ThaiPublica > เกาะกระแส > ประเด็นฮอตรอบสัปดาห์ – “ไฟดับ 14 จังหวัดในภาคใต้” และ “โกลาหล จับตัว …. บุกสภา!!!!”

ประเด็นฮอตรอบสัปดาห์ – “ไฟดับ 14 จังหวัดในภาคใต้” และ “โกลาหล จับตัว …. บุกสภา!!!!”

25 พฤษภาคม 2013


ประเด็นที่ถูกพูดถึงมากสุดในโซเชียลมีเดียในรอบสัปดาห์ 19-25 พฤษภาคม 2556

สวัสดีสัปดาห์แห่งวันสำคัญทางพระพุทธศาสนา “วันวิสาขบูชา” ซึ่งในปีนี้ เป็นปี “พุทธชยันตี” อันเป็น 2,600 ปี แห่งการตรัสรู้ของพระสัมมาสัมพุทธเจ้า ทางศูนย์ส่งเสริมพระพุทธศาสนาแห่งประเทศไทยในพระสังฆราชูปถัมภ์ จึงได้จัดกิจกรรมเพื่อรณรงค์ชวนกันปฏิบัติดี ปฏิบัติชอบ ทั่วประเทศ เพื่อให้คนไทยตระหนักและระลึกถึงพระพุทธศาสนาอยู่เสมอ

มาเริ่มกันที่ เรื่องแรก ของสัปดาห์นี้ กับกรณีที่มีเด็กสาวชาวไทยอายุ 17 ปี โพสต์ข้อความผ่านเฟซบุ๊กเพื่อแจ้งไปยัง พ.ต.ท.ธานินทร์ จินดามณี รอง ผกก.สส.สภ.โคกศรีสุพรรณ จ.สกลนคร ว่าได้ถูกล่อลวงไปขายบริการอยู่ที่กรุงโซล ประเทศเกาหลีใต้ ซึ่งตามข่าวรายงานว่า เด็กสาววัย 17 ปี แจ้งว่าถูกบังคับให้รับแขกวันละ 20 ชั่วโมง

โดยเด็กสาวผู้นี้ ได้มีการเช็คอินสถานที่ และส่งรูปพาสปอร์ตที่ชัดเจนมาให้ทางเจ้าหน้าที่ตำรวจ ผ่านทางเฟซบุ๊ก รวมถึงรูปที่เห็นใบหน้าที่มีรอยแผล พร้อมรูปถ่ายสถานที่ที่แจ้งว่าเป็นซ่อง โดยเขียนเป็นภาษาเกาหลีและภาษาอังกฤษ แปลได้ว่า “ร้านนวดอโยธยา” และภาพแขกที่มาใช้บริการ เพื่อเป็นหลักฐานให้กับทางเจ้าหน้าที่ตำรวจ

จนทาง พ.ต.ท.ธานินทร์ จินดามณี ได้มีการรวบรวมข้อมูลทั้งหมด และส่งเรื่องให้กับกองบังคับการปราบปรามการกระทำผิดเกี่ยวกับการค้ามนุษย์และสถานกงสุลไทย เพื่อดำเนินการประสานงานกับตำรวจที่กรุงโซล และรับเด็กลับที่เมืองไทย

ซึ่งเรื่องนี้ มีการออกหมายจับผู้ต้องหาร่วมกัน 3 คน ในข้อหาร่วมกันค้ามนุษย์โดยแสวงหาผลประโยชน์จากการค้าประเวณีเด็ก ประกอบด้วย นางเพียงใจ คิม อายุ 37 ปี ซึ่งเป็นอาของเด็กสาววัย 17 ปี, นายชุน ซอง กึม หรือเอ็ม อายุ 36 ปี ชาวเกาหลีใต้ และ น.ส.ทิพย์วรรณ เต็มเปา อายุ 26 ปี

แต่แล้วเรื่องนี้ ก็เหมือนจะกลับกลายเป็นหนังคนละม้วน เมื่อนางเพียงใจ คิม ซึ่งเป็นอาแท้ๆ ของเด็กสาววัย 17 ปี คนดังกล่าว ได้ติดต่อเพื่อเดินทางขอเข้ามอบตัว ทั้งยังมีการชี้แจงเรื่องราวที่เกิดขึ้น โดยมีการอธิบายผ่านสื่อว่า ตนทำงานอยู่ที่ร้านนวดแผนโบราณที่กรุงโซล และหลานสาวของตนเองได้เดินทางเพื่อมาเที่ยวที่เกาหลีใต้ตั้งแต่วันที่ 5 พฤษภาคม ที่ผ่านมา หลังจากนั้นหลานสาวก็มีความสนใจอยากจะทำงานด้วย เพราะเคยมีประสบการณ์นวดแผนไทยมาก่อน

ช่วงแรกทางร้านก็ไม่ยอมให้หลานสาวทำงาน เพราะเห็นว่าเป็นเด็ก แต่ตนเองก็พยายามช่วยจนเข้าทำงานได้ อีกทั้งยังยืนยันว่าร้านดังกล่าวไม่ใช่ของตน แต่เป็นร้านที่ตนทำงานอยู่เป็นเวลานาน 10 ปีแล้ว ซึ่งเป็นร้านนวดแผนโบราณทั่วไป ให้บริการทั้งชายและหญิง ห้องนวดก็เป็นกระจกใส ไม่มีกลอนล็อคประตู ทั้งยังมีกล้องวงจรปิด ภายในร้าน และยืนยันว่าไม่มีขายบริการทางเพศอย่างแน่นอน

พร้อมมีประโยคพูดคุยกับหลานสาวทางแอพพลิเคชันไลน์มายืนยันว่า หลานสาวกุเรื่องการถูกกักขังและบังคับให้ค้าประเวณีขึ้นมาเพราะอยากกลับบ้าน พร้อมทั้งหลานสาวยังขอโทษตนกับเรื่องที่เกิดขึ้น และตอนนี้หลานสาวก็อยู่กับเจ้าหน้าที่ตำรวจ โดยทางเจ้าหน้าที่ตำรวจมีการบังคับให้เซ็นรับทราบข้อกล่าวหาไปก่อนจึงจะเดินทางกลับประเทศไทยได้ รวมทั้งนางเพียงใจเองก็ได้คุยกับทางพี่ชายของตนซึ่งเป็นพ่อของหลานสาวถึงเรื่องราวที่เกิดขึ้นแล้ว โดยพี่ชายแจ้งว่า มีตำรวจมาติดต่อสอบถามว่ารู้หรือไม่ว่าลูกสาวถูกหลอกไปค้าประเวณีที่ต่างประเทศ ซึ่งพี่ชายก็ปฏิเสธไปว่าจะไปขายได้ยังไง เพราะรับรู้เรื่องการเดินทางไปเกาหลีของลูกสาวตลอดและอยู่กับน้องสาวแท้ๆ แต่เมื่อพี่ชายพยายามจะโทรหาลูกสาวกลับติดต่อไม่ได้

ข้อความการสนทนาผ่านทาง Line ระหว่างนางเพียงใจ และหลานสาว วัย 17 ที่มาภาพ : http://hilight.kapook.comview86369
ข้อความการสนทนาผ่านทาง Line ระหว่างนางเพียงใจและหลานสาววัย 17 ปี ที่มาภาพ: http://hilight.kapook.comview86369

อย่างไรก็ตาม นางเพียงใจยังบอกอีกว่า รู้สึกเสียใจกับการกระทำที่ไม่ได้ยั้งคิดของหลาน เพราะทำให้หลานฝ่ายต้องเดือดร้อน ทั้งยังยืนยันว่าหลานสาวนอนกับตนเองตลอด และถ้าจะให้หลานสาวค้าประเวณีจริง จะยอมให้หลานเล่นเฟซบุ๊กได้อย่างไร

ทางด้าน พ.ต.ท.ชูศักดิ์ อภัยภักดิ์ พนักงานสอบสวนผู้ชำนาญการพิเศษ กก.1 บก.ปคม. กล่าวถึงเรื่องนี้ว่า สิ่งที่นางเพียงใจพูดถือเป็นเรื่องส่วนตัว จะแก้ตัวอย่างไรก็ได้ แต่ทางเจ้าหน้าที่ตำรวจจะดูตามพยานและหลักฐาน ซึ่งขณะนี้ศาลก็ได้อนุมัติหมายจับเรียบร้อยแล้ว

คลิกเพื่อชมคลิป http://www.youtube.com/watch?feature=player_embedded&v=t0FRkQlxZt8

“ว่าไว้แล้วว่า ต้องเป็นแบบนี้ ตามไปดูเฟสของน้องอายุ 17 คนนี้ ตั้งแต่เห็นข่าว ก็งงเหมือนกันว่า ถ้าโดนขังทำไมเล่นเฟสได้ แถมยังดู happy ดี”

“เรื่องนี้มีเงื่อนงำ ถ้าอาสาวผิดจริงจะเข้ามามอบตัวทำไม ทางพ่อของเด็กก็ออกมายืนยันว่าได้ติดต่อกับเด็กและทราบการเคลื่อนไหวตลอดเวลา วัยรุ่นใจเเตก หรืออะไร ยังไง ผ่านงานนวดแผนไทยที่พัทยามาแล้วด้วย พูดก็พูดเถอะ ดูกันดีๆนะ”

“เด็กอยากกลับบ้านมากขนาดนี้เลยเหรอ แสดงว่าที่นั่นไม่สนุก ซึ่งอาจจะใช่ ถ้าอาเขาบังคับให้ไปช่วยนวดทั้งๆ ที่ไม่อยากทำเลยหาทางกลับบ้าน แต่การใช้แผนแบบนี้คือการโกหกที่แรงเกินไป เสียหายระดับครอบครัว ระดับกรมตำรวจ ระดับประเทศ ความผิดพลาดจากเด็กคนนี้ ทำทุกอย่างแย่ไปหมด”

“เป็นไงหล่ะ อยากกลับเมืองไทยฟรี อ่านแล้วโมโห สงสารคุณตำรวจอุตส่าห์ทำหน้าที่ช่วยเหลือเด็กเลี้ยงแกะคนนี้ สงสารอาอีก ที่ต้องมาลำบากไปด้วย”

“เอาผิดเด็กคนนี้ให้หนักเลยได้มั๊ย เพราะคราวหน้าคนเขาขอความช่วยเหลือจริงๆ ใครจะกล้าเข้าไปช่วย และถ้าเข้าไปช่วยใช้เวลาสืบนานจนแน่ใจผู้เสียหายจริงๆ ไม่ต้องแย่ หรือตายไปก่อนเหรอ เด็กคนนี้ทำคนอื่นเดือดร้อนมากนะ สงสารตำรวจเสียชื่อเพราะเด็กคนนี้ แล้วข่าวบอกว่าตำรวจคาดคั้นอะไร ลอกลวงอีก ปั้นน้ำเป็นตัวขนาดนี้ คงใส่ความตำรวจอีก”

“การทำงานก่อนที่จะเข้าไปช่วยเหลือต้องมีการประสานสถานทูตและ การตรวจสอบข้อมูลเบื้องต้นทั้งจากสถานฑูตไทยและเกาหลีซึ่งในส่วนนี้ต้องมีการสอบปากคำเจ้าหน้าที่ที่ทำการช่วยเหลือและสอบปากคำน้องเยาวชนผู้เสียหายต่อหน้านักจิตวิทยา พนักงานอัยการ นักสังคมสงเคราะห์และตำรวจซึ่งจะเป็นส่วนหนึ่งในการพิจารณาขออนุมัติต่อศาลออกหมายจับ ซึ่งหากมีข้อพิรุษหรือไม่สอดคล้องกับข้อเท็จจริง ศาลก็คงไม่ออกหมายจับให้ แต่เท่าที่ทราบ ศาลก็ได้ออกหมายจับแล้วด้วยและเรื่องเหล่านี้เป็นเรื่องที่น่าอับอายไม่มีใครเอาเรื่องนี้มาประจานหรอกครับซึ่งถ้าหากน้องเค้าอยากกลับประเทศจริงไม่ต้องกุเรื่องหรอกครับก็แค่รอพาสปอร์ตหมดอายุและติดต่อสถานทูตก็กลับได้แล้วเค้ามีกองทุนช่วยเหลืออยู่ แล้วสุดท้าย เดี๋ยวนี่มีเฟสบุคปลอม ไลน์ปลอมหลอกลวงคนทั่วไปเย๊อะมากไม่ว่าจะเป็นการหลอกให้ซื้อของหรือสินค้าต่างๆ แค่มีรูปของคนที่ต้องการอ้างสามารถหลอกลวงได้แล้ว ขอความเป็นธรรมให้ผู้เสียหายด้วยนะครับ”

เรื่องที่สอง ถูกบ่นกันทั่วโซเชียลมีเดีย เพราะวันอังคารที่ 21 พฤษภาคม ที่ผ่านมา เกิดไฟฟ้าดับพร้อมกันเป็นเวลานานเกือบ 4 ชั่วโมง ใน 14 จังหวัดภาคใต้ ได้แก่ ชุมพร กระบี่ นครศรีธรรมราช นราธิวาส ปัตตานี พังงา พัทลุง ภูเก็ต ระนอง สตูล สงขลา สุราษฎร์ธานี ตรัง และยะลา ซึ่งเรื่องนี้ได้สร้างความตื่นตระหนกให้กับประชาชน ทั้งยังส่งผลกระทบต่อความเชื่อมั่นของเศรษฐกิจไทย เนื่องจากหลายจังหวัดส่วนใหญ่ที่ได้รับผลกระทบนั้นเป็นจังหวัดท่องเที่ยวสำหรับชาวต่างชาติ และยังเป็นแหล่งสร้างกำไรให้กับประเทศ จึงถือได้ว่าเป็นเหตุการณ์ไฟฟ้าดับครั้งใหญ่ของประเทศในรอบ 35 เลยทีเดียว

อย่างไรก็ตาม รายงานข่าวมีการแจ้งว่า น่าจะเกิดจากการใช้ไฟฟ้าเกินกว่าที่ผลิตได้ ซึ่งทางภาคใต้ของประเทศไทยมีการใช้ไฟฟ้า 2,500 เมกะวัตต์ แต่มีกำลังการผลิตในปัจจุบันประมาณ 2,000 เมกะวัตต์ อีกทั้งปัจจุบันมีโรงไฟฟ้า 4 แห่งที่ผลิตไฟฟ้าป้อนภาคใต้ ประกอบด้วย โรงไฟฟ้าขนอม, กระบี่, จะนะ และเขื่อนรัชชประภา ซึ่งรวมแล้วผลิตไฟฟ้าได้เพียง 1,000 เมกะวัตต์ ส่วนที่เหลือเป็นการดึงไฟฟ้ามาจากภาคตะวันตก คือโรงไฟฟ้าราชบุรีและไตรเอ็นเนอยี่ ผ่านสายส่ง อ.บ้านบึง และส่งมายังสถานีไฟฟ้าแรงสูง 500 กิโลวัตต์ 2 วงจร ได้แก่ วงจรที่ อ.บางสะพาน และสถานีส่งไฟฟ้าป้อนภาคใต้ ซึ่งถ้าวงจรใดวงจรหนึ่งขัดข้อง จะส่งผลให้ไฟฟ้าดับทั้งภาคใต้ โดยปัจจุบันการไฟฟ้าฝ่ายผลิตแห่งประเทศไทย (กฟผ.) ได้เตรียมที่จะสร้างโรงไฟฟ้าขึ้นที่ภาคใต้ ได้แก่ โรงไฟฟ้าจะนะ 2 ขนาดกำลังผลิต 800 เมกะวัตต์ ซึ่งจะเข้าระบบในปี 2557 และโรงไฟฟ้าถ่านหินกระบี่ 800 เมกะวัตต์ จะเข้าระบบในปี 2560 จะทำให้ภาคใต้มีกำลังการผลิตไฟฟ้ารวมทั้งหมด 2,500 เมกะวัตต์ พอกับความต้องการใช้ แต่จะไม่มีสำรอง

ภาพถ่ายดาวเทียมประเทศไทย ในช่วงที่ไฟฟ้าดับภาคใต้ ที่มาภาพ : http://picpost.postjung.com227494.html
ภาพถ่ายดาวเทียมประเทศไทย ในช่วงที่ไฟฟ้าดับภาคใต้ ที่มาภาพ: http://picpost.postjung.com227494.html

อีกทั้งเมื่อเกิดเรื่องนี้ขึ้น ชาวเน็ตได้มีการพูดถึงและวิพากษ์วิจารณ์กันอย่างมากมาย ทั้งยังแชร์ลิงค์โฆษณาของ กฟผ. ในชื่อเรื่อง “ไฟฟ้าดับทั้งประเทศ” ซึ่งมีการเผยแพร่เมื่อปลายปี 2552 อันเป็นเรื่องราวการซ้อมแผนการกู้ระบบไฟภายใต้ระยะเวลา 10 นาที ของ กฟผ. ตามคำสั่ง ซึ่งเจ้าหน้าที่ทุกคนดำเนินตามแผนงานเป็นไปอย่างฉับไว จนไฟฟ้ากลับมาสว่างตามปกติในเวลาเพียงไม่นาน

พร้อมคำพูดตามโฆษณาที่ว่า “แม้จะไม่มีเหตุการณ์ไฟฟ้าฟ้าดับในประเทศ มากว่า 30 ปี แต่ กฟผ. ยังมุ่งการแก้เหตุไฟฟ้าดับทั่วประเทศอยู่เสมอ กฟผ. ทุ่มเทจิตวิญญาณเพื่อความมั่นคงด้านพลังงานไฟฟ้า กฟผ. ผลิตไฟฟ้าเพื่อความสุขของคนไทย”

คลิกเพื่อชมคลิป http://www.youtube.com/watch?feature=player_embedded&v=HtrZ2UiHpLo

“สงสัยนี้คงเป็นวิธี ที่รัฐบาลตั้งใจ เพื่อจะดับไฟใต้ ล่ะซินะ”

“รัฐบาลบอกมาแล้วว่า สาเหตุหลักเพราะไม่ยอมให้สร้างโรงไฟฟ้าถ่านหินที่กระบี่ ต้องทางนี้ทางเดียวเท่านั้นถึงจะแก้ได้ รัฐบาลนี้หมดหนทาง วางแผนตัดไฟ เพื่อหาข้ออ้างสร้างโรงไฟฟ้าถ่านหิน ชาวบ้านเขารู้ทันแล้ว”

“ในฐานะที่เคยฝึกงานองค์กรนี้มา ผมอยากจะบอกหน่อยแล้วกัน ไม่ใช่ว่าปกป้องอะไรเค้านะ แต่ เค้ารู้ไวเหมือนในโฆษณาแหละครับ แต่เรื่องทางเทคนิค การซ่อมบำรุงน่ะ มันอีกเรื่อง ในโฆษณานี้คือ ระบบไฟไม่พอ เกิด Black Out คือ เราทำไฟไม่พอคนใช้จริงๆ หรืออาจจะเกิดปัญหาจากแหล่งจ่าย­ไฟ แต่ของเมื่อวานคือ เสาส่งกระแสไฟมันเสียไม่ใช่หรือครับ? เค้าต้องสวิทช์จาก 500 กว่า มาเป็น 300 กว่า ซึ่งผลคือ มันก็โอเวอร์โหลดไปตามระเบียบ เน่ากันไป ผมเองไม่อยากจะโทษการไฟฟ้าอย่างเดียว เพราะสุดวิสัย ส่วนไครจะคิดอย่างไรก็แล้วแต่นะครับ”

“แค่รับรู้ปัญหาไวอย่างเดียวมันไ­ม่พอหรอก คุณต้องแก้ปัญหาให้ไว้ด้วย นี่ขนาดไม่กี่จังหวัดนะ ถ้ามันดับทั่วประเทศอย่างที่โฆษณาไว้ นึกภาพไม่ออกเลยว่าประเทศไทยจะเ­ป็นยังไง”

“คนไทย ศึกษาเก่ง ครับ แล้วลำพองว่าเรารู้แล้ว แต่ลืมไปว่า พวกหนังสือเรียน มันสามารถเขียนขึ้นใหม่ได้ จึงไม่แปลกที่เราต้องตามหลังเขา เพราะเราไม่อยากเขียนหนังสือเอง รอเขาเขียนแล้วไปศึกษา และพอศึกษา การแปลต่อๆมาหลายต่อ จึงทำให้บิดเบือน แล้วก็เข้าใจกันอย่างผิดๆ จึงนำมาใช้อย่างผิดๆ”

“ในความคิดส่วนตัว ถ้าดับบางเขต บางจังหวัด ก็พอฟังขึ้นแต่นี้ดับทั้ง 14 จังหวัดของภาคใต้เลย เป็นสิ่งที่ไม่ควรให้เกิดขึ้น และปล่อยให้เกิดขึ้นได้อย่างไร เกิดมาเพิ่งเคยพบเหตุการณ์แบบนี้ทำไมภาคอื่นๆถึงไม้เคยมีเหตุการณ์แบบนี้ เหตุผลใดๆ ฟังไม่ขึ้น ผมมองว่าอาจจะเป็นเรื่องของการเมืองที่มีผลประโยชน์แอบแฝง คล้ายกับคำถามที่ว่า ทำไมคนไทยใช้นำมันแพงกว่าประเทศอื่นเขาในภูมิภาค ทั้งที่มีศักยภาพหลายอย่างกว่าเขา ประชาชนทุกสี่ควรจะมาสนใจร่วมกันตรวจสอบ ไม่เอาคอรัปชั่นกันปัญหาทุกปัญหาก็มาจากนักการเมืองทั้งนั้น ไม่ใช่เอาแต่ประชาธิปไตยอ้างแต่พวกนี้ เบื้องลึกก็คือเป็นเรื่องการเมือง”

เรื่องที่สาม ภาพหญิงสาว 2 คน สวมชุดเจ้าสาวเข้าพิธีแต่งงาน ที่มีผู้แชร์ต่อกันมาก ก่อนจะทราบรายละเอียดว่าเป็นภาพที่มาจากงานแต่งงานของคู่รักเลสเบี้ยน 2 สาวสวย จนหนุ่มๆ ต้องแอบเสียดาย “แอล” และ “กุ้ง” โดยทั้งคู่เข้าพิธีแต่งงานเหมือนงานแต่งงานระหว่างหญิงกับชายทุกประการ ทั้งการสวมแหวนหมั้น รดน้ำสังข์ การตัดเค้กแต่งงาน โดยงานจัดขึ้นเมื่อวันอาทิตย์ที่ 19 พฤษภาคม 2556 ที่ผ่านมา ณ โรงแรมทาวน์อินทาวน์

แอล และ กุ้ง 2 สาวคู่รัก ในชุดเจ้าสาว ที่มาภาพ : http://www.naewna.comlocal52600
แอล และ กุ้ง 2 สาวคู่รักในชุดเจ้าสาว ที่มาภาพ: http://www.naewna.comlocal52600

อย่างไรก็ตาม แม้เรื่องนี้จะไม่มีรายละเอียดความรักของทั้งคู่เพิ่มเติม แต่โลกออนไลน์ก็มีการพูดถึงและแชร์รูปต่อกันอย่างมาก บ้างก็เห็นด้วย แสดงคำอวยพรให้ทั้งคู่รักกันยืนยาว เพราะอย่างไรเสีย ความรักดีๆ ก็คือสิ่งที่สวยงามเสมอ แต่ก็มีบางส่วนที่ไม่เห็นด้วย และวิจารณ์กันไปอีกรูปแบบ

“ผู้หญิงสวย เป็นแฟนกันมีเยอะคะคุณๆ ไม่ได้เพิ่งเกิด เพียงแต่ไม่มาเปิดตัวให้พี่ท่านได้เห็นแค่นั้นเอง ไม่ใช่ของแปลก เพียงแต่พวกคุณไม่รู้จัก หรือไม่คิดจะยอมรับมัน ไม่มีใครอยากเป็นคนที่พวกคุณให้คำจำกัดความว่า (ของแปลก) หรอกคะ เพียงแต่คนที่พวกเค้ารัก เป็นเพศเดียวกันเท่านั้นเอง และอีกอย่างน้องสองคนนี้จัดงานแต่งเค้าก็ลงเฟสส่วนตัวของน้องเอง ไม่ได้ต้องการมาเด่นดัง อยากโชว์อะไร แค่คนในวงการเดียวกัน (ซึ่งเยอะมาก)เค้าชื่นชมในความกล้า เลยแชร์ส่งต่อเปิดโลกให้กว้างคะ คุณจะรู้ว่าเลสเบี้ยนมีเยอะไม่น้อยไปก่วาทอม – ดี้ ดีไม่ดีอาจจะเป็นญาติ พี่น้องคุณก็ได้คะ”

“เป็นเลสเบี้ยนรุ่นพี่ ต้องฟังเขานะน้อง คนโพสว่าน้องเขาบอกมีปัญหาทางอารมณ์ แต่มีปัญหาทางจิต ชอบดนตรีไทย อันนี้เราเข้าใจ ขอให้สดชื่นสมหวังตลอดไป”

“ยินดีกับสาวๆ นะจ๊ะ พวกเธอเป็นสาวมั่นจริงๆ น่ารักมาก อยากจะอวยพรสาวๆ ให้อยู่กันอย่างมีความสุขตลอดไปนะจ๊ะ เมื่อตั้งใจจะเป็นคู่ชีวิตกันแล้ว ในช่วงเวลาที่ยาวนานต่อจากนี้ไป ให้รู้ที่จะปรับตัวและให้อภัยในสิ่งที่อีกฝ่ายอาจจะทำผิดพลาดไป หลายคนพูดว่า ญญ อยู่ด้วยกันไม่นานหรอก ไม่จริงเสมอไปนะ เพราะพี่อยู่กับแฟนมาเกือบ 20 ปี แล้ว ทะเลาะกันบ้างโกรธกันบ้างแต่ทุกครั้งเราจะนึกถึงตอนที่เราหัวเราะกัน มีความสุขด้วยกัน ทำให้เราผ่านช่วงเวลาที่แย่ๆ มาได้ พี่ๆ ปลื้มสาวๆ มากนะ ขอให้มีความสุขนะจ๊ะ”

“ไม่ได้เป็นเกย์ ไม่ได้เป็นเลส ไม่ได้เป็นไบ แต่ยินดีด้วยกับคู่นี้จริงๆ ไม่เห็นจะแปลกตรงไหน ความรักก็ความรัก ถ้าบอกว่าสิ่งที่คุณเห็นมันไม่ได้เป็นธรรมชาติ งั้นตอบมาว่าธรรมชาติของความรักคืออะไร”

“ไม่ว่าจะเป็นคู่ญิงรักญิง ชายรักชายยังไง ก็ล้วนแต่เป็นเรื่องน่ายินดีเพราะสิ่งที่สำคัญที่สุดก็คือความรัก ความเข้าใจของคน 2 คน ที่จะใช้ชีวิตอยู่ร่วมกันทุกเพศมีสิทธิเสมอภาคกันทั้งนั้น โลกเปิดกว้าง อิสระเสรี เต็มที่กับชีวิตนะคะ พูดในฐานะผู้ญิงที่ยังชอบผู้ชายอยู่นะคะ”

“หาลูกบุญธรรมมาเลี้ยง ก็สมบูรณ์แล้ว ผู้หญิงสมัยนี้เป็นได้ทั้งพ่อและแม่ ขอแค่ครอบครัวอบอุ่นก็มีความสุขไปตลอดชาติ ดีกว่ามีคู่เป็นผู้ชายที่ไม่ดี ทิ้งลูกทิ้งภรรยา มันเป็นแค่สุขจอมปลอม ใครได้คู่ดีก็ถือว่ามีวาสนาที่ดีแค่นั้นเอง”

เรื่องที่สี่ ข่าวที่หนังสือพิมพ์หลายฉบับลงหน้าหนึ่ง และชาวไซเบอร์ก็แชร์ภาพและคลิปต่อกันเพื่อพูดถึงและให้ความเห็นในเชิงติดตลกกันมากมาย กับภาพความโกลาหลของรัฐสภาขณะที่ตัวเงินตัวทองซึ่งมีความยาวประมาณ 1 เมตร เข้ามาอยู่บนเพดานห้องโถงในอาคาร 1 ซึ่งก็มีเจ้าหน้าที่กว่า 10 คนมาตามจับด้วยความยากลำบาก โดยต้องรื้อฝ้าเพดานบริเวณห้องทำงาน ส.ส. ชั้นล่างอาคารรัฐสภา และใช้เวลากว่า 20 นาที จึงสามารถจับตัวได้ ก่อนจะนำตัวเงินตัวทองดังกล่าวมอบให้สวนสัตว์ดุสิตดูแล

ที่มาภาพ : http://board.postjung.com679776.html
ที่มาภาพ: http://board.postjung.com679776.html

อย่างไรก็ตาม ที่ผ่านมามักจะพบเห็นตัวเงินตัวทองเข้ามาภายในบริเวณรัฐสภาอยู่เสมอ เพราะอยู่ใกล้สวนสัตว์ดุสิต แต่ก็ยังไม่เคยเกิดเหตุการณ์ตัวเงินตัวทองปีนและคลานอยู่บนเพดานอาคารรัฐสภามาก่อน จึงมีกระแสวิพากษ์วิจารณ์กันมากว่าอาจเป็นการบอกเหตุอะไรบางอย่างทางการเมือง

คลิกชมคลิป http://www.youtube.com/watch?feature=player_embedded&v=olmFGw1O9jA

“เป็นเรื่องดีที่ตัวเงินตัวทองเข้ามาในสภาฯ เพราะต่อไปรัฐสภาก็จะมีแต่เรื่องดี ๆ เข้ามาด้วย”

“แปลกจริง ตัวเงินตัวทองขึ้นไปอยู่บนเพดาลสภาได้อย่างมิได้เป็นที่อยู่ของสัตว์ครึ่งบกครึ่งน้ำ คำโบราณเขาว่าถ้าสัตว์ประเภทนี้เข้าบ้านใครถือว่าไม่ดีต้องทำบุญ นี่มันเกิดอะไรขึ้นในสภากันแน่ก็ขอให้ รัฐบาลไปพิจารณาดูนะครับว่าควรจะทำอย่างไร”

“และแล้ว ก็จับนักโทษหนีคดีได้แล้วจ้า ตอนแรกตำรวจคิดว่าอยู่ต่างประเทศ ที่แท้เป็นข่าวลวง มาหลบอยู่สภานี่เอง”

“คงจะเข้าไปหาเพื่อน หาญาติหรือเปล่า”

“สำคัญระดับประเทศเลยเหรอทีต้องลงข่าวใหญ่เลยอ่”

“ตัวเงินตัวทองอ่ะ อยู่ดีๆ ของมัน มันอาจจะนิสัยดี น่ารักก็ได้ อย่าเอาไปเปรียบเทียบกับนักการเมืองเลย นักการเมืองมันอันธพาล ไม่พอใจก็ยิงกัน ตัวเงินตัวทองไม่ทำแบบนั้นหรอก มีแต่มาให้โชคลาภ สู้ๆนะ ตัวเงินตัวทอง วันหลังอย่าเข้าไปอีกล่ะ ถ้าไม่อยากถูกเปรียบเทียบกับพวกนักการเมือง”

เรื่องที่ห้า เป็นความภาคภูมิใจของคนไทย จึงมีการแชร์ภาพต่อและพูดถึงกันมาก เมื่อสองนักแสดงสาวมากความสามารถของประเทศไทย ชมพู่ อารยา เอ ฮาร์เก็ต และ ญาญ่าญิ๋ง รฐา โพธิ์งาม ได้มีโอกาสไปเดินเฉิดฉายบนพรมแดงในงานเทศกาลหนังเมืองคานส์ ประเทศฝรั่งเศส

ซึ่งสาวชมพู่ อารยา ไปในฐานะพรีเซ็นเตอร์ของ ลอรีอัล ปารีส และความสวยของเธอก็โดดเด่นจนสื่อนอกอย่างเว็บไซต์ redcarpet-fashionawards.com เขียนชื่นชมสาวชมพู่ในงานพรมแดง เมืองคานส์ ว่าเธองดงามราวกับเจ้าหญิง

และสำหรับสาวญาญ่าญิ๋ง เธอก็ไปในฐานะนักแสดงภาพยนตร์ฮอลลีวูดเรื่อง Only God Forgives ที่เธอเป็นหนี่งในนักทีมนักแสดงร่วมกับดาราเจ้าบทบาท คริสติน สก็อต โทมัส และนักแสดงไทยขวัญใจคนต่างชาติ วิทยา ปานศรีงาม พร้อมผู้กำกับ นิโคลัส วินดิ้ง เรเฟิน โดยสาวญาญ่าญิ๋งก็ไม่ทำให้คนไทยผิดหวัง ด้วยการไหว้โชว์ความเป็นไทยอย่างสวยงาม พร้อมสวมชุดเดรสเกาะอกขายาวสีขาว ผลงานจากดีไซเนอร์ชาวไทยแบรนด์ ‘Vatanika’ และอีกชุดคือชุดไทยประยุกต์จากแบรนด์ “Surfac” ด้วยผ้าไหมสีเขียวมรกตลาย จนเป็นที่พูดถึงของชาวต่างชาติ อย่างมากมาย

1

2 สาวญาญ่าญิ๋ง และ ชมพู่ อารยา เดินพรมแดงในงานเทศกาลหนังที่เมืองคานส์ ที่มาภาพ httpwomen.mthai.comstar-dress141872.html
2 สาวญาญ่าญิ๋งและชมพู่ อารยา เดินพรมแดงในงานเทศกาลหนังที่เมืองคานส์ ที่มาภาพ: httpwomen.mthai.comstar-dress141872.html

“สวยสุดๆ ทั้ง 2 นางเลย 2 สไตล์ คนนึงเจ้าหญิง อีกคนนึงเป็นนางในวรรณคดีได้เลย ภูมิใจ”

“ชอบญาญ่าญิ๋งค่ะ อย่างน้อยเธอก็อยู่ในโลกของความจริงได้อย่างสง่างาม ไม่มีใครเลือกเกิดได้และไม่มีใครอยากจน แต่ต้องยอมรับให้ได้ว่าคนเกิดมาต้องมีทั้งรวยและจน เรื่องธรรมดา”

“ทางลอรีอัล เป็นผู้สนับสนุนหลักของเทศกาลหนังเมืองคานส์ครั้งนี้ เขาจึงเชิญชมพู่ ไปเฉิดฉายคะ เพราะชมพู่เป็นพรีเซ็นต์เตอร์ ไม่ได้เกี่ยวกับหนังที่แสดง แต่เธอก็สวยสะกดสายตามากจริงๆ”

“ชุดสวยมากไม่เว่อร์ ลงตัวผสมกับแบบไทยน่ารักมาก ญาญ่าญิ๋งใส่ได้สวยมากสมกับเป็นแบบไทยๆ ชมพู่เขาก็จะเป็นแนวสากลหน่อย สวยงามทั้งคู่”

“สวย เรียบหรู สะอาดตา น่าชื่นชม ขอให้น้องญาญ่าญิ๋งประสบผลสำเร็จทั้งเรื่องงานและเรื่องครอบครัวนะคะ ภูมิใจแทนแม่น้อยจริงๆ คะ เลี้ยงลูกสาวมาคนเดียวแล้วลูกสาวเก่งและรักแม่ขนาดนี้ ติดตามผลงานของน้องตลอดนะคะ ชอบน้องมากๆ คะ”

“ยินดีด้วย ทั้งญาญ่าญิ๋ง และชมพู่ คุณสวยทั้งคู่ ต้องขอบคุณที่คุณทั้งสองได้เอาคำว่า Thailand ไปอยู่บนเวทีระดับโลกได้”