ThaiPublica > ประเด็นสืบสวน > รื้อแผนลอยตัวพลังงาน ซื้อเวลาแก้แพงทั้งแผ่นดิน มติ กพช. ตรึงราคา NGV-LPG อีก 3 เดือน ก่อนลอยตัว

รื้อแผนลอยตัวพลังงาน ซื้อเวลาแก้แพงทั้งแผ่นดิน มติ กพช. ตรึงราคา NGV-LPG อีก 3 เดือน ก่อนลอยตัว

15 พฤษภาคม 2012


นายอารักษ์ ชลธาร์นนท์ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงพลังงาน
นายอารักษ์ ชลธาร์นนท์ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงพลังงาน

ปัญหาข้าวของแพง ค่าครองชีพสูง กระทบปากท้องของประชาชน เป็นประเด็นร้อนทางการเมืองในขณะนี้ ดังนั้น เพื่อดับร้อนของประชาชนและผู้ประกอบการ ที่ประชุมคณะกรรมการนโยบายพลังงานแห่งชาติ (กพช.) เมื่อวันที่ 14 พฤษภาคม 2555 จึงตัดสินใจยกเลิกมติ กพช. เมื่อวันที่ 30 กันยายน 2554 ที่ประกาศมาตรการ “ลอยตัวราคาพลังงาน” ทั้งในส่วนของน้ำมันเชื้อเพลิงและก๊าซธรรมชาติ (เอ็นจีวีและแอลพีจี) โดยมอบหมายให้คณะกรรมการบริหารนโยบายพลังงาน (กบง.) เป็นผู้พิจารณาปรับราคาขายปลีก และกำหนดอัตราเงินส่งเข้ากองทุนน้ำมันเชื้อเพลิง และระยะเวลาให้มีความเหมาะสม เนื่องจากสถานการณ์ราคาน้ำมัน และก๊าซแอลพีจีในตลาดโลกมีการเปลี่ยนแปลงอย่างรวดเร็ว ก่อนชง ครม. เปิดไฟเขียวภายในวันเดียวกัน

นายอารักษ์ ชลธาร์นนท์ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงพลังงาน เปิดเผยว่า หลังจากที่ ครม. มีมติตามข้อเสนอของ กพช. เมื่อวันที่ 14 พฤษภาคม 2555 ในวันเดียวกันตนได้เรียกประชุมคณะกรรมการบริหารนโยบายพลังงาน (กบง.) เพื่อพิจารณาแนวทางการปรับราคาขายปลีกก๊าซเอ็นจีวีและแอลพีจีเพื่อให้เป็นไปตามมติ ครม. โดยมีมติเห็นชอบดังนี้

1. ก๊าซเอ็นจีวี เห็นชอบให้คงราคาขายปลีกก๊าซเอ็นจีวีที่ 10.50 บาท/กิโลกรัม ต่อไปอีก 3 เดือน เริ่มตั้งแต่ 16 พฤษภาคม – 15 สิงหาคม 2555

2. ก๊าซแอลพีจีที่ใช้ในภาคอุตสาหกรรม เห็นชอบให้ตรึงราคาขายปลีกก๊าซแอลพีจีภาคอุตสาหกรรมไว้ที่ 30.13 บาท/กิโลกรัม กรณีราคาก๊าซแอลพีจีตลาดโลกปรับตัวสูงขึ้นมากจนทำให้ต้นทุนราคาก๊าซแอลพีจีจากโรงกลั่นน้ำมันเกิน 30.13 บาท/กิโลกรัม และเห็นชอบให้ปรับลดราคาขายปลีกก๊าซแอลพีจีภาคอุตสาหกรรมให้เป็นไปตามต้นทุนโรงกลั่น กรณีหากราคาก๊าซแอลพีจีตลาดโลกปรับตัวลดลง ทำให้ต้นทุนราคาก๊าซแอลพีจีจากโรงกลั่นน้ำมันต่ำกว่า 30.13 บาท/กิโลกรัม

กรณีก๊าซแอลพีจีที่ใช้ในภาคขนส่ง เห็นชอบให้เก็บเงินนำส่งเข้ากองทุนน้ำมันในอัตรา 2.80 บาท/กิโลกรัมต่อไปอีก 3 เดือน ตั้งแต่วันที่ 16 พฤษภาคม – 15 สิงหาคม 2555 ซึ่งจะทำให้ราคาขายปลีก แอลพีจีภาคขนส่งอยู่ที่ 21.13 บาท/กิโลกรัม ทั้งนี้ ที่ประชุม กบง. ได้มอบหมายให้สำนักงานนโยบายและแผนพลังงาน (สนพ.) ดำเนินการออกประกาศ กบง. เพื่อให้มีผลบังคับใช้ต่อไป

อนึ่ง มติ กพช. วันที่ 30 กันยายน 2554 หรือ “มาตรการลอยตัวราคาพลังงาน” ที่ถูกยกเลิก มีอยู่ 3 แนวทางดังนี้

1. แนวทางในการปรับราคาน้ำมันเชื้อเพลิง โดยให้ทยอยปรับเพิ่มอัตราเงินส่งเข้ากองทุนน้ำมันเชื้อเพลิงของน้ำมันเบนซินและน้ำมันแก๊สโซฮอล์เดือนละ 1 บาท/ลิตร และปรับเพิ่มอัตราเงินส่งเข้ากองทุนน้ำมันฯ ของน้ำมันดีเซล อัตรา 0.60 บาท/ลิตร ตั้งแต่วันที่ 16 มกราคม 2555 เป็นต้นไป

ดังนั้น เมื่อการยกเลิกมติดังกล่าวในส่วนของการปรับราคาน้ำมันเชื้อเพลิง ที่ประชุม กพช. วันที่ 14 พฤษภาคม 2555 มอบหมายให้ กบง. เป็นผู้พิจารณาปรับอัตราเงินส่งเข้ากองทุนน้ำมันฯ ทั้งในส่วนของน้ำมันดีเซลและเบนซินตามความเหมาะสม โดยคำนึงถึงราคาน้ำมันในตลาดโลก ภาวะเงินเฟ้อภายในประเทศ การส่งเสริมพลังงานทดแทน และฐานะกองทุนน้ำมันฯ ซึ่งมีหลักเกณฑ์ในการพิจารณาดังนี้

กรณีน้ำมันดีเซล หากราคาขายปลีกดีเซลสูงขึ้นจนกระทบต่อค่าขนส่งและค่าโดยสาร ให้ปรับลดอัตราเงินส่งเข้ากองทุนน้ำมันฯ ขณะเดียวกันก็จะมีการพิจารณาปรับเพิ่มอัตราเงินส่งเข้ากองทุนน้ำมันฯ เมื่อราคาขายปลีกมีราคาต่ำจนทำให้ผู้ประกอบการขนส่งและรถโดยสารสมควรปรับค่าบริการลงมาด้วย

กรณีน้ำมันเบนซินและน้ำมันแก๊สโซฮอล์ ให้ กบง. พิจารณาปรับเพิ่มหรือลดอัตราเงินส่งเข้ากองทุนน้ำมันฯ เพื่อรักษาระดับส่วนต่างราคาระหว่างน้ำมันเบนซิน กับน้ำมันแก๊สโซฮอล์ และเพื่อจูงใจให้ประชาชนหันมาใช้เอทานอลมากขึ้น

2. แนวทางในการปรับราคาก๊าซเอ็นจีวี ตามมติวันที่ 30 กันยายน 2554 ให้ทยอยปรับขึ้นราคาขายปลีกก๊าซเอ็นจีวีเดือนละ 0.50 บาท/กิโลกรัม ตั้งแต่วันที่ 16 มกราคม 2555 จนถึงเดือนธันวาคม 2555 ดังนั้น เพื่อไม่ให้กระทบผู้ใช้เอ็นจีวีมากเกินไป กพช. จึงมีมติให้คงราคาขายปลีกก๊าซเอ็นจีวีไว้ที่ราคา 10.50 บาท/กิโลกรัม เป็นเวลา 3 เดือน ตั้งแต่วันที่ 16 พฤษภาคม – 15 สิงหาคม 2555

จากนั้น นับตั้งแต่วันที่ 16 สิงหาคม 2555 เป็นต้นไป มอบหมายให้ กบง. พิจารณาการปรับราคาขายปลีกก๊าซเอ็นจีวีให้สะท้อนต้นทุนที่แท้จริง โดยพิจารณาจากผลการศึกษาต้นทุนราคาก๊าซเอ็นจีวีที่ศึกษาโดยสถาบันวิจัยพลังงาน จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย

3. แนวทางการปรับราคาก๊าซแอลพีจี ตามมติ กพช. เดิมจะมีอยู่ 2 ส่วน คือ แอลพีจีที่ใช้ในภาคขนส่งกับใช้ในภาคอุตสาหกรรม สำหรับแอลพีจีที่ใช้ในภาคขนส่ง มติเดิม กพช. (30 ก.ย.2554) ให้ปรับขึ้นราคาขายปลีกก๊าซแอลพีจีภาคขนส่งเดือนละ 0.75 บาท/กิโลกรัม (0.41 บาท/ลิตร) นับตั้งแต่วันที่ 16 มกราคม 2555 โดยปรับพร้อมกับการขึ้นราคาเอ็นจีวี 0.50 บาท/กิโลกรัมจนไปสู่ต้นทุนโรงกลั่นน้ำมัน

ล่าสุด กพช. มีมติให้คงราคาขายปลีกก๊าซแอลพีจีภาคขนส่งไว้ที่ 21.13 บาท/กิโลกรัม เป็นเวลา 3 เดือน ตั้งแต่วันที่ 16 พฤษภาคม – 15 สิงหาคม 2555 เช่นเดียวกับเอ็นจีวี แต่หลังจากวันที่ 16 สิงหาคม 2555 เป็นต้นไป มอบหมายให้ กบง. ปรับราคาขายปลีกแอลพีจีภาคขนส่งให้ราคาไม่เกินต้นทุนก๊าซแอลพีจีจากโรงกลั่นน้ำมัน

ส่วนแอลพีจีที่ใช้ในภาคอุตสาหกรรม เดิม กพช. มีมติวันที่ 27 เมษายน 2554 ให้ทยอยปรับราคาขายปลีกก๊าซแอลพีจีที่ใช้ในภาคอุตสาหกรรมให้สะท้อนต้นทุนโรงกลั่นน้ำมัน ตั้งแต่กรกฎาคม 2554 เป็นต้นไป โดยปรับราคาขายปลีกไตรมาสละ 3 บาท/กิโลกรัมจำนวน 4 ครั้ง ล่าสุด ที่ประชุม กพช.วันที่ 14 พฤษภาคม 2555 ได้ยกเลิกมติดังกล่าวและมอบหมายให้ กบง. พิจารณาการปรับราคาขายปลีกก๊าซแอลพีจีภาคอุตสาหกรรม โดยให้มีราคาไม่เกินต้นทุนก๊าซแอลพีจีจากโรงกลั่นน้ำมัน เริ่มตั้งแต่วันที่ 1 มิถุนายน 2555 โดยกำหนดอัตราเงินส่งเข้ากองทุนน้ำมันฯ ในแต่ละเดือนตามความเหมาะสม

แหล่งข่าวจาก สนพ. กล่าวว่า ส่วนการกำหนดรูปแบบในการปรับราคาก๊าซเอ็นจีวีและแอลพีจี ให้สะท้อนต้นทุนที่แท้จริงหรือต้นทุนที่โรงกลั่นน้ำมัน นับตั้งแต่วันที่ 16 สิงหาคม 2555 เป็นต้นไป ประเด็นนี้ กพช. มอบหมายให้ กบง. เป็นผู้ตัดสินใจว่ากำหนดรูปแบบว่าทยอยปรับราคาขายปลีกก๊าซเอ็นจีวีและแอลพีจีขึ้นเป็นรายเดือนเช่นเดียวกับมติ กพช. วันที่ 30 กันยายน 2554 หรือจะปรับราคาขึ้นทันที