ThaiPublica > เกาะกระแส > เกาะกระแสเศรษฐกิจ > แบงก์กสิกรไทยปรับโครงสร้างบริหารรับบริบทใหม่ “โลกเปลี่ยน-กติกาเปลี่ยน”

แบงก์กสิกรไทยปรับโครงสร้างบริหารรับบริบทใหม่ “โลกเปลี่ยน-กติกาเปลี่ยน”

1 มีนาคม 2013


  นายบัณฑูร ล่ำซำ ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร ธนาคารกสิกรไทย แถลงข่าว การปรับโครงสร้างการบริหารของธนาคาร เพื่อรองรับธุรกิจที่ขยายตัวเพิ่มขึ้น ณ ธนาคารกสิกรไทย สำนักงานใหญ่ราษฎร์บูรณะ เมื่อ 28 ก.พ. 2556
นายบัณฑูร ล่ำซำ ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร ธนาคารกสิกรไทย แถลงข่าวการปรับโครงสร้างการบริหารของธนาคาร เพื่อรองรับธุรกิจที่ขยายตัวเพิ่มขึ้น ณ ธนาคารกสิกรไทย สำนักงานใหญ่ราษฎร์บูรณะ เมื่อ 28 ก.พ. 2556

แรงกดดันจากปัจจัยภายนอก เริ่มสร้างปรากฏการณ์ที่ทำให้เห็นถึงการเปลี่ยนแปลงของภาคธุรกิจไทยมากขึ้น เพื่อรับมือกับการแข่งขันในหลากหลายกติกา และหลากหลายวัฒนธรรม

ความท้าทายที่ไร้พรมแดน ทั้งทางภูมิศาสตร์ และผลิตภัณฑ์ทางการเงิน จึงเป็นความท้าทายที่ธุรกิจจะต้องอ่านโจทย์ล่วงหน้าให้ออก ประกอบกับแรงกดดันส่วนหนึ่งมาจากนักลงทุน จึงทำให้ธนาคารกสิกรไทย จำกัด (มหาชน) ต้องปรับโครงสร้างครั้งใหญ่

อย่างไรก็ตาม ข่าวลือการปรับโครงสร้างผู้บริหารระดับสูงของธนาคารกสิกรไทย จำกัด (มหาชน) ได้ออกมาก่อนหน้านี้เป็นระยะๆ โดยเฉพาะประเด็นการแต่งตั้งกรรมการผู้จัดการคนใหม่

วันที่ 28 กุมภาพันธ์ 2556 นายบัณฑูร ล่ำซำ ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร ธนาคารกสิกรไทย ได้เปิดแถลงข่าวโดยมีผู้สื่อข่าวและผู้บริหารของธนาคารกสิกรไทยมาร่วมรับฟังเต็มห้องประชุมชั้น 3 สำนักงานใหญ่ราษฎร์บูรณะ โดยกล่าวว่า โลกเปลี่ยน เงื่อนไขเปลี่ยน โอกาสและความกว้างของตลาดเปลี่ยน จึงมีคำถามว่ากสิกรไทยพร้อมที่จะรับมือกับโอกาสที่จะเกิดขึ้นไหม ขณะเดียวกัน ก็จะต้องประสบกับอุปสรรคจากตลาดเดิมๆ ในประเทศ

การแถลงข่าวครั้งนี้เป็นการประกาศการทำธุรกิจของธนาคารกสิกรไทย ที่จะเดินควบคู่ไปกลุ่มเมืองไทยประกันชีวิต ซึ่งธนาคารกสิกรไทยถือหุ้นอยู่กว่า 50%

“เรามองโจทย์กสิกรไทยและเมืองไทยประกันชีวิตเป็นหน่วยยุทธศาสตร์เดียวกันที่ต้องทำงานไปด้วยกัน และเป็นกลุ่มที่ให้บริการธุรกรรมทางการเงินที่แน่นในทุกด้าน ทั้งในตลาดไทยและเออีซีพลัส”

ดังนั้น การปรับโครงสร้างผู้บริหารครั้งนี้ เป็นการจัดทีมงานให้รับกับโอกาสและความท้าทาย รวมทั้งการบริหารความเสี่ยงให้ดีที่สุด ทั้งนี้ ได้มีการแก้ข้อบังคับใหม่เรื่องอายุกรรมการธนาคารต้องไม่เกิน 72 ปี ซึ่งจะมีผลบังคับใช้หลังการประชุมสามัญผู้ถือหุ้นในเดือนเมษายนนี้ ซึ่งมีกรรมการที่ต้องพ้นวาระได้แก่ 1.นายบรรยง ล่ำซำ 2.นายศุกรีย์ แก้วเจริญ 3.เอลิซาเบธ แซม และนายฮิโรชิ โอตะ นอกจากนี้ ได้มีการแต่งตั้งนายสมชาย บุลสุข เป็น Lead Independent หรือหัวหน้ากรรมการอิสระ ซึ่งเป็นรูปแบบใหม่ของกรรมการอิสระของบริษัท

ส่วนผู้บริหารของธนาคารที่มีการปรับเปลี่ยน ได้แก่ 1. นายกฤษฎา ล่ำซำ ขึ้นมาเป็นรองประธานกรรมการ และเป็นประธานคณะกรรมการกำกับกิจการ โดยจะทำงานในการวางยุทธศาสตร์ทั้งใน 2 องค์กร (กสิกรไทย-เมืองไทยประกันชีวิต) เพื่อกำหนดแนวคิดการทำธุรกิจและผลิตภัณฑ์ ทั้งนี้ เป็นการเชื่อมทั้งผลิตภัณฑ์และคนของทั้งสององค์กร

2. นายสมเกียรติ ศิริชาติไชย เป็นรองประธานกรรมการ และประธานคณะกรรมการบริหารความเสี่ยง ซึ่งดูแลทั้งกสิกรไทยและเมืองไทยประกันชีวิต 3. นายปรีดี ดาวฉาย เป็นกรรมการ และกรรมการผู้จัดการ 4. นายธีรนันท์ ศรีหงส์ เป็นกรรมการ และกรรมการผู้จัดการ ทั้งนี้ มีผลตั้งแต่วันที่ 1 มีนาคม 2556 เป็นต้นไป

เมื่อผู้สื่อข่าวถามว่า การมีกรรมการผู้จัดการ 2 คน จะแบ่งงานกันอย่างไร นายบัณฑูรกล่าวติดตลกว่า “เป็นคำถามที่คนชอบถาม ก็บอกไปว่าแบ่งคนหนึ่งกลางวัน คนหนึ่งกลางคืน แต่จริงๆ แล้วไม่ได้แบ่งงานในมิติที่อยากให้แบ่ง เพราะกรรมการผู้จัดการคือคนที่จัดการโดยรวม และกรรมการผู้จัดการจะงานเยอะมาก ไม่ได้ทำได้ทุกอย่าง ต้องมีคนมาช่วยกัน และการมีกรรมการผู้จัดการ 2 คน ก็ไม่ได้เด่นกว่าองค์กรอื่น เป้าหมายคือการเข้าถึงความพอใจของลูกค้าให้ได้มากขึ้นๆ ดังนั้น การปรับโครงสร้างองค์กรครั้งนี้เพราะเราอ่านโจทย์แบบนี้ เรามีทรัพยากรแบบนี้ เราจึงโครงสร้างองค์กรแบบนี้”

รายละเอียดโครงสร้างกรรมการและผู้บริหารใหม่

คณะกรรมการธนาคารมีมติเห็นชอบให้แต่งตั้งประธานกรรมการ รองประธานกรรมการ และกรรมการใหม่ ทดแทนตำแหน่งที่ว่างลง ซึ่งธนาคารแห่งประเทศไทยให้ความเห็นชอบการแต่งตั้งดังกล่าวแล้ว มีผลตั้งแต่วันที่ 1 มีนาคม 2556 เป็นต้นไป ดังนี้

1) นายบัณฑูร ล่ำซำ ดำรงตำแหน่งประธานกรรมการและประธานเจ้าหน้าที่บริหาร
2) นายสมชาย บุลสุข ดำรงตำแหน่งรองประธานกรรมการ
3) นายกฤษฎา ล่ำซำ ดำรงตำแหน่งรองประธานกรรมการ และกรรมการที่ไม่เป็นผู้บริหาร
4) นายปรีดี ดาวฉาย ดำรงตำแหน่งกรรมการ และกรรมการผู้จัดการ
5) นายธีรนันท์ ศรีหงส์ ดำรงตำแหน่งกรรมการ และกรรมการผู้จัดการ

นอกจากนี้ ที่ประชุมคณะกรรมการมีมติเห็นชอบให้เสนอที่ประชุมผู้ถือหุ้นครั้งที่ 101 ซึ่งจะประชุมกันในวันที่ 3 เมษายน 2556 เลือกตั้ง ดร.ปิยสวัสดิ์ อัมระนันทน์ และนายกลินท์ สารสิน ให้เข้าดำรงตำแหน่งกรรมการอิสระ และเลือกตั้งนายสมเกียรติ ศิริชาติไชย เป็นกรรมการที่ไม่เป็นผู้บริหาร ซึ่งธนาคารแห่งประเทศไทยให้ความเห็นชอบการเป็นกรรมการเรียบร้อยแล้ว

ตำแหน่งกรรมการผู้จัดการ ธนาคารกสิกรไทย ตั้งแต่ก่อตั้งเมื่อปี พ.ศ. 2488 มีรายนามดังนี้
พ.ศ. 2488 นายโชติ ล่ำซำ
พ.ศ. 2492 นายเกษม ล่ำซำ
พ.ศ. 2505 นายบัญชา ล่ำซำ
พ.ศ. 2519 นายบรรยงค์ ล่ำซำ
พ.ศ. 2535 นายบัณฑูร ล่ำซำ
พ.ศ. 2547 ดร.ประสาร ไตรรัตนวรกุล
พ.ศ. 2556 นายปรีดี ดาวฉาย และนายธีรนันท์ ศรีหงส์

อนึ่ง นายปรีดี ดาวฉาย ปัจจุบันอายุ 54 ปี สำเร็จการศึกษานิติศาสตร์บัณฑิต (เกียรตินิยมอันดับ 2) จากมหาวิทยาลัยธรรมศาสตร์ เนติบัณฑิต และได้รับทุนการศึกษาจากธนาคารกสิกรไทย ไปศึกษา Master of Comparative Law ณ University of Illinois, Urbana-Champaign, U.S.A. เริ่มทำงานที่ธนาคารกสิกรไทยเมื่อปี 2525 ที่สำนักกฎหมาย เคยเป็นผู้อำนวยการฝ่ายกิจการสาขาต่างประเทศและวิเทศสัมพันธ์ ทำหน้าที่ Co-General Manager สาขาฮ่องกง ฝ่ายสินเชื่ออุตสาหกรรมการผลิตและบริการ ฝ่ายควบคุมงานสินเชื่อและหลักประกัน ฝ่ายปรับโครงสร้างหนี้ ได้รับการแต่งตั้งเป็นผู้ช่วยกรรมการผู้จัดการ เมื่อปี 2544 และเป็นรองกรรมการผู้จัดการเมื่อปี 2547 ก่อนได้รับการแต่งตั้งเป็นรองกรรมการผู้จัดการอาวุโส ทำหน้าที่ผู้ประสานงานภูมิด้านบริหารความเสี่ยง (Risk Domain) ในปี 2553

นายธีรนันท์ ศรีหงส์ ปัจจุบันอายุ 47 ปี สำเร็จการศึกษาวิศวกรรมศาสตร์บัณฑิต จากจุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย, ได้รับทุนการศึกษาจากธนาคารกสิกรไทย ไปศึกษา Master of Business Administration ณ University of Michigan, Ann Arbor, U.S.A. เริ่มทำงานที่ธนาคารกสิกรไทยเมื่อปี 2531 ที่สำนักบริหารเงิน เคยเป็นผู้อำนวยการสำนักบริหารเงิน ผู้อำนวยการฝ่ายอาวุโส ฝ่ายการตลาดและผลิตภัณฑ์บรรษัทธุรกิจ ได้รับการแต่งตั้งเป็นผู้ช่วยกรรมการผู้จัดการ เมื่อปี 2544 และเป็นรองกรรมการผู้จัดการในปี 2549 ก่อนได้รับการแต่งตั้งเป็นรองกรรมการผู้จัดการอาวุโส ทำหน้าที่ผู้ประสานงานภูมิด้านโครงสร้างพื้นฐาน (Infrastructure Domain) ในปี 2553

นายกฤษฎา ล่ำซำ ปัจจุบันอายุ 48 ปี สำเร็จการศึกษา Master of Arts, Oregon State University, U.S.A. เริ่มทำงานที่ธนาคารกสิกรไทยเมื่อปี 2534 ที่สำนักบริหารเงิน เคยเป็นผู้อำนวยการฝ่ายควบคุมงานเครดิตและหลักประกัน และผู้ร่วมบริหารฝ่ายปรับโครงสร้างหนี้ ได้รับการแต่งตั้งเป็นผู้ช่วยกรรมการผู้จัดการเมื่อปี 2544 และเป็นรองกรรมการผู้จัดการในปี 2549 ก่อนได้รับการแต่งตั้งเป็นรองกรรมการผู้จัดการอาวุโส ทำหน้าที่ผู้ประสานงานภูมิด้านธุรกิจ (Business Domain) ในปี 2553

นายสมเกียรติ ศิริชาติไชย ปัจจุบันอายุ 48 ปี สำเร็จการศึกษาวิศวกรรมศาสตร์บัณฑิต (เกียรตินิยมอันดับ 2) จากจุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย ได้รับทุนการศึกษาจากธนาคารกสิกรไทยไปศึกษา M.B.A (Finance) ณ Wharton Graduate School of Business Administration, University of Pennsylvania, U.S.A.เริ่มทำงานที่ธนาคารกสิกรไทยเมื่อปี 2534 ที่ฝ่ายพัฒนาธุรกิจ เคยเป็นผู้อำนวยการฝ่ายบริหารการลงทุน, สำนักบริหาร ได้รับการแต่งตั้งเป็นผู้ช่วยกรรมการผู้จัดการเมื่อปี 2544 และเป็นรองกรรมการผู้จัดการในปี 2547 ก่อนได้รับการแต่งตั้งเป็นรองกรรมการผู้จัดการอาวุโส ทำหน้าที่ผู้ประสานงานภูมิด้านทรัพยากร (resource Domain) ในปี 2553