอภิปรายไม่ไว้วางใจ โดยระบุว่าต้องมีการอภิปรายไม่ไว้วางใจนางสาวยิ่งลักษณ์ เป็นเพราะสภาพประเทศไทยในปัจจุบันนี้มีนายกรัฐมนตรีก็เหมือนไม่มี คิดว่าวันนี้ ประเทศไทยมีนายกรัฐมนตรี 3 คน คนแรกอยู่ต้นน้ำคอยกดปุ่มสั่งการมาจากเมืองนอก คนที่ 2 อยู่กลางน้ำคอยกรรเชียงหนี และคนที่ 3 อยู่ปลายน้ำ คอยอ้าปากรับน้ำอิ่มหมีพีมัน

อีกทั้งนางสาวยิ่งลักษณ์ ชินวัตร ยังบริหารราชการแผ่นดินบกพร่อง ล้มเหลว ไร้ประสิทธิภาพ ไร้ภูมิปัญญา ไร้คุณธรรม ไร้ความผิดชอบต่อสภาและประชาชน ลอยตัวหนีปัญหา กระทำการไม่บังควรสมรู้ร่วมคิดกับพวกพ้อง ก้าวก่าย สถาบันหลักในระบอบประชาธิปไตยทั้งนิติบัญญัติ ตุลาการ และองค์กรอิสระ มุ่งแก้ไขปัญหาบุคคลในครอบครัวมากกว่าประชาชน

ทางด้าน นายอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ หัวหน้าพรรคประชาธิปัตย์ ก็ได้สรุปปัญหาการทุจริตของรัฐบาล แบ่งออกเป็น 5 ข้อได้ดังนี้

1. การทุจริตการจัดซื้อจัดจ้าง เห็นได้จากการทุจริตโครงการน้ำ นำความเดือดร้อนประชาชนมาบังหน้า แล้วก็ออก พ.ร.บ. น้ำ มูลค่า 3.5 แสนล้านบาท ใช้วิธีระบบจัดซื้อพิศดาร อ้างว่าเป็นสิ่งจำเป็นเร่งด่วน แต่ตัวโครงการต่าง ๆ กลับทำไม่เสร็จ สุดท้ายศาลปกครองก็ชี้ว่าผิดกฎหมาย และไม่สามารถกู้เงินได้ทันตามที่กำหนด

2. นโยบายเอื้อต่อการทุจริต ได้แก่ จำนำข้าว เป็นโครงการที่ฝ่ายค้านท้วงมาแต่แรกว่าเป็นการสร้างความเสียหาย เอาเกษตรกรบังหน้า ทุจริตครบวงจร ตอนนี้ขาดทุนกว่า 4 แสนล้านบาท ส่วนการทุจริตก็คือ เงินไม่ถึงชาวนาอย่างแท้จริง และขั้นตอนการระบายข้าวที่ยังไม่ชัดเจน

3. ออก พ.ร.บ. กู้เงิน 2.2 ล้านล้านบาท มาทำโครงการคมนาคม อ้างว่าจำเป็น มิเช่นนั้นไม่สามารถลงทุนได้ ซึ่งความจริงคือ รัฐบาลพยายามเลี่ยงการตรวจสอบอยู่นั่นเอง แถมการกดบัตรแทนกันก็ถือว่าเป็นการทุจริตยกระบบ

4. ทำลายการตรวจสอบการทุจริต ต้องไปพิสูจน์กันที่คณะกรรมการป้องกันและปราบปรามการทุจริตแห่งชาติ (ป.ป.ช.) ซึ่งมีการโยกย้ายบุคคลที่ตรวจสอบทางวินัยของผู้ที่เกี่ยวข้องกับรัฐบาล

5. การนิรโทษกรรม ให้แก่ผู้ทุจริต แต่ที่อยากบอกประชาชนคือ ไม่ได้เป็นกฎหมายฉบับเดียวเท่านั้นที่รัฐบาลจะออก เพราะมีการออกกฎหมายเรื่องที่เกี่ยวกับรัฐวิสาหกิจด้วย ซึ่งแก้กฎหมายให้คนที่ถูกศาลจำคุก แต่รอลงอาญา สามารถมาเป็นผู้บริหารรัฐวิสาหกิจได้(ข้อมูลจากwww.isranews.org)

เป็นกระแสให้วิพากษ์วิจารณ์ เพราะขณะที่ นายอภิสิทธิ์ กำลังพูดเรื่องการทุจริตอยู่นั้น นางสาวยิ่งลักษณ์ นายกรัฐมนตรี ก็ได้แต่นั่งยิ้มหวาน จนนายอภิสิทธิ์ ต้องกล่าวต่อไปว่า “ท่านจะยิ้มก็ได้ครับ เเต่ถ้าท่านมาสภา ท่านจะทราบ ว่าชาวนาถูกโกง ความชื้น ถูกโกงน้ำหนัก อย่างไร เวลาพวกผมพูด วันนี้ท่านก็ยิ้มไปครับเเต่ชาวนา เขายิ้มไม่ออก วันนี้ ท่านอาจจะยิ้มได้ครับ เพราะคนที่ได้ประโยชน์จากการทุจริต พรรคพวกท่านทั้งนั้น ท่านถึงยิ้ม”

หรือแม้แต่ประเด็นอื่นๆ ที่ ส.ส. ในสภาขอร้องให้นายกรัฐมนตรีตอบคำถามด้วยตัวเอง โดยบุคคลอื่นในพรรคไม่ต้องช่วยตอบ นายกรัฐมนตรี ยังตอบวกไปวนมาฟังไม่รู้เรื่องอีกเช่นกัน หรือแม้แต่การตอบในประเด็นที่ว่านายกรัฐมนตรี ไร้ประสิทธิภาพ ไร้ภูมิปัญญาในการทำงาน นายกปูก็ยังย้ำด้วยตัวเองว่า “สำหรับกรณีหลายคนว่าดิฉัน โง่ ดิฉันไม่ขอพูดถึง เพราะเราไม่เคยร่วมงานกัน” จนทำให้เป็นประเด็นแซวกันแรงทางการเมือง

น.ส.ยิ่งลักษณ์ ชินวัตร ที่มาภาพ :http://news.mthai.com
น.ส.ยิ่งลักษณ์ ชินวัตร ที่มาภาพ :http://news.mthai.com

นอกจากนี้อีกประเด็นการพูดของนายกที่เป็นประเด็นแรงให้ชาวโซเชี่ยลเม้าส์กันมาก ก็ในคืนวันจันทร์ที่ 25 พฤศจิกายน 2556 จากสถานการณ์การชุมนุมที่ผู้ชุมนุมเข้าล้อมสถานที่ราชการต่างๆ จนนายกรัฐมนตรีต้องออกแถลงการณ์เพื่อใช้ พ.ร.บ. สำหรับการชุมนุม ซึ่งนายกรัฐมนตรีออกมาแถลงในช่วงเวลาที่คอละครกำลังชมภาพยนตร์สุดฮิต “ทองเนื้อเก้า” หรือลำยองตอนจบ ซึ่งขัดอารมณ์แฟนละครคอการเมืองเป็นอย่างมาก จนบ่นกันระงมหน้าเฟซบุ๊ค ทั้งยังใช้คำพูดล้อเลียนการพูดจาดูโพย พูดผิดถูก สรุปใจความไม่ได้ ถึงขนาดบ้างคน โพสต์รูปเท้าตัวเองที่วางอยู่บนหน้าจอทีวี ขณะที่นายกรัฐมนตรีกำลังแถลงการณ์อยู่อีกด้วย

โดยสรุปผลการประชุมสภาผู้แทนราษฎร เพื่อลงมติในญัตติอภิปรายไม่ไว้วางใจ นายกรัฐมนตรี มีองค์ประชุม 357 คน ประธานให้ลงมติในญัตติอภิปรายทั่วไปเพื่อลงมติไม่ไว้วางใจ น.ส.ยิ่งลักษณ์ ชินวัตร นายกรัฐมนตรี และรัฐมนตรีว่าการกระทรวงกลาโหม ผลการลงมติปรากฏว่าที่ประชุมมีมติไว้วางใจด้วยคะแนนเสียง 297 ต่อ 134 เสียง งอดออกเสียง 2 เสียง ไม่ลงคะแนน 5 เสียง

“ระบบประชาธิปไตย คุณชอบหรือที่ไม่มีฝ่ายค้าน คอยตรวจสอบแทนพวกเรา อย่าถือข้างไม่มีเหตุผล ฝ่ายค้านนำข้อมูลมาอภิปรายในสภา ฝ่ายรัฐก็ต้องหาข้อมูลมาหักล้าง ที่ผ่านมาจำนำข้าวขาดทุนกี่แสนล้าน เห็นด้วยที่ช่วยเหลือชาวนา แต่ทำไมฝ่ายรัฐชี้แจงข้อมูลนำมาหักล้างไม่ได้ และยิ่งอายมาก เมื่อผู้นำไม่มีภาวะเป็นผู้นำเลย”

“นายกยิ้มเพราะไม่เงินไปจ่ายชาวนา ชาวนาต้องเอาใบประทวนรับจำนำไปกู้นอกระบบ เสียดอกจนหนี้ท่วมหัว นายกบอกชาวนาชอบเป็นหนี้ ที่นั่งยิ้มเพราะถูกใจผลงานของตัวเอง ที่ทำข้าวไทยเสียแชมป์ และทำพืชผลทางเกษตรราคาตกต่ำ กระชากค่าครองชีพให้สูงดั่งที่ตั้งใจไว้ทุกประการ ขอนั่งสภาสักพักแล้วเพ่นกลับบ้าน”

“เค้ามาอภิปรายไม่ไว้วางใจครับ เค้าก็ต้องโจมตีรัฐบาลอยู่ละ จะให้ชมว่าทำงานดีเหรอ รับไม่ได้สินะครับ ก็โกงกันซะขนาดนั้น จำนำข้าวขาดทุนย่อยยับ น้ำมันก็แพง แถมยังตองเอาเงินกองทุนน้ำมันไปชดเชยอีก ค่าแก๊ส ค่าไฟก็ขึ้น น้ำท่วมก็เละ บริหารอะไรไม่ได้สักอย่าง สุดยอดมาก”

“นึกว่าที่ทำอยู่นี่ น่ารัก เหรอ มาประชุมโดนซักฟอก อีกทั้งมีคนเป็นล้านรวมตัวขับไล่ ด่าทอสารพัด ยังลอยหน้าลอยตายิ้มระรื้นอีก ภาวะผู้นำมีมั๊ย สถานะการณ์แบบนี้วางตัวไม่เป็นหรือ ”

“ประชาชนออกมาขนาดนี้แล้วนายกยังไม่รู้สืกอะไรเลยหรือไม่มีความรับผิดไม่มีความชอบธรรมแล้วลาออกไปได้แล้ว”

“เราเป็นประชาชน อยากดูว่าปัญหาทุจริตมีจริงหรือไม่ คิดว่ามีหลักฐานโชว์ แต่ดูอย่างไรก็เป็นคำพูดที่เลื่อนลอยไม่สามารถฟันธงได้เลยว่าทุจริต โกงอย่างไร ตรงใหน เพราะในความคลุมเครือในใจประชาชนอยากเห็นชัดๆ แต่นี่ถ้าเป็นการคิดไปเอง สงสัยว่าจะโกง มันไม่ชัดเจน ยกตัวอย่างเราติดต่อโรงพักเราเห็นแต่เสา สร้างไม่เสร็จเราก็รู้ชัดว่ามันมีปัญหา ฉะนั้นช่วยเปิดชัดๆ ไม่อยากให้พูดโคมลอย เพราะรัฐบาลยังทำงานอยู่มันสามารถเปลี่ยนแปลงได้ถ้าคุณอยากเป็นรัฐบาล”

เรื่องที่สาม เป็นภาพข่าวที่มีการแชร์ต่อกันมาก เกี่ยวกับเรื่องที่ว่ารัฐบาลมีการเกณฑ์ “เด็กกำพร้า” มาเป็น “โล่กำบังม็อบ!!” หลังจากรู้ข่าวว่ากลุ่มผู้ชุมนุมจะเคลื่อนพลไปบุกยึด กระทรวงการพัฒนาสังคมและความมั่นคงของมนุษย์ โดยที่ ครูหยุย-วัลลภ ตังคณานุรักษ์ กรรมการเลขาธิการ มูลนิธิสร้างสรรค์เด็ก โพสต์ภาพลงบนเฟซบุ๊กส่วนตัว “ครูหยุย มูลนิธิสร้างสรรค์เด็ก” พร้อมข้อความที่ว่า “เด็กกำพร้า. มากมาย. . ทั้งชายหญิง///// คือภาพจริง. นั่งนิ่งๆ. พิงรอท่า////// ม็อบมาถึง กระทรวง พัฒนาฯ////////เร่งขนมา. เป็นกันชน. ให้รัฐมนตรี. (..โอ้ ยุควิปริต ทางจิตสำนึก มาถึงแล้ว)”

ที่มาภาพ : https://www.facebookครูหยุย มูลนิธิสร้างสรรค์เด็ก
ที่มาภาพ : https://www.facebookครูหยุย มูลนิธิสร้างสรรค์เด็ก

ทำให้เรื่องนี้มีการแชร์ภาพ และข้อความต่อกันมาก ทั้งยังแสดงความคิดเห็นเกี่ยวกับเรื่องนี้กันอย่างมากมาย โดยตามรายงานข่าวยังมีการแจ้งอีกว่า ทางกระทรวงได้มีการเกณฑ์เด็กๆ ไปตั้งแต่เช้า และจะให้เด็กเดินออกไปตอนม็อบมา พอม็อบเคลื่อนกลับก็เอาเด็กกลับคืนบ้านราชวิถี จึงเป็นประเด็นให้ชาวโซเชี่ยลมีเดียวิจารณ์กันมากว่า ทำไปเพื่ออะไร และถ้าเป็นการทำเพื่อกั้นม็อบจริงๆ ก็ถือว่าเป็นการกระทำที่ไม่สมควรยิ่งนัก

“เอิ่มมมม…รัฐบาลเคยกล่าวว่า การเป่านกหวีดเป็นสิ่งที่รุนแรงต่อเด็กและสตรี…. แต่นี่ท่านจะเอาเด็กมารับเสียงนกหวีดแทนพวกท่านอย่างนั้นหรือ???? พิจารณาทีค่ะ”

“ผมดีใจนะที่อดทนและมาทำงานกันอยู่ เชื่อว่าคนกระทรวงส่วนใหญ่ใส่ใจเด็กๆ แต่เขายอมกันไม่ได้คือพาเด็กมารอเป็นกันชนเท่านั่นเอง ที่ไม่เห็นเด็กเพราะถูกกันไว้ในห้องประชุมครับ ไม่ใช่เรื่องกล่าวหา แต่เป็นเรื่องจริงครับ”

“กระทรวงคือสมบัติของทุกคน เหมือนกระทรวงทั้งหลาย การชี้บอกว่า ทำกับเด็กแบบนี้ไม่ได้ ต้องบอกย้ำอีกว่า ข้อมูลและภาพล้วนมาจากคนดีดีในกระทรวงที่เขาทนไม่ได้ เขารักในวิชาชีพและรักกระทรวง จึงเสี่ยงทำเช่นนี้ ปกป้องนะปกป้องได้ แต่ต้องปกป้องบนพื้นฐานที่ถูกต้อง อีกประเด็นที่ขอย้ำนะครับ รายละเอียดพร้อมภาพที่มีมากกว่านี้ อยู่ที่กรรมการสิทธิมนุษยชนแล้วครับ เป็นหน้าที่ต่อไปที่ทางนั้นจะดำเนินการครับ เข้าใจนะครับ”

“มีคนสงสัยว่า เด็กๆ มาทัวร์ตามกำหนดปกติหรือเปล่าคะ ถ้าเป็นกำหนดการณ์ปกติ ก็ไม่น่าจะใช่ แต่ถ้าจัดแบบฉุกละหุก ก็ไม่แน่ แต่ถ้าดูอย่างนี้ เค้าจะเอาเด็กมาเป็นกำแพงทำไม เพราะทางผู้ที่ไปในทุกๆ ที่ไม่ได้มีความรุนแรงอะไร อันนี้มองอย่างกลางๆ และไม่อยากให้ใครมองครูไปในทางลบอีกคนค่ะ ปล. ถึงแม้เค้าจะจัดจริง ก็ให้รู้กันเพียงแค่วงในคนในดีกว่านะคะ เพราะครูเอาภาพนี้มาออกสื่อ ก็มันอาจจะกลายเป็นว่าครูก็ใช้เด็กเหมือนกันค่ะ แต่สมมุติว่ามันเกิดเหตุแล้วเค้าเอาเด็กมากันจริงๆ อันนั้นก็อีกเรื่อง ด้วยความนับถือค่ะ”

“ไม่เห็นด้วยกะการกระทำนี้ แต่ผู้ใหญ่ทุกท่านไม่ต้องกังวลนะคะ คณะของคุณสุเทพไม่มีอาวุธ ทุกคนเข้าใจว่าตอนนี้บ้านเมืองเดือดร้อนขนาดไหน จะไม่มีการใช้ความรุนแรงเด็ดขาด ซึ่งเป็นวิธีที่ผู้รวมคณะเห็นพร้องต้องกัน”

“แล้วปล่อยให้เค้าขนมาทำไมครับ เรื่องยังงี้ก็ต้องค้านให้ถึงที่สุด ตอนค้านเรื่องอื่นยังทำได้เลย แค่ขนคน เราทำได้อยู่แล้ว อย่ารอให้เกิดแล้วค่อยมาบอกว่ามันเป็นปัญหา แก้ก่อนเลยครับ”

เรื่องที่สี่ เป็นอีกหนึ่งกระแสที่ชาวโซเชี่ยลมีเดียต่างพูดถึงกันมากท่ามกลางกระแสการเมืองอันร้อนแรง กับชื่อของ “นานาโกะ ฮารุ” สาวที่ถูกเม้าส์แรงและถูกแชร์ต่อกันมากในโซเชี่ยลเน็ตเวิร์ค

ถ้าใครได้ติดตามชื่อของเธอคนนี้จะเห็นเรื่องราวภาพความแซ่บความเซ็กซี่ของเธออยู่เสมอ โดยบ้างเว็ปไซด์ก็จะมีเรื่องราวของหนุ่มผู้เป็นเหยื่อของเธอมาเล่าให้ฟังอย่างต่อเนื่อง ซึ่งแต่ละรายจะเห็นได้ว่าอยู่ในสถานที่และจังหวัดที่ต่างกัน จึงทำให้เป็นที่มาของฉายาว่า “ฮารุทั่วไทย” อีกทั้งตามข้อมูลจากเว็ปไซด์หรือ แฟนเพจต่างก็มีการแอบถ่ายและติดตามชีวิตของเธอตามสถานที่ต่างๆ พร้อมให้ข้อมูลว่า นานาโกะ ฮารุ เธอเป็นลูกครึ่งไทยญี่ปุ่น บ้างก็บอกว่าพูดได้ถึง 4 หรือ 7 ภาษา มีอาชีพบางวันเป็นนางแบบ บางวันเป็นช่างสัก ทั้งยังข้ออ้างที่เธอใช้อยู่เสมอว่า กระเป๋าตังค์หายได้แทบทุกวัน ไปไหนต่อไหนได้ทั่ว โดยไม่ใช้เงินสักบาท แถมยังได้กลับมาตลอด ลักษณะเด่นของเธอจะมีไฝตรงจมูก มีรอยสักทั่วร่างกาย ที่เห็นเด่นชัดเลย คือบริเวณช่วงคอ ,เนินหน้าอกและต้นขา ระเบิดหู

นานาโกะ ฮารุ  ที่มาภาพ : http://news.boxza.comview5548
นานาโกะ ฮารุ ที่มาภาพ : http://news.boxza.comview5548

ทำให้ตอนนี้ชื่อของ นานาโกะ ฮารุ เป็นชื่อที่มีคนอยากรู้เรื่องราวและประวัติของเธอกันอย่างมาก จนมีรายการโทรทัศน์พา นานาโกะ ฮารุ ออกมาเปิดใจสัมภาษณ์เรื่องราวต่างๆ อย่างหมดเปลือกพร้อมปล่อยตัวอย่างรายการออกมา โดยมีคำพูดเกี่ยวกับเรื่องราวของเธอที่ใครๆ บอกว่าเธอมีเพศสัมพันธ์กับผู้ชายทั้งไทยและต่างชาติมาแล้วกว่า 1,000 คน โดยเธอกล่าวเหมือนกับว่าผู้ชายเหล่านั้นเหมือนต้องการมีอะไรกับเธอ ทั้งยังมีคำพูดที่เรียกร้องให้ผู้คนสงสารในตัวเธอ ชีวิตเธอพัง และเธอถึงขนาดกินยาฆ่าตัวตายมาแล้ว จนเป็นกระแสให้พูดถึงในสัปดาห์นี้ ซึ่งใครอยากทราบรายละเอียดทั้งหมด คงต้องติดตามรายการในวันเสาร์ที่ 30 พฤศจิกายน 2556 เวลา 16.00 น.(ชมคลิป)

“ผมเคยเจอเธอตอนที่ผมนั่งรอรถไฟ ถึงบุคลิกภายนอกเธอดูไม่ดีเท่าไรนะแต่พอได้คุยกับเธอก็เป็นคนน่ารักนะครับ”

“เจออยู่บนรถไฟฟ้าพร้อมจักยานคู่ใจ สักเต็มตัว เจาะจมูกเจาะหู ดูเละเทะไปหมด อยากเห็น ก็ต้องไปขึ้นรถไฟฟ้าสายสุขุมวิท เวลาประมาณบ่ายๆ ลองดูผมเจอหลายทีล่ะ”

“โทษที่ผู้ชายก่อนเถอะถ้าคุณรักเดียวใจเดียวคงไม่ไปนอนกับเขา ฟ้าลงโทษที่คุณไม่มีรักแท้ให้ผู้หญิงที่จะแต่งงานจึงมั่วไปทั่ว ไม่เข้าข้างผู้หญิงคนนี้นะแต่อยากบอกให้รู้ว่าก่อนโทษคนอื่นควรโทษตัวเองก่อน”

“ดูๆ ไป นางก็เหมือนคนปกติทั่วไปเหมือนนางเป็นไกด์จริงๆ บางทีนางอาจจะไปเดินข้าวสาร เพื่อหาชาวต่างชาติ รับจ็อบนำเที่ยวก็ได้ ด้วยความที่นางได้ภาษาญี่ปุ่น นางเลยพูดได้ตกลงได้ เพราะสังเกต สถานที่ที่นางไป จะมีแหล่งท่องเที่ยวทั้งนั้น เชียงใหม่ พัทยา บางแสน ระยอง ชาวต่างชาติมักชอบไป นางจึงเดินทางโดยรถไฟ พอเที่ยวเสร็จนางจึงพาชาวต่างชาติกลับ และหาเป้าหมายใหม่ บางครั้งนางอาจจะได้ทิป จากการพาเที่ยว พอได้เงิน นางก็เอาไปเที่ยวกลางคืน พอดื่มเหล้าเข้าไปก็เกิดความต้องการผู้ชาย เลยขอไปนอนด้วย ด้วยความที่มีนิสัยขี้ขโมย นางเลยเห็นของมีค่าไม่ได้ เลยขโมย เสร็จนางก็กลับมาตั้งหลักใหม่ที่ข้าวสาร หรือแหล่งที่มีชาวต่างชาติเยอะๆ นั่นเป็นเหตุผลที่มีคนพบเจอนางบ่อยๆ ในหลายๆจังหวัด บางที เวลาที่นางไม่เมา หรือไม่ดื่ม นางอาจจะพูดจาเหมือนคนธรรมดาทั่วไป เลยมีผู้ชายตกหลุมพลางไปนอนด้วย”

“น่าอิจฉา ชีวิตเขานะ เที่ยวซะทุกจังหวัด เรียลลิตี้ด้วยนะ มีคนติดตาม แถมเที่ยวแบบตื่นเต้น อีกกลัวว่าจะเจอคู่กรณี ชีวิตช่างมีสีสัน ซะจริง”

“เป็นคนที่กร้านโลก แตกฉานและเชี่ยวชาญในเรื่องการใช้ชีวิต ออกแนวแบบเซอร์ไวเวอร์ ของรายการโทรทัศน์เมืองนอกแบบว่าไปปล่อยในป่าแล้วไม่มีอะไรให้ใช้เลย ประมาณหนังการ์ตูนเรื่องต้องรอดผู้หญิงคนนี้ตอบโจทย์ในเรื่องการเอาตัวรอดในยุคสังคมแบบนี้ได้ดี”

เรื่องที่ห้า เป็นการรวบรวมภาพและเรื่องราวต่างๆ ที่มีการพูดถึงและแชร์ต่อกันในโลกออนไลน์ระหว่างที่มีการชุมนุมต่อต้านร่าง พ.ร.บ.นิรโทษกรรมและโค่นล้มระบอบทักษิณ ได้แก่

1. การแชร์หนังสือแจ้งของสมาคมผู้ขับขี่รถจักรยานยนต์รับจ้างแห่งประเทศไทย ที่เขียนข้อความเชิญชวนผู้ขับขี่รถจักรยานยนต์รับจ้างทุกคนไปร่วมให้กำลังใจนางสาวยิ่งลักษณ์ ชินวัตร นายกรัฐมนตรี ที่ทำเนียบรัฐบาล ในวันพุธที่ 27 พฤศจิกายน 2556

2. คลิปเหตุการณ์คนเสื้อแดงและกลุ่มต้านระบอบทักษิณปะทะกันที่บริเวณหน้าศาลากลางจังหวัดปทุมธานี โดยคนเสื้อแดงประมาณ 7คนพร้อมอาวุธไม้ และก้อนหิน เข้ามาล้อมและรุมทำร้ายคนในรถของกลุ่มต้านระบอบทักษิณ จนได้รับบาดทั้งคนและรถ (ชมคลิป)

3. คลิปคนถือธงชาติรุมกระทืบเสื้อแดง บังคับแก้ผ้ากลางเมือง โดยใช้ชื่อคลิปว่า “ม็อบประชาธิปัตย์ พกอาวุธปืน รุมทำร้ายเสื้อแดง 27/11/2556” (ชมคลิป)

4. คลิปม็อบสุดหื่น กับภาพชายใส่ชุดขาวพร้อมมือถือธงชาติไทย เดินไล่จับอวัยวะเพศของเจ้าหน้าที่ตำรวจที่เข้ามาดูแลความเรียบร้อยของผู้ชุมนุม (ชมคลิป)

5. “งานสร้างอนาคตไทย 2020” ที่ศูนย์ประชุมนานาชาติฯ มหาวิทยาลัยสงขลานครินทร์ อ.หาดใหญ่ จ.สงขลา ล่มกลายเป็นเวทีขับไล่รัฐบาล ด้วยรวมกลุ่ม ประชาชน นักเรียน นักศึกษา จำนวนมาก พร้อมถือป้าย ธงชาติและนกหวีด เข้าไปภายในงาน ซึ่งมีกำหนดการว่า นายกิตติรัตน์ ณ ระนอง รองนายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงการคลัง พร้อมด้วย นายชัชชาติ สิทธิพันธุ์ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงคมนาคม จะเข้าร่วมงาน

ที่มาภาพ : http://news.mthai.comgeneral-news290179.html
ที่มาภาพ : http://news.mthai.comgeneral-news290179.html

6. พรรคเพื่อไทย ออกแถลงการณ์ 7 ข้อ ถึงกรณีสถานการณ์การชุมนุมทางการเมือง และการบุกยึดสถานที่ราชการของกลุ่มผู้ชุมนุม ขอร้องให้ยุติการชุมนุมและคืนสถานที่ราชการ เนื่องจากเป็นการสร้างความเสียหายให้กับระบอบประชาธิปไตยและหลักนิติธรรมในบ้านเมืองที่เป็นรากฐานการปกครองประเทศที่ดีและเป็นหลักประกันสิทธิและเสรีภาพพื้นฐานของประชาชนทุกคน

7. กลุ่มผู้ชุมนุม กปท. ที่เข้าร่วมชุมนุมต้านระบอบทักษิณ ตัดไฟหน้าสำนักงานตำรวจแห่งชาติ ทันทีที่เดินไปถึงตามมาตราการการกดดันรัฐบาล ซึ่งจากเหตุดังกล่าวทำให้เกิดไฟดับทั่วบริเวณ แต่ไม่กระทบถึงโรงพยาบาลตำรวจ

8. หลวงปู่พุทธะอิสระ เจ้าอาวาสวัดอ้อน้อย อำเภอกำแพงแสน จังหวัดนครปฐม ขึ้นปราศรัยบนเวทีชุมนุม รวมถึงประกาศเป็นผู้นำขบวนม็อบด้วยตนเอง ซึ่งกรรมการมหาเถรสมาคมเห็นว่าการกระทำดังกล่าวไม่เหมาะสมอย่างมาก ตามกฎระเบียบกำหนดไว้ชัดเจนว่า พระสงฆ์ไม่ควรเข้าไปยุ่งเกี่ยวกับการเมือง หรือว่าออกมาแสดงความเห็นที่ทำให้เกิดความขัดแย้งในสังคม

“ประเทศไทยเป็นของคนไทย ไม่ใช่พรรคเพื่อใคร ในเมื่อประชาชนคนไทยทุกคนในประเทศไทยและที่อยู่ต่างประเทศที่เป็นคนไทย ต้องการ ประชาธิปไตยคืน จากรัฐบาล ชุดนี้ แล้วทำไมไม่ คือให้ประชาชนคนไทยทุกคนละ”

“สิ่งที่จะเอาชนะ นักการเมืองโกงกินได้ ก็คือพลังคนรุ่นใหม่นั่นแหละ ให้มันรู้ไปว่ามันจะกล้าฆ่าเยาวชน ถ้าทำจริงก็อยู่ไม่ได้แน่”

“มหามวลชนเยอะขนาดนี้ ไปแข่งในสนามเลือกตั้งดีกว่าไม๊ คนเยอะอย่างนี้ ชนะแน่ แต่จะกล้าหรือป่าว เพราะคนไม่เห็นด้วยมันมี 60 กว่าล้าน กับสภาประชาชน ม็อบยึดสถานที่ ม็อบรักชาติกลายเป็นทำลายชาติ”

“ถ้าไม่ได้มาเรียกร้องประชาธิปไตย ก็ไม่ต้องมาประท้วง ไม่มีเหตผลของการชุมนุม เพราะประเทศนี้เขาปกครองด้วยระบอบประชาธิปไตย ปกป้องประชาธิปไตยเท่านั้น นอกนั้นถือว่าพวกกบฎ ไม่มีเหตุผลอะไร ที่จะมาอ้างว่าคิดแตกต่าง”

“พระก็คน ต้องพิจารณาเลือกกันเอาครับว่า พระท่านไหนควรเคารพ เพราะความนับถือแล้วแต่ตัวบุคคล กิเลส มันยากนะครับที่จะปล่อยวาง เรายึดคำสอนของพระพุทธองค์อย่ายึดติดบุคคลเลยครับมันไม่เที่ยง”

“ประชาชนแตกแยกเพราะนักการเมืองแย่งกัน อยากได้ผลประโยชน์ อยากได้อำนาจ ในกรุงเทพฯ เต็มไปด้วยคนใต้ มีทั้งดีและเลวสุดขั้ว คนภาคอื่นและคนกรุงเดิมๆ มักจะคล้อยตาม เพราะไม่อยากจะมีปัญหา อยากอยู่อย่างสงบ”