ThaiPublica > เกาะกระแส > ประเด็นฮอตในโซเชียลมีเดียรอบสัปดาห์ — ภาพหลุดเจ้าชายแฮร์รี และ การปรับขึ้นราคาเหล้าบุหรี่

ประเด็นฮอตในโซเชียลมีเดียรอบสัปดาห์ — ภาพหลุดเจ้าชายแฮร์รี และ การปรับขึ้นราคาเหล้าบุหรี่

25 สิงหาคม 2012


ประเด็นที่ถูกพูดถึงมากสุดในโซเชียลมีเดียในรอบสัปดาห์ 19 – 25 ส.ค. 2555

เรื่องแรก ข่าวน่าสะเทือนใจกรณี น.ส.นาไหม จะกู่ วัย 26 ปี ชาวเขาเผ่ามูเซอใน ต.บ้านหลวง อ.แม่อาย จ.เชียงใหม่ ที่มีอาการทางประสาทกำเริบเพราะขาดยา ลงมือฆ่าหั่นศพลูกสาวของตัวเองทั้ง 2 คน วัย 1 ขวบ และ 5 ขวบ แล้วนำชิ้นส่วนอวัยวะที่สับแยกเป็นชิ้นเตรียมไปประกอบอาหารเพื่อแจกชาวบ้าน

การสอบสวนในเบื้องต้นของคดี ได้รับทราบว่า น.ส.นาไหมเป็นคนวิกลจริต หลักฐานจากการตรวจสอบประวัติทางการแพทย์ปรากฏว่า เมื่อปี 2550 ได้เข้ารักษาตัวที่โรงพยาบาลสวนปรุง อ.เมือง จ.เชียงใหม่ และตลอดระยะเวลาที่ผ่านมาได้รับการรักษา โดยแพทย์ได้ให้ยาระงับอาการทางประสาทไปรับประทานที่บ้าน ส่วนสามีรับจ้างเก็บลำไยที่ จ.ลำพูน จนกระทั่งยาหมด น.ส.นาไหมไม่ได้รับประทานยามาประมาณ 1-2 เดือน และไม่ได้ไปพบแพทย์ เพราะคิดว่าตัวเองหายดีแล้ว และในช่วงวันเกิดเหตุ สามีได้ออกไปทำงานที่ต่างจังหวัด จนทำให้เกิดเรื่องราวดังกล่าวขึ้น

และก่อนที่จะนำอาหารไปให้ชาวบ้านกินกัน นางนาสี จะกู่ แม่ของเธอและเป็นยายของเด็กทั้งสองได้เข้าไปพบเสียก่อน จึงได้แจ้งความกับตำรวจด้วยอาการตกใจสุดขีด และเมื่อตำรวจมาถึงที่เกิดเหตุ สภาพที่ได้เห็นคือ ศพของเด็กน้อยทั้งสองถูกฆ่าหั่นกองรวมกันไว้ ส่วนศีรษะมีรอยถูกสับและแขวนเอาไว้ใกล้ๆ ห่างออกไปเล็กน้อยพบหม้อต้มอวัยวะภายในที่สุกแล้ววางอยู่ โดย น.ส.นาไหมนอนคลุมโปงอยู่ข้างๆ ใกล้กับมีดปลายแหลมเปื้อนเลือด 3 เล่มวางอยู่บนเขียง

อย่างไรก็ตาม เบื้องต้นตำรวจแจ้งข้อหา “ฆ่าผู้อื่นโดยเจตนา” และได้ทำเรื่องส่งตัวไปตรวจสภาพจิตที่โรงพยาบาลสวนปรุง เพื่อให้แพทย์พิจารณาว่าเป็นผู้มีอาการทางจิตจริงหรือไม่ เพื่อดำเนินการตามขั้นตอนของกฎหมายต่อไป

“น่าสงสารทั้งเด็กและตัวแม่เอง ถ้าใครไม่ได้ใช้ชีวิตร่วมกับผู้ป่วยจิตเวช จะไม่เข้าใจว่าเป็นอย่างไร อุทาหรณ์ครั้งนี้ต้องฝากไปยังญาติผู้ป่วยโดยตรงและทางโรงพยาบาลที่รับรักษา หาทางดูแลผู้ป่วยทางจิตเวชให้ปลอดภัยและไม่เป็นอันตรายกับผู้อื่นค่ะ”

“พูดไม่ออกเลย สงสารเด็กทั้ง 2 คนที่สุด สำหรับคนมีลูกที่ยังเล็ก อ่านข่าวนี้แล้วสลดใจมากจริงๆ”

“ไม่รู้จะบรรยายยังไง เป็นเรื่องที่สะเทือนขวัญมากๆ น่ากลัวจริงๆ”

“สงสารทั้งลูกและแม่ที่เขาทำไปเขาไม่รู้ ก็คนเป็นประสาท คิดว่าลูกตัวเองเป็นหมูที่เลี้ยงไว้ น่าสงสารจริงๆ เรื่องนี้”

“กรรมใดใครก่อ กรรมนั้นย่อมตอบสนองผลกรรมของตัวเอง ไม่มีใครช่วยลดหย่อนผ่อนกรรมที่กระทำได้ นอกจากตัวเองจะทำกรรมบาปหรือจะทำความดี มันขึ้นอยู่กับการกะทำและจิตสำนึกของตัวเองเท่านั้น”

เรื่องที่สองหลังจากที่ประชุม ครม. ได้มีมติให้ปรับขึ้นภาษีสรรพสามิต ให้มีผลบังคับใช้ทันที โดยภาษีบุหรี่ขึ้นซองละ 6-8 บาท เครื่องดื่มแอลกอฮอล์ สุราขาว จาก 120 บาทต่อลิตร ปรับเพิ่มเป็น 150 บาทต่อลิตร และสุราผสมจาก 300 บาทต่อลิตร จะปรับเพิ่มเป็น 350 บาทต่อลิตร

ประชาชนบางกลุ่มมองว่า การปรับราคาของสุราและบุหรี่ เป็นการปรับราคาที่สูงขึ้นเกินไป สร้างความลำบากแก่ผู้ที่มีรายได้น้อย และสำหรับผู้ที่เป็นนักดื่มและนักสูบจะให้ลดปริมาณลงนั้นก็เป็นเรื่องยากอยู่แล้ว เพราะสุราและบุหรี่ ได้เป็นส่วนหนึ่งของชีวิตไปแล้ว ดังนั้น ถ้ารัฐบาลจะขึ้นราคา ก็ควรจะทยอยขึ้นราคาจะดีกว่า

รวมไปถึงสินค้าอุปโภคบริโภคอื่นๆ ยังมีการปรับตัวขึ้นหลายรายการ ทั้งเครื่องดื่ม ขนมขบเคี้ยว ที่ร้านค้าส่งได้ขอปรับราคาเพิ่มชนิดละ 2-3 บาทต่อ 1 แพค หรือ ต่อ 1 โหล แต่การขายปลีกไม่สามารถปรับราคาเพิ่มขึ้นได้ ต้องขายในราคาเดิม ซึ่งเป็นภาระที่ร้านขายของชำต้องรับ แต่หากสินค้าประเภทนี้ขึ้นราคา 10 บาทต่อแพคขึ้นไป อาจจะต้องปรับราคาสินค้าขายปลีกเพิ่ม ซึ่งก็เป็นภาระที่ผู้บริโภคต้องรับกันต่อไป

แต่อย่างไรก็ตาม หลายฝ่ายก็เชื่อกันว่า ประชาชนคงซื้อเหล้าและบุหรี่ลดลง เพราะราคาที่สูงขึ้น แต่รายได้ของประชาชนทั่วไปยังคงเท่าเดิม ในเมื่อสินค้าเหล้า บุหรี่ เป็นสินค้าฟุ่มเฟือย ประชาชนก็ต้องปรับตัวเองในการลดการบริโภค อีกทั้งมีข้อเสนอแนะ หากอยากให้มาตรการได้ผลดียิ่งขึ้น ควรจำกัดจำนวนการออกใบอนุญาต และเพิ่มค่าธรรมเนียมใบอนุญาตขายสุราให้สูงขึ้นด้วย และที่รัฐบาลควรต้องพิจารณาต่อไป คือ เพดานภาษีเบียร์ และ วิสกี้ บรั่นดี สุราปรุงพิเศษ ซึ่งขึ้นมาเต็มเพดานแล้ว ควรจะศึกษาและปรับเพิ่มขึ้น โดยไม่ควรมีเพดาน และให้ขึ้นภาษีประจำทุกปีตามเศรษฐกิจที่เปลี่ยนไป เพื่อช่วยลดการดื่มและจำกัดการเข้าถึงโดยเฉพาะกลุ่มเยาวชนด้วย

“ผมก็เป็นคนหนึ่งที่ชอบดื่มนะครับ การปรับขึ้นภาษีผมไม่ติดใจอะไร ขึ้นเท่าไหร่ก็พร้อมที่จะจ่าย แต่ติดปัญหาเรื่องขึ้นแล้วเอาเงินภาษีไปไหน เอาไปทำอะไร หรือว่าขึ้นเพื่อจะได้โกงกินได้เยอะขึ้น แบบนี้ก็ไม่ถูก ขอให้ขึ้นแล้วมีอะไรในเมืองไทยดีๆ ขึ้นบ้าง อยากเห็นเมืองไทย นักการเมืองไทยดีกว่านี้ อย่าเห็นว่าการเป็นนักการเมืองคืออาชีพ เพราะถ้าเห็นว่ามันคืออาชีพ อาชีพทุกอาชีพก็ล้วนแล้วแต่ทำเพื่อตัวเองกันทั้งนั้น อยากเห็นนักการเมืองเป็นเหมือนอาสาสมัคร ให้ทำงานด้วยความสมัครใจ ไม่ใช่ทำงานเพื่อตัวเอง”

“ขึ้นเพราะไม่อยากให้คน สูบบุหรี่ กินเหล้า ความหมายคนที่คิดแง่เดียว จะคิดว่าเขามองคนพวกนี้ไม่ดี แต่ความหมายมันมีหลายมุมครับ คนกลุ่มพวกนี้น่ะมีทั้งดีและไม่ดี แต่สุขภาพเอาแน่ๆ เลยคือทำร้ายร่างกายตัวเอง เขาเพิ่มมาตรการตรงนี้มาเพื่อให้ตระหนักถึงตัวเงิน ที่ใช้ส่งเสริมการทำลายสุขภาพด้วยของพวกนี้ ส่วนเหล้านานๆ บางคนบอกกินที แต่กินที่เทศกาลจนมีการตายเกิดขึ้น สรุปแล้วเขาอยากดูแลสุขภาพ แต่ไม่รู้ทำไงให้พวกคุณทำตาม ก็เลยขึ้นราคาซะเลย เผื่อพวกคุณที่ใช้ของพวกนี้ จะนึกถึงกระเป๋าบ้าง”

“ถ้าคิดว่าราคามันแพงไปก็เลิกเถอะครับ ขอความกรุณาอย่าได้บ่นการทำงานของเขาเลย มันมีอะไรให้แก้เครียดมากกว่าของพวกนี้ ถ้ามาบอกว่าต้องรับภาระของครอบครัวแล้วใช้ของพวกนี้ ดูจะเข้าข้างตัวเองเกินไปครับ”

“ไม่พอใจที่สังคมไทย มองคนกินเหล้าสูบบุหรี่เป็นสิ่งชั่วร้ายมาก แล้วผลักความรับผิดชอบไปให้พวกเค้าแบบนี้ ทั้งที่คนดีๆ ก็เยอะ ประเทศเจริญก็เพราะเงินในกระเป๋าของพวกเค้าจ่ายค่าภาษีที่แพงขนาดนี้ ไม่ใช่เหรอ”

“ใครคิดเหมือนผมบ้าง ว่านี้คือสัญญาณ เหล้า บุหรี่ คืออย่างแรกๆ ที่จะโดนขึ้นก่อนใครเพื่อน เพราะเป็นสินค้าฟุ่มเฟือย ต่อไปคงไม่ต้องบอกว่าอะไรจะขึ้นอีก บอกตรงๆ รัฐบาลชุดนี้เก่งจริงๆ เรื่องขึ้นภาษีสินค้าเนี่ยแบบนี้รึเปล่าที่เขาเรียกเล่นทางอ้อมไม่เล่นตรงๆ”

เรื่องที่สาม จะเกิดอะไรขึ้นเมื่อกดเงินจากตู้เอทีเอ็มแล้วไม่ได้เงินแต่สิ่งที่ได้คือกระดาษเปล่า ซึ่งเหตุการณ์นี้เกิดขึ้นเมื่อนายเจษฎา ลัดกระทุ่ม อายุ 26 ปี ชาวอำเภอเมืองสมุทรปราการ กดเงินสดจำนวน 2,000 บาท ที่ตู้เอทีเอ็ม ธนาคารไทยพาณิชย์ เมื่อกดรหัสเรียบร้อย รอรับเงิน แต่ปรากฏว่ามีธนบัตร 1,000 บาท ออกมาเพียงใบเดียว พร้อมกับกระดาษเปล่าอีก 1 ใบ ซึ่งด้านหน้าเป็นสีดำ มีตัวเลขและภาษาอังกฤษเขียนคำว่า SCB 4251 โดยมีเส้นใต้สีขาวขีดไว้ ทั้งที่ยอดเงินในบัญชีก็ถูกหักไปแล้ว

นายเจษฎา ลัดกระทุ่ม โชว์เงินที่กดจากตู้เอทีเอ็ม SCB ที่มาภาพ: httpwww.posttoday.com
นายเจษฎา ลัดกระทุ่ม โชว์เงินที่กดจากตู้เอทีเอ็ม SCB ที่มาภาพ: httpwww.posttoday.com

นายเจษฎาจึงโทรศัพท์ไปยังธนาคารไทยพาณิชย์ ซึ่งทางธนาคารขอเวลา 7 วัน ในการตรวจสอบตู้เอทีเอ็มเครื่องดังกล่าวก่อน แต่เมื่อครบ 7 วันแล้ว เจ้าหน้าที่ธนาคารได้แจ้งว่า ตู้เอทีเอ็มเครื่องดังกล่าวไม่มีสิ่งใดขัดข้อง สามารถทำงานได้ตามปกติ แต่เรื่องที่เกิดขึ้นนั้นไม่ทราบว่าเป็นเพราะเหตุใด เจ้าหน้าที่จึงแนะนำให้นำหลักฐานไปแจ้งความเพื่อเป็นหลักฐานไว้ และให้นำหลักฐานทั้งหมดส่งให้ธนาคารตรวจสอบ

ในเบื้องต้น ทางตำรวจ สภ.เมืองสมุทรปราการ ได้ลงบันทึกประจำวันเอาไว้เรียบร้อยแล้ว พร้อมระบุว่า เพิ่งจะเคยเจอเหตุการณ์เช่นนี้เป็นครั้งแรก เชื่อว่ากระดาษเปล่าใบนั้นน่าจะเป็นกระดาษที่ใช้คั่นกลางระหว่างธนบัตรขนาดอื่นๆ และทางธนาคารก็คงรับผิดชอบให้ โดยทางธนาคารจะต้องเร่งตรวจสอบต่อไปว่า ทำไมตู้เอทีเอ็มดังกล่าวจึงทำงานผิดพลาด เพื่อไม่ให้เกิดความผิดพลาดขึ้นอีกต่อไป

“มีคนกดเงินจากธนาคารกรุงเทพ สาขาหนองแค กดมา 2หมื่น เงินออกมาเป็นแบงค์พันทั้งหมด แต่พอตอนนับเงินมีแบงค์ 500มาด้วย 1 ใบ เท่ากับได้เงิน 19500 บาท”

“ผมเคยเจอครั้งนึง ดีที่กดแค่ 400 บาท กดแล้วเครื่องค้างไปซักพัก ซักพัก ATM ก็เด้งออกมา ไม่มีอะไรเกิดขึ้น ตู้ ATM บอกว่า “ระงับการใช้งาน” กระดาษสลิปก็ไม่ออกมา ตกตอนเย็นเคลียร์ธุระเสร็จไปหาตู้กดเช็คยอด ก็รู้ว่าโดนหักเงินไปแล้ว เลยติดต่อกับธนาคาร ประมาณ 1 อาทิตย์ ธนาคารก็โอนคืนมาให้นะครับ”

“มันคงผิดพลาดอะไรซักอย่างแหละ เขาไม่โกงหลอกค้า ไทยพาณิชย์เขาใจปั้มออก ยิ่งบัตร ATM ที่ใช้เคลมอุบัติเหตุนะดีมากเลยค้าเคยใช้บริการแล้วกำลังจะเปลี่ยนเป็นบัตรทอง”

“ผมทำอยู่มันมีระบบของกล้องวงจรปิดนะ แต่เคสนี้ตั้งประเด็นได้ 2 ประเด็น 1. ไม่ได้เอากระดาษขั้นออก
2. คนเติมเงินแอบเอากระดาษมาขั้น (อันนี้ไม่แน่ใจ) แต่ถ้าเป็นกรณีที่ผมทำอยู่คือ ตู้พวกนี้จะมี 2 ระบบคือ leased line กับ GPRS Edge ซึ่งกรณีที่สัญญาณโทรศัพท์มีปัญหาอะไรก็ตามอาจเป็นผลให้ถูกตัดยอด ได้ส่วน line ก็เหมือนกัน”

“แล้วต้องตรวจสอบอีกกี่วันล่ะนั่นกว่าเค้าจะได้เงินคืน การผิดพลาดกรณีแบบนี้ทางธนาคารควรจะหาวิธีการที่จะสามารถตรวจสอบได้เร็วกว่านี้นะครับ”

เรื่องที่สี่ เรื่องฮอตที่สุดของสัปดาห์นี้ คงต้องยกให้ภาพหลุดของ “เจ้าชายแฮร์รี” พระชันษา 27 ปี แห่งราชวงศ์อังกฤษ ที่หมายปองของบรรดาสาวๆ ทั่วโลก เพราะหลังจากที่อันดับหนึ่งอย่างเจ้าชายวิลเลียม ทรงอภิเษกสมรสไป ตำแหน่งอันดับหนึ่งที่สาวๆ หมายปองจึงตกมาเป็นของเจ้าชายแฮร์รีผู้เป็นน้องและยังคงความโสด บวกบุคลิกน่ารักซุกซนของพระองค์ จึงได้ใจสาวๆ ทั่วโลกไปครอง

โดยภาพหลุดนี้ เป็นภาพของเจ้าชายแฮร์รีในสภาพโป๊เปลือย ระหว่างที่พระองค์ทรงร่วมงานปาร์ตี้แห่งหนึ่งที่ลาสเวกัส เมื่อช่วงสุดสัปดาห์ที่ผ่านมา ถูกนำมาเผยแพร่โดยเว็บไซต์ข่าวบันเทิง TMZ.com ซึ่งในภาพจะเห็นได้ว่า เจ้าชายแฮร์รี่ทรงยืนเอามือปิดอวัยวะเพศ ขณะที่มีผู้หญิงโป๊เปลือยอีกคนหนึ่งยืนหลบอยู่ด้านหลังของพระองค์ และรูปที่ 2 เผยให้เห็นว่า เจ้าชายแฮร์รี่ทรงโอบกอดผู้หญิงคนหนึ่งในท่าโก้งโค้ง ซึ่งเผยให้เห็นบั้นท้ายของพระองค์อย่างชัดเจน

ทั้งนี้ตามรายงานข่าวระบุว่า เจ้าชายแฮร์รี่ทรงเชื้อเชิญบรรดาสาวๆ ขึ้นไปร่วมงานปาร์ตี้ที่ห้องพักโรงแรมหรูระดับวีไอพี หลังจากที่พระองค์ทรงได้พบและพูดคุยกับพวกเธอที่บาร์ของโรงแรม และกลุ่มสาวๆ ก็ได้เปลื้องผ้าลงอ่างอาบน้ำขนาดใหญ่ และก็ถูกตากล้องคนหนึ่งเก็บภาพไว้ได้ นอกจากนี้ ยังมีการเผยแพร่คลิปวิดีโอจากทริปเดียวกัน ซึ่งตั้งใจแสดงให้เห็นเจ้าชายพระชันษา 27 ปี ว่ายน้ำแข่งกับ ไรอัน ลอคตี เจ้าของเหรียญทองโอลิมปิกที่สหรัฐอเมริกา ในสระว่ายน้ำของไนต์คลับภายในโรงแรมเดียวกัน

เจ้าชายแฮร์รี รัชทายาทลำดับ 3 ของราชวงศ์วินด์เซอร์ ที่มาภาพ : http://images.vogue.it
เจ้าชายแฮร์รี รัชทายาทลำดับ 3 ของราชวงศ์วินด์เซอร์ ที่มาภาพ : http://images.vogue.it

โดยสำนักพระราชวังอังกฤษก็ออกมายืนยันว่า บุคคลในภาพคือเจ้าชายแฮร์รีจริง และในเวลานี้ก็ไม่ขอออกความเห็นใดๆ แต่อาจจะออกมาชี้แจงในภายหลัง พร้อมทั้งกล่าวตำหนิการกระทำของสื่ออเมริกัน ที่ถือเป็นการล่วงละเมิดสิทธิส่วนบุคคลของเจ้าชายแฮร์รีอย่างรุนแรง ทั้งนี้สำนักพระราชวังของอังกฤษมักไม่ค่อยออกมาแถลงยืนยันภาพหลุดในลักษณะนี้บ่อยนัก ขณะที่ความกังวลเกี่ยวกับความปลอดภัยของสมาชิกราชวงศ์ก็ยิ่งเพิ่มขึ้น

อีกทั้งทางสำนักพระราชวังอังกฤษ ได้ทำเรื่องยื่นจดหมายร้องเรียนอย่างเป็นทางการไปยังคณะกรรมการรับเรื่องร้องเรียนสื่อมวลชน (พีซีซี) ขอให้ยุติการตีพิมพ์ภาพถ่ายเปลือยของเจ้าชายแฮร์รี ไม่ว่ากรณีใดๆ ก็ตาม แต่สามารถนำเสนอข่าวได้ตามปกติ อย่างไรก็ตาม โฆษกพระราชวังเซนต์เจมส์ออกมาแถลงภายหลังว่า การจะตีพิมพ์ภาพถ่ายหรือไม่นั้น ขึ้นอยู่กับวิจารณญาณของบรรณาธิการแต่ละสำนักพิมพ์

สำนักข่าวต่างประเทศอย่างหนังสือพิมพ์ “เดอะซัน” ยังคงตีพิมพ์ภาพหลุดของเจ้าชายแฮร์รี รัชทายาทลำดับ 3 ของราชวงศ์วินด์เซอร์ ลงบนหน้าหนึ่ง พร้อมพาดหัวข่าวว่า “รัชทายาทอยู่ตรงนี้แล้ว” โดยไม่สนใจต่อคำขอร้องของสำนักพระราชวังอังกฤษ ที่ห้ามมิให้มีการตีพิมพ์ภาพถ่ายเหล่านี้โดยเด็ดขาด

ทางด้านนายเดวิด ดินสมอร์ บรรณาธิการบริหารของหนังสือพิมพ์ “เดอะซัน” ซึ่งมียอดขายสูงสุดในอังกฤษ กล่าวถึงเหตุผลที่ตัดสินใจตีพิมพ์ภาพถ่ายเปลือยของเจ้าชายแฮร์รีเพียงว่า ผู้อ่านทุกคนมีสิทธิ์ที่จะได้เห็นภาพดังกล่าว นอกจากนี้ เจ้าชายแฮร์รีทรงมีพระชันษาถึง 27 ปี โสด และทรงรับราชการทหาร ซึ่งแสดงว่า พระองค์ทรงมีวุฒิภาวะมากพอ นอกจากนี้ ข้อเรียกร้องของราชวงศ์อังกฤษดูไม่ค่อยสมเหตุสมผลเท่าใดนัก เนื่องจากภาพเหล่านั้นได้รับการเผยแพร่อย่างรวดเร็วบนสังคมออนไลน์ที่มีผู้ใช้หลายร้อยล้านคนต่อวัน แล้วเพราะเหตุใดเดอะซันจะไม่สามารถตีพิมพ์ให้ผู้อ่านที่มีเพียงวันละ 8 ล้านคน มีโอกาสทราบข้อเท็จจริงได้บ้าง

“เรื่องปกติ ของชาวต่างชาติเขานี้ อย่างที่มีเทศกาลแก้ผ้าอาบแดดกันทั่วเมือง นอนเปลือยเปล่าบนชายหาด หรือไม่คนเป็นร้อยๆ แก้ผ้าประท้วง แก้ผ้านอนถ่ายงานศิลปะบนท้องถนนตั้งหลายสิบคน ยังมองเป็นเรื่องธรรมดากันเลย”

“สื่อของไทย ไม่สมควรนำภาพเช่นนี้ออกมาสู่สาธารณะเลยนะครับ แม้ว่าฝรั่งเขาไม่ปิดกั้นก็เถอะ เราควรคิดยาวๆ คิดให้มากๆ โดยเฉพาะความสัมพันธ์กับประเทศของเรา”

“พระองค์ก็ทรงเป็นมนุษย์ปุถุชนเฉกเช่นเดียวกับเราๆ ท่าน ๆ แต่นี่มิเป็นการบังควรอย่างยิ่งที่จะนำภาพส่วนพระองค์มาออกสื่อเช่นนี้ เพราะถือเป็นการล่วงละเมิดความเป็นส่วนตัวของพระองค์”

“จับช่างภาพมาประจาน ฐานละเมิดสิทธิมนุษย์ชน”

“ใครจะว่าไรก็ว่าไปนะ แต่ง่ายๆ พระองค์ทำในสถานที่ส่วนพระองค์ ไม่ต้องการเปิดเผยใคร คนที่เอาออกมาควรรับผิดชอบกับการกระทำของตัวเอง”

เรื่องที่ห้า เป็นภาพที่มีการส่งต่อ และเผยแพร่กันเป็นจำนวนมาก เมื่อด็อกเตอร์อาร์เธอร์ อันเคอร์ นักวิทยาศาสตร์ ได้โพสต์ภาพสัตว์รูปร่างหน้าตาประหลาดตัวหนึ่ง ดวงตาปูดโปนสีดำ มีขนปุกปุยสีขาวปกคลุม แต่มีปีก และบริเวณเหนือตาคาดว่าน่าจะเป็นหนวด คล้ายกับก้างปลา ลงบนเว็บไซต์ flickr.com ซึ่งเป็นเว็บที่รวบรวมเรื่องราวผ่านข้อมูลและรูปถ่ายต่างๆ จากทั่วมุมโลก โดยสมาชิกของเว็บไซต์ในทุกระดับอาชีพ

คำบรรยายใต้ภาพว่า “Poodle Moth” (มอธพุดเดิ้ล) ระบุที่มาจากประเทศเวเนซุเอลา ในเวลาต่อมาก็ทราบว่า เจ้าสัตว์รูปร่างหน้าตาประหลาดตัวนี้มีอยู่จริงตามธรรมชาติในเวเนซุเอลา เพราะแท้จริงแล้ว คือ ตัวมอธ หรือผีเสื้อกลางคืน ซึ่งภาพที่ ดอกเตอร์อาร์เธอร์สามารถถ่ายไว้ได้นั้น ก็สร้างความฮือฮาให้กับผู้คนทั่วโลกที่ไม่เคยพบเห็นได้ไม่น้อย รวมถึงชาวโลกไซเบอร์ที่เมื่อเห็นภาพเจ้ามอธพุดเดิ้ลนี้แล้วต่างต้องตะลึงกับความน่ารัก และอยากได้มาเลี้ยงไว้บ้าง หรือไม่ก็คิดว่ามันอาจหลุดมาจากโลกของภาพยนตร์อย่าง เรื่องแฮร์รี พอตเตอร์ หรือเทพนิยายสักเรื่องอย่างแน่นอน

เจ้าตัวมอธพูเดิ้ล ที่มาภาพ: httpwww.dek-d.comboardview.phpid=2567169
เจ้าตัวมอธพูเดิ้ล ที่มาภาพ: httpwww.dek-d.comboardview.phpid=2567169
“น่ารักอะ มีเสาเรดาร์ด้วย”

“มันก็คือผีเสื้อกลางคืน แมลงชีปะขาว(จะรู้จักกันไหม) ฝรั่งเรียกตัวมอธ ตัวมันเท่ากับผีเสื้อ แต่ฝุ่นมันจะเยอะกว่าผีเสื้อ (รู้ไช่ไหมว่าสีที่ปีกผีเสื้อมันเป็นฝุ่นจับแล้วมันจะติดมือ) แล้วฝุ่นมันจะสีขาวๆ ไม่ได้หลายสีสวยเหมือนผีเสื้อกลางวันนะ”

“บอกว่าคือ ผีเสื้อ บินได้จริงๆ ใช่มั้ย แต่ดูตัวใหญ่กว่าปีกนะ น่ารักจริงๆ”

“ที่สวนจตุจักร จะมีขายหรือยังนะ อยากมีไว้เลี้ยงซัก 2 ตัว แต่จะว่าไปน่ารัก แบบนี้ ให้อยู่ตามธรรมชาตินะดีแล้ว ให้ลูกหลานได้ดูนานๆ จะได้ไม่คิดว่ามีแต่ในเทพนิยาย”

“โลกเรายังมีสิ่งสวยงามอีกมาก ที่เราๆไม่เคยเห็นกันนะ คิดว่าถ้าตัวเองได้เข้าไปสัมผัส ได้เห็นใกล้ๆ คงมีความสุข ยิ้มไม่หุบแน่เลย”