ThaiPublica > เกาะกระแส > 100 ปีการบินฯ ทหารอากาศ – เปิดศึกชิงเก้าอี้ “แม่ทัพฟ้า”

100 ปีการบินฯ ทหารอากาศ – เปิดศึกชิงเก้าอี้ “แม่ทัพฟ้า”

12 กรกฎาคม 2012


น.ส.ยิ่งลักษณ์ ชินวัตร นายกรัฐมนตรี พร้อมด้วย พล.อ.ธนะศักดิ์ ปฏิมาประกร ผู้บัญชาการทหารสูงสุด,  พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา ผู้บัญชาการทหารบก และ พล.อ.อ.อิทธพร ศุภวงศ์ ผู้บัญชาการทหารอากาศ นั่งสนทนาระหว่างชมการแสดงเครื่องบินรบ “วันครบรอบ 100 ปีการบินของบุพการีทหารอากาศ”  เมื่อวันที่ 2 ก.ค. ที่ผ่านมา น.ส.ยิ่งลักษณ์ ชินวัตร นายกรัฐมนตรี พร้อมด้วย พล.อ.ธนะศักดิ์ ปฏิมาประกร ผู้บัญชาการทหารสูงสุด,  พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา ผู้บัญชาการทหารบก และ พล.อ.อ.อิทธพร ศุภวงศ์ ผู้บัญชาการทหารอากาศ นั่งสนทนาระหว่างชมการแสดงเครื่องบินรบ “วันครบรอบ 100 ปีการบินของบุพการีทหารอากาศ”  เมื่อวันที่ 2 ก.ค. ที่ผ่านมา
น.ส.ยิ่งลักษณ์ ชินวัตร นายกรัฐมนตรี พร้อมด้วย พล.อ.ธนะศักดิ์ ปฏิมาประกร ผู้บัญชาการทหารสูงสุด, พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา ผู้บัญชาการทหารบก และ พล.อ.อ.อิทธพร ศุภวงศ์ ผู้บัญชาการทหารอากาศ นั่งสนทนาระหว่างชมการแสดงเครื่องบินรบ “วันครบรอบ 100 ปีการบินของบุพการีทหารอากาศ” เมื่อวันที่ 2 ก.ค. ที่ผ่านมา

ช่วงสัปดาห์ที่ผ่านมา “ประเด็นร้อน” ที่สุดคือ การพิจารณาไต่สวนคำร้องร่างแก้ไขรัฐธรรมนูญ มาตรา 291 เป็นการล้มล้างการปกครองระบอบประชาธิปไตยอันมีพระมหากษัตริย์ทรงเป็นประมุขตาม มาตรา 68 หรือไม่…

ส่งผลให้สถานการณ์การเมืองค่อนข้างนิ่ง “การเมือง–กองทัพ” ต่างจับตารอดูท่าทีการคำตัดสินของศาลรัฐธรรมนูญ ว่าจะออกมาอย่างไร

และรอผลคำตัดสินที่จะมาออกในวันที่ 13 กรกฎาคมนี้ หรือ “ศุกร์ 13” แต่จะกลายเป็นอาถรรพ์ศุกร์สยองหรือไม่…ยังเป็นคำถามที่หน่วยงานด้านความมั่นคงต่างเฝ้าจับตาดูอย่างไม่กระพริบ

แต่เมื่อสถานการณ์ยังคงนิ่ง ทำให้การเดินทางเยี่ยมชมงาน “วันครบรอบ 100 ปีการบินของบุพการีทหารอากาศ” เมื่อวันที่ 2 กรกฎาคมที่ผ่านมาของ น.ส.ยิ่งลักษณ์ ชินวัตร นายกรัฐมนตรี พร้อมด้วย “บิ๊กโอ๋” พล.อ.อ.สุกำพล สุวรรณทัต รมว.กลาโหม ที่มีบรรดานายทหารระดับบิ๊กๆ ของกองทัพคอยต้อนรับท่านายกฯ อย่างใกล้ชิด

อาทิ “บิ๊กเปี๊ยก” พล.อ.เสถียร เพิ่มทองอินทร์ ปลัดกระทรวงกลาโหม, “บิ๊กเจี๊ยบ” พล.อ.ธนะศักดิ์ ปฏิมาประกร ผู้บัญชาการทหารสูงสุด (ผบ.สส.), “บิ๊กตู่” พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา ผู้บัญชาการทหารบก (ผบ.ทบ.), “บิ๊กหรุ่น” พล.ร.อ.สุรศักดิ์ หรุ่นเริงรมย์ ผู้บัญชาการทหารเรือ (ผบ.ทร.) โดยมี “บิ๊กเฟื่อง” พล.อ.อ.อิทธพร ศุภวงศ์ ผู้บัญชาการทหารอากาศ (ผบ.ทอ.) เป็นแม่งานให้การต้อนรับคณะผู้มาเยือน

งานนี้กองทัพอากาศจัดงานอย่างยิ่งใหญ่อลังการ จัดเต็ม ขนเครื่องบินรบมาโชว์ศักยภาพเต็มที่ เครื่องบินขับไล่แบบ F-16 A/B จำนวน 9 เครื่อง, เครื่องบินโจมตีแบบ ALPHA JET จำนวน 4 เครื่อง, เครื่องบินฝึกขับไล่แบบ L-39 จำนวน 6 เครื่อง, เครื่องบินฝึกแบบ T-41 D จำนวน 4 เครื่อง, เครื่องบินฝึกแบบ DA-42 จำนวน 4 เครื่อง, เครื่องบินฝึกแบบ PC-9 จำนวน 4 เครื่อง

พร้อมแสดงการบังคับบัญชาการควบคุมคำสั่งการรบทางอากาศ ของเครื่องบิน SAAB 340 AEW เชื่อมสัญญาณอัพลิงค์ระบบการทำงานกับทางกองทัพบก กองทัพเรือ เพื่อบัญชาการรบแบบ 3 เหล่าทัพ และการแสดงสมรรถนะของเครื่องบินขับไล่แบบ GRIPEN 39 C เครื่องบินรบรุ่นใหม่ล่าสุดของกองทัพอากาศไทย ที่บรรจุประจำการที่ กองบิน 7 จ.สุราษฎร์ธานี

นอกจากนี้ ถือเป็นการเปิดตัวหมู่บินผาดแผลง BLUE PHOENIX โดยเครื่องบินฝึกแบบ CT-4E จำนวน 16 เครื่อง ทำการแสดงโชว์ต่างๆ และบินหมู่แปรอักษรตัวเลข “100” เพื่อเป็นการปิดพิธีฯ อย่างยิ่งใหญ่ในวันนั้น

หมู่บินผาดแผลง BLUE PHOENIX เครื่องบินฝึกแบบ CT-4E
หมู่บินผาดแผลง BLUE PHOENIX เครื่องบินฝึกแบบ CT-4E

งานในวันนั้นถือได้ว่าจบอย่างสวยงาม สร้างความประทับใจให้แก่บรรดาแขกวีไอพีและประชาชนที่มาชมงานอย่างยิ่ง โดยเฉพาะทหารอากาศที่ได้หน้ากันถ้วนหน้าเลยทีเดียว

แต่ทว่า ศึกแย้งชิงเก้าอี้ “แม่ทัพฟ้า” คนใหม่กลับทำให้ “ทุ่งดอนเมือง” ขณะนี้เริ่มร้อนระอุ เนื่องจาก “บิ๊กเฟื่อง” พล.อ.อ.อิทธพร ศุภวงศ์ (ตท.11) ผบ.ทอ. จะเกษียณอายุราชการในวันที่ 30 กันยายนนี้ รวมถึง “บิ๊กตั้ง” พล.อ.อ.ศรีเชาวน์ จันทร์เรือง (ตท.12) รอง ผบ.ทอ. “บิ๊กโต” พล.อ.อ.พิธพร กลิ่นเฟื่อง (ตท.10) ประธานคณะที่ปรึกษา ทอ.

แคนดิเดตเบอร์ 1 ที่ พล.อ.อ.อิทธพรจะส่งชื่อนั้น ได้แก่ “บิ๊กจิน” พล.อ.อ.ประจิน จั่นตอง (ตท.13) ผู้ช่วยผู้บัญชาการทหารอากาศ (ผช.ผบ.ทอ.) เด็กในคาถาที่ พล.อ.อ.อิทธพรหนุนให้นั่งเก้าอี้ “ผบ.ทอ.” ต่อจากเขา เพื่อสานงานให้กองทัพอากาศเป็นกองทัพอากาศชั้นนำในอาเซียน นอกจากนี้ “พล.อ.อ.ประจิน” มีอาวุโสลำดับที่ 1 ในทัพฟ้า อายุราชการถึงปี 57…

เมื่อมองดูระวัติ“พล.อ.อ.ประจิน” ถือเป็นน้องรักที่ทาง “พล.อ.อ.อิทธพร” รักและไว้ใจที่จะมอบหมายงานสำคัญให้เสมอ และเป็น 1 ใน 6 ก๊วนนักบิน F-16 รุ่นแรกของกองทัพอากาศ เช่นเดียวกับ “พล.อ.อ.อิทธพร” แต่ที่สำคัญ “พล.อ.อ.ประจิน” มีมาดที่สุขุมนุ่มลึก ไม่โผงผาง เก็บความรู้สึก มีผลงาน และเป็นสมองที่สำคัญของ “พล.อ.อ.อิทธพร” ในการบริหารกองทัพอากาศที่ผ่านมา

แต่จุดอ่อนที่ “พล.อ.อ.ประจิน” โดนโจมตีคือ เป็นทายาทสืบทอดอำนาจสายคณะมนตรีความมั่นคงแห่งชาติ (คมช.) ต่อจาก “พล.อ.อ.อิทธพร” และบุคลิกภาพที่ไม่ดีตรงเสียงที่พูดแผ่วเบา ไม่มีน้ำหนัก ไม่น่าเกรงขาม แต่ก็เป็นคุณลักษณะเฉพาะตัว…

พล.อ.อ.ประจิน จั่นตอง ผู้ช่วยผู้บัญชาการทหารอากาศ
พล.อ.อ.ประจิน จั่นตอง ผู้ช่วยผู้บัญชาการทหารอากาศ

ดังนั้น หากย้อนหลังไป 2 ปี “พล.อ.อ.ประจิน” คงไร้คู่แข่งต่อการแย้งชิงเก้าอี้ “ผบ.ทอ.” อย่างแน่นอน แต่เมื่อการเมืองเปลี่ยนถ่ายมาเป็นรัฐบาลพรรคเพื่อไทย ทำให้อะไรที่แน่ๆ เริ่มไม่แน่นอนเสียแล้ว จน “พล.อ.อ.ประจิน” ยอมรับและเปรยออกมาว่า “โดนโจมตีอยู่ตลอด” และมีสีหน้าที่ไม่สู้ดีนัก บ่งยอกถึงความไม่มั่นใจหากใครกล่าวถึงตำแหน่ง “ผบ.ทอ.” ในอนาคต…

ส่วนแคนดิเดตเบอร์ 2 ที่มาแรง คือ “บิ๊กหนู” พล.อ.อ.บุญยฤทธิ์ เกิดสุข (ตท.11) รองผู้บัญชาการทหารสูงสุด (รอง ผบ.สส.) ที่มีความอาวุโสไม่แพ้ “พล.อ.อ.ประจิน” เลยทีเดียว เนื่องจากครองอัตรา (พลอากาศเอก) พร้อมกัน และเป็นนายทหารสายกลางที่ไม่ได้อยู่ข้างใคร วางตัวดีมาตลอด ถึงแม้จะเป็นรุ่นพี่แต่มีอายุราชการถึงปี 57 เลยทีเดียว

แม้จะถูก “พล.อ.อ.อิทธพร” เขี่ยออกจากทุ่งดอนเมือง ไปอยู่ในรั้วกองทัพไทยในตำแหน่ง รอง ผบ.สส. เพื่อเปิดทางให้ “พล.อ.อ.ประจิน” ขึ้นเป็น “ผบ.ทอ.” ก็ไม่เคยปริปากบ่น

ทำให้ “การเมือง” และ “บิ๊กโอ๋” พล.อ.อ.สุกำพล สุวรรณทัต รมว.กลาโหม เริ่มมองว่า “พล.อ.อ.บุญยฤทธิ์” อาจเป็นตัวเลือกที่เหมาะสมในตำแหน่ง “แม่ทัพฟ้า” คนใหม่ นอกจากนี้ยังมีแรงเชียร์สนับสนุนจาก “บิ๊กเปี๊ยก” พล.อ.เสถียร เพิ่มทองอินทร์ ปลัดกลาโหมคนปัจจุบัน ที่เป็นเพื่อนร่วมรุน (ตท.11) ในการส่ง “พล.อ.อ.บุญยฤทธิ์” ให้ถึงฝั่งฝัน

ขณะที่ “พล.อ.อ.บุญยฤทธิ์” ถึงแม้จะเป็นแค่ผู้การกองบิน 6 หรือเครื่องลำเลียง ไม่ได้เป็นนักบิน F-16 หรือนักบินไฟเตอร์ แต่ก็ไม่มีผลต่อเก้าอี้ “ผบ.ทอ.” สักเท่าไรเพราะในอดีตก็เคยมี “ผบ.ทอ.” ที่ไม่ได้มาจากนักบินไฟเตอร์มาแล้ว อาทิ “บิ๊กเต้” พล.อ.อ.เกษตร โรจนนิล ในปี 2532–2535 “บิ๊กหนั่น” พล.อ.อ.สนั่น ทั่วทิพย์ ในปี 2542–2543

ที่สำคัญ เคยถวายงานใกล้ชิดเบื้องพระยุคลบาท โดยเป็นนักบินประจำพระราชพาหนะ ดังนั้น หากหวยจะมาออกที่ “พล.อ.อ.บุญยฤทธิ์” ก็ไม่ใช่ว่าเป็นไปไม่ได้…

ส่วน“บิ๊กม้า” พล.อ.อ.วินัย เปล่งวิทยา (ตท.12) ผู้ช่วยผู้บัญชาการทหารอากาศ (ผช.ผบ.ทอ.) นักบินก๊วน F-16 รุ่นแรก ก็เป็นอีกหนึ่งแคนดิเดตที่มีสิทธิ์ในเก้าอี้ “ผบ.ทอ.” เช่นเดียวกัน ถึงแม้จะอ่อนอาวุโสกว่า 2 คนแรก แต่เมื่อครองอัตรา (พลอากาศเอก) ก็เป็นไปได้ทั้งนั้น

ถึงในความเป็นจริงจะยากแสนสาหัสเลยทีเดียว เนื่องจากเป็นนายทหารจาก “ตท.12” ที่ฟากฝั่งการเมืองเพ่งเล็งและไม่ต้องการให้ขึ้นมาเป็นเบอร์ 1 ในกองทัพอีกแล้ว ทำให้ “พล.อ.อ.วินัย” ต้องเผื่อใจและแอบลุ้นแบบเล็กน้อยเท่านั้น โดยมีอายุราชการอีกแค่ปีเดียวคือ 56 เท่านั้น

พล.อ.อ.เพิ่มเกียรติ ลวณะมาลย์ เสนาธิการทหารอากาศ
พล.อ.อ.เพิ่มเกียรติ ลวณะมาลย์ เสนาธิการทหารอากาศ

ขณะเดียวกัน “บิ๊กตุ้ย” พล.อ.อ.เพิ่มเกียรติ ลวณะมาลย์ (ตท.13) เสนาธิการทหารอากาศ ที่มีอายุราชการถึงปี 56 ก็เป็นอีกหนึ่งแคนดิเดตที่น่าสนใจ เพราะคนที่เรียบร้อย เยือกเย็น สุขุม ถึงแม้เป็นผู้การกองบิน 6 ไม่ได้เป็นนักบินไฟเตอร์เช่นเดียวกัน แต่ก็เคยรับใช้ถวายงานใกล้ชิดเบื้องพระยุคลบาท ใกล้ชิดราชวงศ์ โดยเป็นนักบินประจำพระราชพาหนะเช่นเดียวกัน

ทั้งนี้ หากการเมืองไม่มีทางออก งัดข้อกันจนไม่ลงตัว ทำให้เก้าอี้ “แม่ทัพฟ้า” ตัวนี้ อาจกลายเป็นส้มมาหล่นที่ตัก “พล.อ.อ.เพิ่มเกียรติ” เลยก็ว่าได้…

นอกจากนี้ ยังมี “บิ๊กดำ” พล.อ.อ.ทรงธรรม โชคคณาพิทักษ์ (ตท.14) ผบ.กรมควบคุมการปฏิบัติการทางอากาศ (คปอ.) “ม้ามืด” ตัวจริงในทุ่งดอนเมือง ถึงแม้จะมีอาวุโสน้อยที่สุด และมีอายุราชการถึงปี 58 ก็ตาม แต่ก็คงจะกาชื่อนี้ทิ้งไม่ได้ ตราบใดยังไม่เปิดชื่อ “ผบ.ทอ.” ก็หวังได้ทั้งนั้น

ด้าน “พล.อ.อ.ทรงธรรม” ถือว่าไม่ธรรมดาเลยทีเดียว เป็นนักบิน F-16 รุ่น 2 ของกองทัพอากาศ และมีประวัติที่โชกโชน เป็นนักบิน F-5E ที่เข้ารบในสมรภูมิบ้านร่มเกล้าชายแดนไทย-ลาว จน “พล.อ.อ.ทรงธรรม” ได้รับการยกย่องจากนักบินด้วยกันว่าทิ้งระเบิดได้แม่นอย่างจับวางเลยทีเดียว…

น.ส.ยิ่งลักษณ์ ชินวัตร นายกรัฐมนตรี พร้อมด้วย พล.อ.อ.อิทธพร ศุภวงศ์ ผู้บัญชาการทหารอากาศ นั่งรถกอล์ฟชมงาน “วันครบรอบ 100 ปีการบินของบุพการีทหารอากาศ”  เมื่อวันที่ 2 ก.ค.ที่ผ่านมา
น.ส.ยิ่งลักษณ์ ชินวัตร นายกรัฐมนตรี พร้อมด้วย พล.อ.อ.อิทธพร ศุภวงศ์ ผู้บัญชาการทหารอากาศ นั่งรถกอล์ฟชมงาน “วันครบรอบ 100 ปีการบินของบุพการีทหารอากาศ” เมื่อวันที่ 2 ก.ค.ที่ผ่านมา

ในขณะเดียวกัน ฟากฝั่ง “การเมือง” ก็ไม่กล้าหยิบ พ.ร.บ.การจัดระเบียบกระทรวงกลาโหม มาแก้ไข ถึงแม้การเข้ามานั่ง “รมว.กลาโหม” ตอนแรกของ “พล.อ.อ.สุกำพล” ได้ตั้งธงว่าต้องแก้ พ.ร.บ.กลาโหม ก่อนการแต่งตั้งโยกย้ายในเดือนตุลาคมนี้ก็ตาม

แต่เมื่อ “รัฐบาล” ต้องเผชิญปัญหาการแก้ไขรัฐธรรมนูญ – พ.ร.บ.ปรองดองแห่งชาติ รวมถึงการแก้ไขปัญหาปากท้องและอุทกภัย ที่ต้องให้กองทัพเป็นแบ็คอัพ ทำให้ไม่กล้าที่จะขัดใจหรือ “หัก” กองทัพ! ต่อการแก้ไข พ.ร.บ.กลาโหม

และเมื่อต้องใช้วิธีต่อรอง แลกตัว หรือ สู้กันแบบเสียงโหวต…ก็ต้องมาลุ้นกันว่า “พล.อ.อ.สุกำพล” จะใช้วิธีใด จะกล้าหักชื่อที่ “พล.อ.อ.อิทธพร” เสนอนั้นคือ “พล.อ.อ.ประจิน” หรือไม่ หากไม่หักแล้วจะใช้วิธีใดต่อรอง…?

ทำให้ศึกชิงเก้าอี้ “แม่ทัพฟ้า” ในการแต่งตั้งโยกย้ายปีนี้ดุเดือด ลุ้นสนุกกว่ากองทัพใดในรอบหลายปี…