ThaiPublica > เกาะกระแส > ประเด็นฮอตรอบสัปดาห์ > ประเด็นฮอตรอบสัปดาห์ – “ม็อบต้าน ร่างพ.ร.บ.นิรโทษกรรม ฉบับสุดซอย และ “แอพฯ Mo Man Xiang Ji ฮิตโลกโซเชียล”

ประเด็นฮอตรอบสัปดาห์ – “ม็อบต้าน ร่างพ.ร.บ.นิรโทษกรรม ฉบับสุดซอย และ “แอพฯ Mo Man Xiang Ji ฮิตโลกโซเชียล”

2 พฤศจิกายน 2013


แฟนเพจเฟซบุ๊ก สมาคมฟุตบอลไทย โดนบ่นเละ

ม็อบต้าน พ.ร.บ.นิรโทษกรรม ฉบับสุดซอย ในวาระ 2 และวาระ 3

วิจารณ์แรงพยาบาลน้ำตาตก โพสต์ท่าชูสองนิ้วในห้องฉุกเฉิน

ชาวเน็ตบ่น ค่าตอบแทนของหน่วยเก็บกู้และทำลายล้างวัตุระเบิด (EOD)

แอพพลิเคชัน Mo Man Xiang Ji ฮิตทั่วโลกโซเชียล
อ่านรายละเอียด ………….

ประเด็นที่ถูกพูดถึงมากสุดในโซเชียลมีเดียในรอบสัปดาห์ 27 ตุลาคม – 2 พฤศจิกายน 2556

เรื่องแรก เมื่อสมาคมฟุตบอลแห่งประเทศไทย นำทีมโดย นายกสมาคมฯ คนใหม่ นายวรวีร์ มะกูดี หรือ “บังยี” เดินหน้าลุยโลกโซเชียลเน็ตเวิร์กกับเขาบ้าง เพื่อเป็นช่องทางในการสื่อสารกับแฟนคลับ โดยมีการสร้างแฟนเพจเฟซบุ๊กที่ใช้ชื่อว่า “วรวีร์ มะกูดี” https://www.facebook.com/Woraweefootballthailand พร้อมข้อความว่า “เปิดแฟนเพจอย่างเป็นทางการ ให้แฟนบอลชาวไทยเข้ามาเสนอความคิดเห็นเพื่อให้บอลไทยพัฒนาอย่างต่อเนื่อง” เมื่อวันอาทิตย์ที่ผ่านมา ซึ่งไม่มีใครยืนยันได้ว่าเป็นแฟนเพจของทางสมาคมจริงหรือไม่ เพราะที่ผ่านมาอาจจะเห็นแฟนเพจชื่อคล้ายกันอยู่นี้บ้างเช่นกัน

และสิ่งที่ทำให้แฟนเพจนี้เป็นที่ฮือฮา เพราะหลังจากเปิดไม่กี่ชั่วโมง ก็มีผู้เข้าไปแสดงความคิดเห็นกันอย่างมากมาย แต่แทนที่จะเป็นความคิดเห็นในเชิงบวก ข้อความที่แฟนๆ ฟุตบอลโพสต์กันมากกลับเป็นการกล่าวถึงความล้มเหลวของทีมฟุตบอลไทย รวมถึงมีการเรียกร้องให้นายวรวีร์ลาออกจากตำแหน่งนายกสมาคมฯ โดยความคิดเห็นส่วนใหญ่ต่างเชื่อว่าการเลือกตั้งครั้งที่ผ่านมาไม่โปร่งใส แต่อย่างไรก็ตาม แฟนเพจดังกล่าว ก็ได้ถึงปิดตัวไปในที่สุด

ที่มาภาพ : http://www.talkystory.comcat=361
ที่มาภาพ: http://www.talkystory.comcat=361

“เดินเครื่องกดดันเลือกตั้งนายกบอลไทย! สโมสรฟุตบอล จังหวัดระยอง จับมือสโมสรสมาชิกที่ถูกสวมสิทธิ์ และผู้ทรงวุฒิด้านฟุตบอล เปิดเวทีปราศรัย เพื่อล่ารายชื่อให้ถึง 1 แสนคน พร้อมเชิญชวนแฟนบอลทั่วประเทศมาร่วมแลกเปลี่ยนความคิดเห็น ยืนยันไม่เกี่ยวข้องกับการเมือง เป็นเรื่องของกีฬาฟุตบอลล้วนๆ”

“เรื่องของคน ในวงการฟุตบอลเขาเลือกกันเอง ผลประโยชน์หลักคือผลตอบแทนจากการแข่ง ไทยลีก คนดูมีหน้าที่ดู จ่ายตังค์เข้าชม”

“บอลทีมชาติ ไม่มีผลงานเพราะ บอลลีก มันเฟื่องฟู นักเตะได้ผลตอบแทนสูง บางคนได้เงินเดือนเป็นล้านได้ลงเตะก็โบนัสเพิ่ม 3 หมื่นถึงแสนต่อนัด ต้นสังกัด ยิ่งแล้วใหญ่ ยิ่งไม่อยากปล่อยตัวหลักเก่งๆ ของทีมไปเล่นทีมชาติ เพราะกลัวเจ็บ ผลงานสโมสรจะกระทบในขณะ ทีมชาติ ให้ผลตอบแทนนักเตะน้อย ถ้าเจ็บมาการจ่ายเงินชดเชยให้สโมสรยังไม่มี ดังนั้นนักเตะคนดังเวลาจะแข่งในนามทีมชาติก็พากันป่วยการเมือง เจ็บ โน่นนั่นนี่”

“สุภาษิตไทยที่ว่า คบคนให้ดูหน้า ซื้อผ้าให้ดูเนื้อ นั้นยังน่าจะใช้ได้ เพราะคนหน้าตาอย่างนายวรวีร์ ไม่ต้องพูดถึง ดูจากผลงานที่ผ่านมาเถอะ”

“เปิดเพจเพื่อลดแรงกดดัน เจ้าตัวไม่เปิดอ่านหรอก เชื่อเถอะ”

“วงการฟุตบอลไทย เห็นแล้วเครียดมากจริง อะไรปรับปรุงได้ก็ปรับเถอะ ขอร้อง”

เรื่องที่สอง หลังจากที่ นายสุเทพ เทือกสุบรรณ แถลงข่าวหน้าบริเวณลานพระบรมราชานุสาวรีย์ รัชกาลที่ 7 หน้าอาคารรัฐสภา ประกาศระดมประชาชนที่ไม่เห็นด้วยกับร่างพระราชบัญญัตินิรโทษกรรม หรือที่เรียกกันว่า “พ.ร.บ.นิรโทษกรรม ฉบับสุดซอย ในวาระ 2 และวาระ 3” ในการประชุมสภาผู้ทนราษฎรวันพฤหัสบดีที่ 31 ตุลาคม 2556 พร้อมแล้วกับการเป่านกหวีดเพื่อเป็นสัญญาณเริ่มต้นให้มารวมตัวกัน ณ เวทีปราศรัยบริเวณสถานีรถไฟสามเสน หรือบริเวณสี่แยกอุรุพงษ์ อีกทั้งทางด้านเฟซบุ๊กของกลุ่มกองทัพประชาชน หรือหน้ากากขาว ที่ใช้ชื่อ “V For Thailand” ก็ได้มีการประกาศนัดหมายการชุมนุม ระดมประชาชนที่ไม่เห็นด้วยให้มารวมตัวกัน ณ สถานที่ดังกล่าว

ส่งผลให้ตั้งแต่คืนวันดังกล่าวซึ่งตรงกับเทศกาลฮาโลวีน มีประชาชนจำนวนมากไปรวมตัวกันต่อต้าน พ.ร.บ. ฉบับนี้ ณ สถานที่นัดหมาย จนทำให้ต้องมีการขยายพื้นที่ออกไปจนถนนกำแพงเพชร 5 บางส่วนเพิ่มเติม โดยที่ทางด้านการประชุมสภาร่างพระราชบัญญัติดังกล่าว ก็ได้ผ่านเสียงสนับสนุนจากประชุมสภาผู้แทนราษฎรไปเรียบร้อย แม้จะมีเสียงไม่เห็นด้วยของประชาชนก็ตาม

ที่มาภาพ: http://news.th.msn.com
ที่มาภาพ: http://news.th.msn.com

เรื่องนี้จึงทำให้องค์กรต่อต้านคอร์รัปชัน (ประเทศไทย) ร่วมกับสมาชิกองค์กรภาคธุรกิจ การเงินและการลงทุน เดินหน้ายื่นหนังสือแถลงการณ์ต่อสถานเอกอัครราชทูตสหรัฐอเมริกาประจำประเทศไทย เพื่อแสดงจุดยืนการคัดค้าน พ.ร.บ.นิรโทษกรรมที่ได้ผ่านวาระ 2 และวาระ 3 โดยให้เหตุผลว่ามีผลกระทบร้ายแรงต่อคนไทยทั้งประเทศทั้งด้านเศรษฐกิจและสังคม และอาจทำให้เกิดการแตกแยกในสังคม หลังจากการประชุมสภาผู้แทนราษฎรเมื่อวันที่ 1 พฤศจิกายน 2556 ด้วยคะแนน 310 ต่อ 0 งดออกเสียง 4 คือ นายณัฐวุฒิ ใสยเกื้อ, นายวรชัย เหมะ, นางสาวขัตติยา สวัสดิผล และ นพ.เหวง โตจิราการ ขณะที่ สส.พรรคประชาธิปัตย์วอล์คเอ้าท์

สำหรับทางด้านกรมการปกครอง หลังจากออกประกาศแจ้งหนังสือขอความร่วมมือในการทำป้ายหนุนการปรองดองผ่านร่าง พ.ร.บ.นิรโทษกรรม ก็ได้มีการประกาศยกเลิกหนังสือ หลังจากกระแสการต่อต้านของประชาชนมีเพิ่มมากขึ้น ทางด้านชาวโซเชียลเน็ตเวิร์ก ก็ได้มีการต่อต้านบนโลกออนไลน์ ด้วยการโพสต์ข้อความไปบนหน้าเฟซบุ๊กของ พ.ต.ท.ทักษิณ ชินวัตร ที่ใช้ชื่อว่า Thaksin Shinawatra เป็นคีย์เวิร์ดด้วยคำว่า “ปาขี้” เพื่อให้เข้าใจตรงกันว่ากำลังคัดค้าน ร่าง พ.ร.บ. ดังกล่าว

“เท่าที่รู้ถึงในสภาจะผ่านแต่ยังมีคนสุดท้ายในการเซ็นต์ พรบ. ฉบับนี้ว่าจะใช้ได้หรือไม่ ถ้าท่านไม่เซ็นต์ก็เท่ากับว่า พรบ.ฉบับนี้ไม่ผ่านต้องกลับมาแก้ไขใหม่อยู่ดี (อันนี้จริงหรือเปล่าลองเช็คดูนะครับ)”

“พรบ.ผ่าน ต้องไปที่วุฒิสภาก่อน แต่รัฐบาลจะยุบสภาเพื่อเอาตัวรอด ที่เหลือจะเป็นหน้าที่ของวุฒิสภา และฝ่าด่านศาลรัฐธรรมนูญก่อน ถ้าผ่านหมด ก็ถือว่าประเทศไทยจบ”

“พวกนี้มันใช้อำนาจในมือในทางที่ผิด เอาประโยชน์ส่วนตัวมาก่อนประเทศชาติ ถ้าบอกว่าทำเผื่อประชาชนจริงๆทำไมมันไม่เอาเวลาร่าง พรบ.ไปหาวิธีแก้ไขปัญหาปากท้องของประชาชนจะดีกว่า คิดแล้วเพลีย แล้วมาผ่านในคืนปล่อยผีอีกด้วยเนอะ”

“ทำแบบนี้ก็ดี เท่ากับเติมเชื้อบ้าให้คนไทยเกลียด ตระกูลชินมากยิ่งขึ้น คิดว่ามีคนรอคิดบัญชีอยู่เยอะ”

“ขอเป็นกำลังใจให้ คุณสุเทพ เทือกสุบรรน คุณอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ ที่เป็นกำลังหลักในการที่นำประชาชนออกมาต่อต้าน พรบ.นิรโทษกรรมในครั้งนี้”

“ขอให้กลับมาเถอะ ไม่มีใครห้ามให้กลับมาซะหน่อย ไม่กลับเอง ถ้าคิดว่าตัวเองบริสุทธื์กลับมาต่อสู้ซิ”

เรื่องที่สาม เป็นภาพที่มีกระแสวิพากษ์วิจารณ์กันมาก กับกรณีที่มีภาพของพยาบาลสาว 2 คน โพสต์ท่าชูสองนิ้วในห้องฉุกเฉิน โดยด้านหลังมีร่างผู้เสียชีวิตนอนอยู่ โดยที่ผู้ใช้เฟซบุ๊กชื่อว่า Tingly Kwunchaithunya ได้แชร์รูปภาพดังกล่าว พร้อมข้อความว่า “นี่คือศพ จ.ส.ต.นิมิตร ดีวงษ์ ซึ่งเป็นเพื่อนของผมที่ถูกระเบิดที่บาเจาะ นราธิวาส ระหว่างปฏิบัติหน้าที่เพื่อประเทศชาติ แต่ถูกพยาบาลสาวแสนสวยมาทำแบบนี้ คิดว่าเหมาะไหม??

จนทำให้รูปนี้ถูกแชร์ไปทั่วโลกออนไลน์ พร้อมตำหนิการกระทำของพยาบาลจากภาพที่ปรากฏว่าเป็นการกระทำที่ไม่เหมาะสมและไร้จรรยาบรรณเป็นอย่างยิ่ง โดยหลังจากกระแสดังกล่าวแพร่กระจายไปมาก ทางโรงพยาบาลนราธิวาสราชนครินทร์ ก็ได้ออกแถลงการณ์ถึงกรณีดังกล่าว 5 ข้อ ดังนี้

1. ยอมรับว่าภาพที่มีการเผยแพร่ทาง Line เป็นภาพที่เกิดขึ้นที่โรงพยาบาลนราธิวาสราชนครินทร์จริง
2. จากการสอบสวนเบื้องต้นเป็นการกระทำที่ละเมิดสิทธิของผู้ป่วย ซึ่งถือว่าผิดจรรยาบรรณของวิชาชีพ เนื่องจากความรู้เท่าไม่ถึงการณ์ของเจ้าหน้าที่ ของโรงพยาบาลนราธิวาสราชครินทร์ที่ปฎิบัติงาน ไม่มีประเด็นอย่างอื่นทั้งสิ้น
3. คณะทำงานที่ปฎิบัติหน้าที่ในขณะนั้น ทุกๆ คนปฎิบัติงานด้วยความตั้งใจ เต็มใจ และมุ่งมั่นอย่างเต็มที่
4. โรงพยาบาลนราธิวาสราชนครินทร์จะตั้งคณะกรรมการสอบสวนการกระทำผิดและลงโทษทางวินัยกับผู้ที่มีส่วนเกี่ยวข้องทุกท่าน
5. โรงพยาบาลนราธิวาสราชนครินทร์ ต้องขอภัยและขอแสดงคงามเสียใจกับครอบครัวผู้สูญเสีย และผู้ที่เกี่ยวข้องทุกๆ ท่านด้วยความจริงใจ และจะไม่ให้เกิดเหตุการณ์ทำนองนี้เกิดขึ้นมาอีกเป็นอันขาด

ทางด้านของนางสาวพัสเราะห์ เจ๊ะมุ, นางสาวฟาซีลา ดอเลาะ และนางสาวโนรีซา เจ๊ะแล พยาบาลที่ปฏิบัติหน้าที่ในวันดังกล่าวตามภาพที่ปรากฏ ก็ได้ออกมากล่าวขอโทษผ่านสื่อ พร้อมยอมรับผิดต่อการกระทำดังกล่าว ด้วยความเสียใจพร้อมกล่าวว่า เป็นการกระทำที่รู้เท่าไม่ถึงการณ์และได้ถ่ายภาพดังกล่าวด้วยความภาคภูมิใจว่ามีโอกาสได้ทำหน้าที่แต่งหน้าศพในวาระสุดท้ายให้กับฮีโร่ของชาวนราธิวาส ไม่ได้มีเจตนาที่ไม่ดีตามกระแสข่าว และนอกจากนี้ ทางโรงพยาบาลนราธิวาสฯ ก็ได้พาเจ้าหน้าที่พยาบาลทั้ง 3 คน ให้ไปทำความเคารพศพผู้เสียชีวิตและขอขมาต่อญาติของผู้เสียชีวิตทั้ง 3 คน เพื่อเป็นการแสดงถึงความเสียใจและยืนยันถึงความบริสุทธิ์ใจต่อเหตุการณ์ที่เกิดขึ้น

โดยทางด้านชาวโซเชียลเน็ตเวิร์ก ก็มีความคิดเห็นเกี่ยวกับเรื่องนี้กันอย่างมากมายว่า

“เป็นบทเรียนที่แสนล่ำ ด้วยเจตนาที่ไม่ได้ตั้งใจ จงจำไว้เป็นบทเรียนและคอยเตือนบุคคลอื่นต่อ ๆไป การยอมรับผิดเป็นสิ่งดี ใคร ๆ ก็ให้อภัย”

“น่าจะแค่ตักเตือนก็เพียงพอ เพราะผู้ปฏิบัติงานในโรงพยาบาล 3 จังหวัดชายแดนภาคใต้ ทุกคนเหนื่อยและเสี่ยงภัยอยู่แล้ว และทุกคนเสียสละอย่างมาก เรื่องเล็กน้อยแค่นี้ อย่าลงโทษอะไรเลย มันจะทำให้เจ้าหน้าที่เสียกำลังใจ”

“สิ่งที่เกิดนั้นเราไม่ทราบถึงจุดประสงค์ที่แท้จริง ดีหรือชั่วอยู่ที่ตัวคน เราเห็นใจการทำงานของ ทหาร ตำรวจ หมอพยาบาล ทุกคนที่ต้องทำงานหนัก เสียนสละ เวลา และชีวิตที่ดำรงอยู่และเสียไปเพื่อใครกัน เพื่อชาติ หรือ เพื่อนักการเมืองชั่วๆทั้งหลายที่นั่งเสวยสุข ร่ำรวยกันโคตรๆ ตื่นเถอะพี่น้องคนไทยเราอย่าเป็นเหยื่ออันโอชะให้การเมือง ชั่วต่อไปเลย ถ้าหากน้องๆผิดไปแล้วอภัยเถอะครับ มันไม่มีอะไรดีขึ้น และขอเป็นกำลังใจคนทำงานนะครับ”

“โรงพยาบาล ห้ามนำกล้องหรือเครื่องถ่ายภาพเข้าไปถ่ายภาพในส่วนที่ห้าม แต่พยาบาลกลับเอาเข้าไปถ่ายซะเอง แถมทำเป็นเรื่องสนุกซะอีก ถ้าผมมองในทางลบนะ พวกเธอคงสะใจซินะ ที่โจรใต้ฆ่าพวกทหารได้ ไร้สมอง ทางมองในทางบวก พวกเธออาจจะคลายเคลียด ถ้ามองโดยรวมระเบียบวินัยไม่มี ละเมิดสิทธิของผู้ป่วย ซึ่งถือว่าผิดจรรยาบรรณของวิชาชีพ โรงพยาบาลแบบนี้จะเข้าไปรักษาอีกไหม ถ้ายิ่งเป็นโรงพยาบาลรัฐล่ะก็ จบเลยหาคำตอบไม่ยาก”

“ก็เป็นกำลังใจให้พยาบาลต่อไป ในบางครั้งการชู 2 นิ้วหมายถึง OK สู้ต่อไป ผ่านไปได้แล้วสำหรับเรื่องใดเรื่องหนึ่งเป็นกำลังใจซึ่งกัน และ กัน เรามีพี่สาวเป็นพยาบาล อยู่นราธิวาส ความเครียด กับความเคยชิน เหมือนจะเป็นเรื่องเดียวกันแล้ว บางครั้งคนเราทำงานก็ต้องให้กำลังใจตัวเอง ให้กำลังใจซึ่งกัน และ กัน พยาบาล 3 คน ก็คงไม่อยากให้ใครเสียชีวิตหรอก แต่ต่อไปก็ไม่ควรถ่ายรูปขณะทำงาน ปล่อยให้เป็นไปตามธรรมดา”

“ให้กำลังใจกันสำหรับคนทำงาน เอาละเมื่อยอมรับว่ารู้เท่าไม่ถึงการณ์ คิดไม่ถึงว่าจะร่อนภาพออกมาภายนอก เพียงถ่ายเก็บไว้หรือให้กำลังใจกันก็ตาม เมื่อได้รับเกียรติแต่งศพทหาร/ตำรวจกล้า และเมื่อขอโทษกันแล้วก็อภัยกัน นี่คือคนไทย อย่าไปดึงเรื่องศาสนามาเกี่ยวข้อง เชื่อว่าพยาบาลทั้ง 3 คน สำนึกในหน้าที่และพร้อมขอโทษผ่านสื่อมวลชน ผมเชื่อว่าคนไทยส่วนใหญ่ให้อภัย และเห็นใจกับการทำงานโดยหน้าที่ที่มีเกียรติ คนกรุงเทพฯขอให้รักษาเกียรติและดำรงค์ตนให้เป็นผู้เสียสละต่อสังคมต่อไป และขอพระองค์อัลเลาะฮ์(ซบ.)จงประทานอภัยโทษให้สำหรับพยาบาลทั้ง 3 คน ที่สำนึกและรับผิดแล้ว อามีน.”

เรื่องที่สี่ อีกหนึ่งเรื่องที่เป็นกระแสวิพากษ์วิจารณ์ เกี่ยวกับค่าตอบแทนของหน่วยเก็บกู้และทำลายล้างวัตุระเบิด (EOD) ในสามจังหวัดชายแดนใต้ หลังจากที่สัปดาห์นี้ประเทศชาติต้องสูญเสียผู้รับใช้ประเทศชาติจากเหตุการณ์กู้ระเบิดไปอีก 3 นาย คือ ร.ต.ต.แชน วรงคไพสิฐ อายุ 50 ปี รองสารวัตร ชุดเก็บกู้วัตถุระเบิด ภ.จังหวัดนราธิวาส หน่วยปฏิบัติการพิเศษ (นปพ.) ในฐานะหัวหน้าชุดเก็บกู้วัตถุระเบิด, ร.ต.ต.จรูญ เมฆเรือง อายุ 42 ปี รอง สว. ชุดเก็บกู้ระเบิด และ จ.ส.ต.นิมิต ดีวงศ์ ผบ.หมู่ หน่วยเก็บกู้วัตถุระเบิด อายุ 32 ปี

ที่มาภาพ : http://pantip.comtopic31170039
ที่มาภาพ: http://pantip.comtopic31170039

ในสังคมออนไลน์ก็ได้มีการนำเสนอเกี่ยวกับการทำงานของหน่วย EOD แม้กระทั่งแชร์ภาพการทำงานของหน่วยเก็บกู้วัตถุระเบิด ที่ขนาดพื้นรองเท้ายังหลุด รวมทั้งเปิดเผยค่าตอบแทนที่เจ้าหน้าที่ได้รับ จนทำให้มีผู้แสดงความเห็นและวิพากษ์วิจารณ์กันเป็นจำนวนมาก โดยทางด้าน พ.อ.ทวีศักดิ์ จันทราสินธุ์ หัวหน้าหน่วยทำลายล้างวัตถุระเบิด ชุดเฉพาะกิจอโณทัย มีการเปิดเผยต่อสื่อว่า เจ้าหน้าที่ทุกคนก็ได้รับเงินตามมาตรฐานทั่วไป และจะได้เงินจากการเสี่ยงตายนอกเหนือจากเงินเดือน เดือนละ 10,000 บาท ชั้นประทวนจะได้ 7,500 บาท เมื่อคำนวณตามภารกิจแล้ว จะตกภารกิจละประมาณ 200 บาท ซึ่งทุกคนก็ไม่เรียกร้องอะไร เพราะเมื่อตัดสินใจก้าวเข้ามาในหน่วยกู้ระเบิด ก็คือยอมรับทุกข้อตกลงที่จะเกิดขึ้น แต่ทางด้านชาวโซเชียลเน็ตเวิร์กต่างก็มองว่าค่าตอบแทนที่เจ้าหน้าที่หน่วยเก็บกู้วัตถุระเบิดได้รับไม่คุ้มค่ากับการทำงาน เพราะเจ้าหน้าที่เหล่านี้คือผู้เสียสละและเสี่ยงอันตราย จึงควรได้รับการสนับสนุนอย่างดีที่สุด

“รวมเงินเดือนด้วยก็ยังน้อย น้อยมากที่ต้องเสี่ยงชีวิต ช่วยคนช่วยเจ้าหน้าที่ท่านอื่น แม้ว่าจะเป็นหน้าที่ก็ตาม คนอื่นๆ ในสังคมที่เสี่ยงน้อยแต่เป็นเจ้าหน้าที่รัฐ นั่งอยู่คอยยกมือ ยังได้เงินมากกว่านัก น่าสงสารที่สุด”

“เผาบ้าน เผาเมือง ป้องกันคนหนีคุก ได้หลายสิบล้าน ทหารป้องกันประเทศ ตายในหน้าที่ ได้ 2-3 ล้าน คุ้มมั๊ย”

“น่าให้เงินเดือนเค้าสูงกว่านี้นะ ดูอย่างนักการเมืองดิเงินเดือนเป็นแสนนั่งเล่นแคนดี้ในสภานั่งทะเลาะกัน แล้วพวกที่เสี่ยงภัยในสามชายแดนในภาคใต้เงินเดือนนิดเดียวเอง”

“ที่คุณคูณมาเป็นกรณีของนายทหารครับ แต่เงินเดือนชั้นประทวนมันน้อยกว่านั้นเยอะ รวมแล้วไม่ถึงสามหมื่นหรอก กับการต้องเสี่ยงตายทุกวันเป็นคุณจะเอาไหมครับ”

“สวัสดิการก็ไม่ค่อยดี สงสัยต้องซื้อใช้เองทั้งหมด ทั้งๆ ที่เงินเดือนก็น้อยนิด แถมเสี่ยงอันตรายสุด ๆ”

“ทหาร คือผู้ทรงเกียรติ รับใช้ประชาชน ประชาธิปไตยตรงไหน เงินเยอะก็ได้ทุกอย่าง นี้ล่ะน่ะที่เขาว่า ประชาธิปไตย ไทยแลนด์ สส. สว. หาเสียงแต่ตอนเลือกตั้ง พอได้เป็นลืมประชาชน ผลประโยชน์ในสภา งบประมาณมหาศาล ภาษีประชาชนทั้งนั้น ถ้าไม่พอกินก็กู้มา ใครจ่าย ก็ประชาชนอีกตามเดิม”

เรื่องที่ห้า แอพพลิเคชันสุดฮอต ที่มีให้ดาวน์โหลดกันไม่ทันข้ามวัน ผู้ใช้โซเชียลต่างก็โหลดมาตกแต่งรูปกันกันอย่างมากมายแบบกลัวตกเทรนด์ กับแอพพลิเคชันแต่งภาพการ์ตูนของจีน ที่แม้ตอนแรกที่ต้องดาวน์โหลดไม่มีผู้รู้ชื่อแอพพลิเคชัน ทั้งยังเป็นภาษาจีนที่ยากต่อการเข้าใจ และใช้งานยิ่งนัก คือ 魔漫相机 ที่มีชื่ออ่านเป็นภาษาอังกฤษว่า Mo Man Xiang Ji หรือ magic man camera

แอพพลิเคชัน Mo Man Xiang Ji นี้เป็นแอพพลิเคชันแต่งภาพการ์ตูน โดยตัดจากหน้าของบุคคลเข้าไปใส่ได้จนคล้ายการวาดจริงๆ พร้อมตกแต่งเฉพาะใบหน้าเพิ่มเติมอย่าง เติมคิ้ว ใส่แว่น เปลี่ยนทรงผม เติมหนวดเครา เข้าไปได้อีก อีกทั้งรูปร่างและท่าทางของเจ้าตัวการ์ตู่นนี้ ก็น่ารัก ชวนขบขัน มีให้เลือกทั้งแบบ เซ็กซี่ แสนซน ขี้เล่น อวดกล้ามแบบเท่ห์ และต้อนรับฮาโลวีนด้วย ภาพการ์ตูนผีๆ น่ารักๆ จนทำให้ตลอดตั้งแต่ช่วงเช้าวันพุธที่ 30 ตุลาคมที่ผ่านมา หน้าเฟซบุ๊กและอินสตาแกรมแทบจะทุกคนต้องเห็นเจ้ารูปการ์ตูนหน้าคนนี้ และชวนให้อดอมยิ้มกันไม่ได้เลยทีเดียว

ที่มาภาพ : http://banaze.comcategoryinnovation-2
ที่มาภาพ: http://banaze.comcategoryinnovation-2

“น่ารักมากอ่ะ เห็นเพื่อนอัพ แล้วรีบโหลดเลย ขอชมคนคิดแอพนี้เลยนะ แม้จะเป็นภาษาจีน ก็ยังพอมั่วๆ ทำได้ไม่ยากอะไร”

“แนะนำให้โหลด manboker share มาใช้ ในการแชร์ค่ะ กรณีที่ แอนดรอยแชร์เองไม่ได้”

“เดี๋ยวก็เบื่อไปเองเหมือนแอพ สติ๊กเกอร์นั่นแหละคับ จำได้มั๊ย”

“ใครใคร่เล่นก็เล่น ใครไม่อยากเล่นก็ไม่ต้องเล่น ไม่ต้องว่าไรกันนะ”

“คนไทยไม่ตกเทรนด์เลยนะ ตามกระแสตลอด เหมือนแห่ทำไรตามๆ เขาอ่ะ”

“แอพฯ เขาน่ารักจริง ดูไปก็ยิ้มไป นั่งแต่งรูปไป ก็ขำไป”