ThaiPublica > เกาะกระแส > ประเด็นฮอตรอบสัปดาห์ > ประเด็นที่ถูกพูดถึงมากสุดในโซเชียลมีเดียรอบสัปดาห์ – ข้อสอบ O-NET งงกันทั้งเด็กและผู้ปกครอง

ประเด็นที่ถูกพูดถึงมากสุดในโซเชียลมีเดียรอบสัปดาห์ – ข้อสอบ O-NET งงกันทั้งเด็กและผู้ปกครอง

25 กุมภาพันธ์ 2012


ประเด็นที่ถูกพูดถึงมากที่สุดในโซเชียลมีเดียในรอบสัปดาห์ 19 – 25 ก.พ. 2555

มีเรื่องชวนให้มึนงงกันตั้งแต่ต้นสัปดาห์ สำหรับ เรื่องแรก กับข้อสอบ O-NET ของนักเรียนชั้นมัธยมศึกษาปีที่ 6 ประจำปี 2555 เมื่อวันที่ 18-19 กุมภาพันธ์ ที่ผ่านมา จนเป็นทอล์คอ็อฟเดอะทาวน์ เมื่อน้องๆกลับมาเล่าให้พ่อแม่ผู้ปกครองฟังถึงข้อสอบเหล่านี้ ที่กำหนดข้อเลือกตอบ ที่ยากในการเลือกว่า ข้อไหนกันแน่ที่เป็นคำตอบที่ถูกต้อง และเด็กส่วนใหญ่ไม่คาดคิดว่า จะมีการออกข้อสอบในลักษณะนี้ พร้อมกับตั้งคำถามว่า การตั้งคำถามลักษณะนี้เป็นการชี้วัดอะไรกันแน่

โดยมีการวิพากษ์วิจารณ์กันว่า 2 -3 ปีมานี้ ข้อสอบ O-NET มักจะแปลกประหลาดมากขึ้นทุกปี สิ่งที่เด็กนักเรียนขยัน ตั้งใจอ่านหนังสือ เมื่อมาเจอข้อสอบแบบนี้ถึงกับอึ้ง จึงต้องการคำอธิบายจากผู้ออกข้อสอบ ขณะที่บางคนก็มองเป็นเรื่องขำขัน คิดว่า ผู้ออกข้อสอบคงไม่อยากให้เด็กเครียดกับการสอบมากเกินไป แต่กระนั้น กลับทำให้นักเรียนเครียดยิ่งกว่าเดิมเสียอีก

ตัวอย่างข้อสอบ O-NET ม.6 ปี 2555 ที่มาภาพ : httpwww.facebook.comMarkfanclub
ตัวอย่างข้อสอบ O-NET ม.6 ปี 2555 ที่มาภาพ : httpwww.facebook.comMarkfanclub

ล่าสุด รศ.สัมพันธ์ พันธุ์พฤกษ์ ผู้อำนวยการสถาบันทดสอบทางการศึกษาแห่งชาติ (องค์การมหาชน) หรือ สทศ. ออกมาเป็นตัวแทนชี้แจงว่าข้อสอบที่ออกมา เป็นข้อสอบที่ต้องการให้นักเรียนพัฒนาด้านการคิดเชิงวิเคราะห์ แต่อย่างไรก็ดียังไม่พร้อมชี้แจงรายละเอียดได้ทั้งหมด แต่เมื่อพร้อมจะออกมาชี้แจ้งละเอียดทั้งหมดแน่นอน

ทางด้าน รศ.ชาญวิทย์ เทียมบุญประเสริฐ ผู้อำนวยการสำนักทดสอบทางการศึกษาและจิตวิทยา มหาวิทยาลัยศรีนครินทรวิโรฒ ได้กล่าวว่าระยะเวลา 2-3 ปีที่ผ่านมา ข้อสอบของสถาบันทดสอบทางการศึกษาแห่งชาติเกิดความผิดพลาดมาตลอด ข้อสอบในลักษณะนี้สะท้อนว่าผู้ออกข้อสอบนั้นยังขาดเทคนิคการตั้งคำถามและการเลือกใช้ตัวเลือกที่เหมาะสม ทำให้นักเรียนเกิดความสับสนได้

ขณะที่นางอุทุมพร จามรมาร ที่ปรึกษาผู้ตรวจราชการแผ่นดิน อดีตผู้อำนวยการผู้อำนวยการสถาบันทดสอบทางการศึกษาแห่งชาติ (องค์การมหาชน) หรือ สทศ. กล่าวว่า ปกติแล้วข้อสอบต้องไม่กำกวม และต้องเป็นข้อเท็จจริงเพื่อไม่ให้มีข้อสงสัย หรือถ้าเป็นข้อสอบประเภทความคิด น่าจะต้องมีทฤษฎี หรือ แบบเรียนรองรับ

ทีนี้เราลองมาฟังเสียงจากชาวโซเชี่ยลมีเดียกันบ้างดีกว่า ว่ามีความคิดเห็นอย่างไรกับเรื่องนี้กันบ้าง

“ข้อสอบผ่านกระบวนการอะไรบ้าง อยากให้ทางกรรมการชี้แจง กรรมการแต่ละชุดประกอบด้วยใครบ้าง ตำแหน่งอะไร กรรมการแต่ละชุดทำหน้าที่อะไร ใครเป็นคนเซ็นต์อนุมัติให้นำข้อสอบพวกนี้มาใช้ ชี้แจงมาถอะ เพื่อความกระจ่างของเด็กๆ และผู้ปกครอง”

“นึกว่าเรื่องล้อเล่น ไม่อยากเชื่อว่านี่คือส่วนหนึ่งของมาตรฐานการศึกษาไทย !!!!!!”

“ข้อสอบไม่ใด้มาครฐานสุดๆ น่าจะหาคนที่มีความสามารถจริงๆ มาออกข้อสอบ เห็นมีปัญหาทุกปี การศึกษาประเทศไทยยังไม่ใด้เรื่องจนถึงทุกวันนี้ ให้เรียนหนักมาก แต่เอามาใช้ไม่ใด้สักอย่าง แทนที่จะเน้นตำราควรจะสอนให้ทำงานเป็น สอนให้เป็นคนดี สอนให้สามารถเป็นตัวอย่างแก่คนรุ่นหลังได้ แต่การศึกษาทุกวันนี้ทำยังกับคนเป็นแค่เครื่องจักร ใส่ความรู้เข้าไป เวลาสอบก็สอบโหดๆ แต่ทำไรมากไม่ใด้เลย”

“ผมว่าเทคโนโลยีทุกวันนี้ก้าวไกลไปมาก แต่ความคิดของคนมีแต่เสี่อมลง ถ้าคุณเห็นข้อสอบแบบนี้แล้วมีจิตสำนึก สักนิดเอาใจเค้ามาใส่ใจเรา คุณจะรู้ว่านักเรียนที่เค้าสอบจะต้องตั้งคำถามกลับมาอยู่แล้ว ก่อนจะทำอะไรลงไปใส่ใจในสิ่งที่ทำหน่อย”

“มันคงเป็นเรื่องตลกๆ ของคนที่มีความรู้ “มากมาย” อย่างคนออกข้อสอบนะครับ อย่าไปซีเรียสอะไรมากมาย ไม่ใช่ว่าจะเป็นแบบนี้ เกินครึ่งซักหน่อย ถ้าเยอะขนาดนั้น ก็ว่าไปอย่าง เด็กๆ ก็เล่นๆ กัน เค้าคงไม่ได้คิดไรมากมาย เพราะข้อสอบแบบนี้ใครทำได้แสดงว่าทำบุญมาเยอะ ไม่ได้วัดว่าใครเก่งกว่าใครหรอก”

“ออกข้อสอบอย่างนี้ ไม่ต้องอ่านหนังสือมาก็ได้ คนออกข้อสอบคิดอะไรอยู่”

“น่าจะเป็นข้อสอบที่มีการคิดเชิงจิตวิทยา เด็กคงต้องใช้กระบวนการความคิดหลายชั้น แต่เชื่อว่าคำถามที่ได้เห็น ก็เป็นคำถามที่เด็กต้องมีการคิดหาคำตอบมาปรับใช้ในชีวิตประจำวันด้วย แต่ข้อสอบแบบนี้ ก็คงไม่ใช่ทั้งหมดหรอก ในสิ่งที่เด็กตั้งใจเรียนมา ก็คงจะมีให้เขาได้ตอบด้วย”

เรื่องที่สอง ยังขุดคุ้ยหาความจริงและโต้ตอบกันอย่างเมามัน ดูท่าไม่จบง่ายๆ กับกรณีวอห้าชั้น 7 โรงแรมโฟร์ซีซั่น เมื่อวันที่ 8 กุมภาพันธ์ 2555 จากการที่พรรคประชาธิปัตย์ได้กล่าวหา น.ส.ยิ่งลักษณ์ ชินวัตร นายกรัฐมนตรี ว่าหนีการประชุมสภาและใช้เวลาราชการมาเจรจาลับกับนักธุรกิจอสังหาริมทรัพย์รายหนึ่ง ซึ่งมีชื่อหลุดมาว่าคือ “เสี่ยนิด” นายเศรษฐา ทวีสิน กรรมการผู้จัดการใหญ่ บริษัท แสนสิริ จำกัด (มหาชน)

แม้จะมีองครักษ์พิทักษ์นายกฯ ต่างออกมาพูดปกป้องถึงเหตุการณ์นี้กันเท่าไร่ก็ตาม นายกฯยิ่งลักษณ์ ก็ยังเงียบไม่พูดอะไร จนล่าสุดเมื่อวันที่ 23 กุมภาพันธ์ ที่ผ่านมา น.ส.ยิ่งลักษณ์ ชันวัตร ได้ส่งทีมกฏหมายในการยื่นฟ้องสมาชิกพรรคประชาธิปัตย์ ข้อหาหมิ่นประมาทและมีการชี้แจงผ่านเฟซบุ๊กชื่อ “Yingluck Shinawatra”

โดยใจความสรุปว่าเป็นการเดินทางไปจริง เพื่อการรับฟังสภาพปัญหาที่เกี่ยวข้องกับเศรษฐกิจและสถานการณ์บ้านเมือง ทั้งเป็นการรับฟังข้อเสนอแนะและแลกเปลี่ยนความคิดเห็นอันจะเป็นประโยชน์สูงสุดต่อการบริหารราชการแผ่นดิน โดยในการเดินทางไปครั้งนี้มีผู้พบเห็นเหตุการณ์จำนวนมาก ทั้งเจ้าหน้าที่โรงแรม พนักงานบริการ หรือหน่วยรักษาความปลอดภัย อย่างไรก็ตามด้วยผู้ที่มาพบหารือไม่ต้องการที่จะปรากฏเป็นข่าว กำหนดการนี้จึงไม่มีการแจ้งสื่อมวลชนแต่ประการใด

และในวันนั้นก็ไม่มีการพูดจาเรื่องธุรกิจส่วนตัว ไม่มีการพูดถึงการเวนคืนที่ดินเพื่อเป็นที่รับน้ำ หรือเป็นพื้นที่น้ำผ่าน ที่เรียกว่า ฟลัดเวย์ (Flood Way) พื้นที่แก้มลิงและอ่างเก็บน้ำ การชะลอการประเมินราคาที่ดิน หรือเรื่องอื่นเรื่องใดที่จะเป็นการเอื้อประโยชน์ต่อผู้ใดโดยเฉพาะตามที่มีการกล่าวหา



“เป็นกำลังใจให้นายกครับ ถ้าไม่ไหวจริงๆ ก็ลาออกได้นะครับ ไม่ก็ยุบสภา ดูสภาพหน้าตาตั้งแต่นายกมาทำงานวันแรกดูช่างสวยงานยิ่งนัก แต่ปัจจุบันคงเครียดกับปัญหาพื้นที่รับน้ำ หน้าตาของท่านนายกหน้าตาตอนนี้เริ่มโทรมลงทุกวัน ขอให้นายกดูแลร่างกายและจิตใจให้ดีครับ หาผลไม้จำพวกสตอร์เบอร์รี่กินมีวิตามินซีเยอะดีครับ ช่วยกระตุ้นภูมิคุ้มกัน เป็นอย่างดี”

“สคริปเสร็จละจ้า ปล่อยให้เป็นข่าวหน้า 1 อยู่ได้ตั้งนาน”

“นักข่าวการเมือง กับนักข่าวบันเทิงปาปารัสซี่ เดี๋ยวนี้แยกกันไม่ออก เหมือนกันไปหมดแล้ว”

“เชื่อใจนายก เชื่อมั่นในหน้าที่ของคุณยิ่งลักษณ์ จะไม่แคร์สื่อใดๆ ที่ทำให้คุณยิ่งลักษณ์มัวหมองเพราะนายกยิ่งลักษณ์ไม่ได้เป็นอย่างที่ใครคนอื่นตัดสิน”

“แคร์ความรู้สึกประชาชนบ้างนะครับ ท่านนายก”

“นายเศรษฐา ออกมายอมรับว่าไปพบกับนางสาวยิ่งลักษณ์ ที่โรงแรมโฟร์ซีซั่นชั้น 7 จริง แต่ไปคุยเรื่องบ้านเมือง เศรษฐกิจ ดอกเบี้ย สิ่ิ่งที่ประชาชนสงสัยคือ ถ้าเป็นเรื่องบริสุทธิ์ใจ ทำไมไม่คุยที่ทำเนียบ หรือที่บ้านพิษณุโลกซึ่ึงมีห้องประชุมอยู่แล้ว และทำไมนางสาวยิ่งลักษณ์ ใช้เวลาราชการไปทำเรื่องส่วนตัว แล้วทำให้ประชาชนเคลือบแคลงสงสัย และออกมาวิจารณ์ต่างๆ นาๆ ไม่ว่าจะเรื่องชู้สาว หรือธุรกิจบางอย่าง พอคนวิจารณ์มากๆ ก็มีการบอกว่ารังแกผู้หญิง ดูถูกผู้หญิง แต่ที่สิ่งที่ผู้ที่ดำรงตำแหน่งกระทำนั้น ถือได้ว่าดูถูกประชาชนคนไทย และดูถูกตัวเอง ซึ่งเป็นผู้หญิงและทำให้ผู้หญิงทั้งประเทศพลอยเจ็บปวดไปด้วย เพราะนายกไม่รู้จักหน้าที่หลักของตัวเอง”

เรื่องที่สาม หลังโดยวิจารณ์หนักกับประเด็นการให้สัมภาษณ์ที่ไม่ค่อยจะเหมาะสม ของบอยแบนด์เกาหลีที่มีชื่อว่า “Block B” เกี่ยวกับเหตุการณ์น้ำท่วม ที่มีการแสดงความคิดเห็นโดย “ซิโค่” ซึ่งเป็นหัวหน้าวง ว่า “ผมรู้ครับว่ามีผู้คนที่ต้องพบกับช่วงเวลาที่ยากลำบาก จากเหตุน้ำท่วมครั้งนี้มากมาย ซึ่งด้วยเงินบริจาคก้อนนี้ ผมหวังว่าพวกคุณจะรู้สึกดีขึ้น” และเมื่อสมาชิกอีกคนถามออกไปถึงเรื่องจำนวนเงินที่ Block B เตรียมไว้สำหรับการบริจาค ซิโค่กลับตอบออกไปว่า “ประมาณ 7,000 วอน (190 บาท) ได้ครับ” ซึ่งหนุ่มๆ ก็หัวเราะชอบใจกับมุขตลกที่ไม่ตลกดังกล่าว โดยบทสัมภาษณ์ครั้งนี้ได้ถูกอัพโหลดลง Youtube และมีผู้เข้าชมและวิพากษ์วิจารณ์เป็นจำนวนมาก ถึงการแสดงท่าทีล้อเล่นพูดตลก พร้อมมองว่าท่าทีที่ไม่ให้เกียรติต่อเมืองไทยและยังหยาบคายเป็นอย่างยิ่งด้วย

ที่มาภาพ :  httpnews.mthai.comworld-news154138.html
ที่มาภาพ : httpnews.mthai.comworld-news154138.html

ร้อนถึงหนุ่ม นิชคุณ แห่งวง 2PM หนุ่มไทยที่โด่งดังอย่างมากที่เกาหลี ก็แสดงความเห็นถึงเรื่องนี้ โดยนิชคุณเขียนข้อความผ่านทางทวิตเตอร์ของตนเองว่า “ในฐานะคนไทยคนหนึ่ง ผมรู้สึกไม่สบายใจกับคำพูดของคนที่กล่าวถึงเหตุการณ์น้ำท่วมในเมืองไทย โดยไม่ไตร่ตรองอะไรให้ดีก่อน ซึ่งแทนที่จะมาเมืองไทย แล้วทำตัวแบบนี้ ก็ช่วยเคารพประเพณีปฏิบัติของที่นี่ และช่วยทำตัวให้ดีขึ้นด้วย”

ก็ไม่ใช่เพียง นิชคุณ เท่านั้น สมาชิกวง 2PM อย่าง จุนโฮ และ ชานซอง ก็แสดงความเห็นถึงเรื่องนี้ด้วยเช่นเดียวกันว่า การปฏิบัติตัวของ Block B ทำให้ชาวเกาหลีใต้คนอื่นต้องอับอายไปด้วย นอกจากนั้นยังมีศิลปินอย่าง Tiger JK ที่สนับสนุนข้อความของ นิชคุณ ด้วย โดยหลังเกิดเหตุบานปลาย สมาชิกวง Block B ได้ออกแถลงการณ์เพื่อขออภัยอย่างเป็นทางการ โดยมีใจความส่วนหนึ่งว่า

“ต้องขออภัยจริงๆ ครับที่ทำให้เกิดกระแสวิพากษ์วิจารณ์มากมาย พวกเราเองก็คิดว่าคงไม่มีข้ออ้างอะไรที่จะมาลบล้างความผิดได้ เรารู้สึกอับอายกับการไม่ได้เอาใจใส่ไปถึงความรู้สึกของผู้ประสบภัย ซึ่งเราก็จะลงโทษตัวเอง และแก้ไขสิ่งผิดพลาด ซึ่งเรียกได้ว่าเป็นสิ่งที่ทำลายภาพพจน์ของประเทศด้วย ตั้งแต่นี้ไปเราจะปฏิบัติตัว ด้วยความรับผิดชอบในฐานะเป็นตัวแทนของดารานักแสดงชาวเกาหลี และจะแสดงความเป็นผู้ใหญ่ให้มากกว่านี้ครับ”

นอกจากคำขอโทษแล้ว ซิโค่ หัวหน้าวงยังโกนศีรษะ เพื่อเป็นสัญลักษณ์ของการสำนึกผิดในสิ่งที่เขาได้ทำลงไปอีก

ฝ่าย นิชคุณ แห่งวง 2PM ซึ่งก่อนหน้านี้ เคยส่งเสียงตำหนิแรงๆ ไปถึงพฤติกรรมของกลุ่มศิลปิน Block B ก็ได้แสดงความเห็นถึงเรื่องนี้อีกครั้ง เมื่อสถานการณ์เริ่มจะบานปลายไปกันใหญ่ โดยนิชคุณ โพสต์ข้อความเตือนสติ ทั้งทางฝ่าย Block B รวมไปถึงเหล่าชาวเน็ต และผู้คนที่ยังคงไม่พอใจในตัวของศิลปินชาวเกาหลีใต้ ผ่าน Twitter ของตนไว้ว่า

“โปรดอย่าพูดอะไรประเภทที่ว่า “ใครบางคนสมควรจะตายไปซะ” เลยครับ หวังว่าพวกเขาจะได้เรียนรู้อะไรบ้าง แบบเดียวกับที่พวกเราทุกคนสามารถเรียนรู้ได้ เหมือนกับผมเองที่ทำแบบเดียวกัน เมื่อเกิดเรื่องผิดพลาดอะไรขึ้นมา”

ที่นี้เรามาดูความเห็นของของชาวเน็ตกันบ้างดีกว่า ว่าเรื่องนี้แต่ละคนมีความคิดเห็นกันอย่างไร

“นิชคุณ เยี่ยมมากถึงจะทำมาหากินอยู่ที่บนแผ่นดินเกาหลี แต่ก็รักษาเกียรติและศักศรีดิ์ความเป็นคนไทย น่าภาคภูมิใจ”

“คลั่งกันเข้าไปนะคะ พวกนักร้องเกาหลีน่ะ เขาก็เห็นเราเป็นแค่ที่ทำเงินให้เขา ไม่ได้จริงใจอะไรกับแฟนเพลงคนไทยนักหรอกค่ะ”

“ถ้าเด็กพวกนั้นเค้าสำนึกผิดจากใจจริงก็ให้อภัยเถอะ อยากให้จำเอาไว้ ว่าการที่ทำอะไรแบบไม่คิดมันมีผลเสียยังไง และทำร้ายความรู้สึกของคนอื่นเค้าแค่ไหน ดีนะ ที่เป็นคนไทย คนไทยเรามีน้ำใจอยู่แล้ว”

“คนเป็นศิลปินต้องรู้จักคิดก่อนพูดเสมอ โดยเฉพาะเรื่องราวที่เซนซิทีฟเช่นนี้ แต่ตอนนี้พวกเขาก็โดนแฟนคลับทั้งไทยและเกาหลีแอนตี้ไปแล้ว และศิลปินเกาหลี ถ้าโดนแฟนคลับแอนตี้แล้วล่ะก็ แทบจะไม่มีที่ยืนในวงการบันเทิงเลยทีเดียว ทางต้นสังกัดของเขาก็ซีเรียสนะ เพราะวงนี้ก็ยังไม่ค่อยดัง จะมาดับซะแล้ว ตายเพราะปากแท้ๆ”

เรื่องที่สี่ เหตุเพราะ Fackbook เมื่อนักศึกษาสาววัย 17 จากสถาบันอาชีวะแห่งหนึ่ง ใน จ.นครปฐม เกิดความน้อยอกน้อยใจตัวเอง ใช้มีดคัทเตอร์จี้คอตัวเอง เตรียมจะกระโดดตึก หลังถูกปฏิเสธความรักจากรุ่นพี่ ที่ได้มีการติดต่อพูดคุยติดต่อกันผ่านทางเฟซบุ๊ก เพราะตนไม่ได้โพสต์รูปจริงลงไป ทำให้ฝ่ายชายเข้าใจผิด หลังจากฝ่ายหญิงได้สารภาพว่าตนคือผู้ที่คุยด้วย ไม่ใช่รูปที่อยู่ในเฟซบุ๊กตามที่เข้าใจ

ทำให้เกิดความเครียด และคิดสั้นกระโดดอาคารเรียนหวังฆ่าตัวตาย อาจารย์และเพื่อนนักศึกษาช่วยกันกล่อมกันวุ่น จนเป็นที่กล่าวถึงบนโลกโชเชียลเน็ตเวิร์ค

“จะมาน้อยใจตัวเองทำไม ว่าตัวเองเป็นอย่างโน้นอย่างนี้ เอารูปคนอื่นไปหลอกเขา ตัวเองยังไม่ยอมรับตัวเองเลย แล้วใครเขาจะมายอมรับละ”

“ผู้ชายที่เขาไม่รักเรา ไม่ได้สำคัญกับชีวิตเราเท่าครอบครัว เพื่อนๆและคนที่เขารักเราหรอกนะ จะตัวตายเพราะคนที่เขาไม่รักเรา คิดถึงพ่อแม่ที่รักและเลี้ยงเรามาจนเป็นคนได้ถึงทุกวันนี้บ้างมั๊ย”

“ทำไมต้องเอารูปคนอื่นมาไส่ด้วย ทำไมไม่ให้เค้ารักเรา ที่เราเป็นเรา น่าจะภูมิใจกว่านะ”

“ก็รู้อยู่แล้วนี้ ว่าผลออกมาจะเป็นยังไง ถึงไม่ได้เอารูปตัวเองขึ้นตั้งแต่แรก แล้วที่นี้จะมาเสียใจทำไม”

“ทำไมต้องไปซ้ำเติมน้องเค้าด้วย คนเรามันก็มีหลงผิดชั่วขณะกันทั้งนั้น สู้ให้กำลังใจกันจะไม่ดีกว่าหรอ คิดว่าไปเหยียบซ้ำเค้่ามันเป็นสิ่งที่ถูกต้องแล้วเหรอคะ แค่เรายื่นมือให้เค้าเค้าก็มีกำลังใจขึ้นแล้วนะ อีกอย่างน้องเค้าอายุยังน้อยประสบการณ์ก็น้อย สามารถที่จะหลงผิดไปได้ด้วยอารมณ์ชั่ววูบ คนที่โตเป็นผู้ใหญ่แล้วยังหลงผิดกันเลย”

“เด็กๆ ดูไว้ เป็นตัวอย่างนะคะ คนเราต้องรักตัวเองก่อน ถ้าเราไม่รัก ตัวเองเเล้วใครจะมารัก เรา รูป ชั่ว ตัว ดำ เเต่ เรียนหนังสือให้ดี มีหน้าที่การงานดีๆ เดี๋ยวผู้ชายก็เข้ามา โตขึ้นมีเงินค่อยศัลยกรรมก็ได้ เเละถึงไม่เข้ามาเราก็อยู่ได้ด้วยตัวเราค่ะ โลกใบนี้ยังมีสิ่งสวยงามอีกเยอะ ศิลปะ ดนตรี ท่องเที่ยว คนเราไม่จำเป็นต้องทำลายศักดิ์ศรีของตนเองด้วยเรื่องเเค่นี้เลย”

เรื่องที่ห้า เป็นการติดตามความคืบหน้าโรงงานในจังหวัดสมุทรปราการ ที่มีการปล่อยน้ำเสียกันอย่างโจ่งครึ่มของทาง SKY Report Ch3 ซึ่งมีการถ่ายภาพการปล่อยน้ำเสียของโรงงานลงในเฟซบุ๊ก เมื่อสัปดาห์ที่แล้ว ทำให้มีการพูดถึงและมีการแชร์ต่อกันจำนวนมาก จนทำให้หน่วยงานราชการ ตื่นตัว ส่งหนังสือมาแจ้งให้ทราบและขอให้ลบภาพโรงงานออกจากเฟซบุ๊ก เพื่อจะขอเวลาตรวจสอบ

ที่มาภาพ : httpwww.facebook.compagesSKY-Report-CH3118856201469804sk=wall
ที่มาภาพ : httpwww.facebook.compagesSKY-Report-CH3118856201469804sk=wall

โดยเมื่อวันที่ 23 กุมภาพันธ์ ที่ผ่านมาในเฟซบุ๊กของ SKY Report CH3 มีการลงรูปจากการสำรวจพื้นที่โรงงานบริเวณ จ.สมุทราปราการ เพิ่มในอัลบัมที่ใช้ชื่อว่า “ลุยต่อ..ที่เก่าเวลาใหม่” และ “ที่ใหม่ หนักกว่าเดิม แต่ไม่มีใครสนใจ” อีกทั้งยังมีการรายงานข่าวเพิ่มใน ช่วงข่าวแตกประเด็น ทางช่อง 3 ของวันเดียวกัน ทั้งนี้ชาวโซเชี่ยลเน็ตเวิร์คต่างให้ความสนใจ ในเรื่องนี้มาก เพราะถือเป็นการรับผิดชอบสังคมและสิ่งแวดล้อมที่ทางผู้เกี่ยวข้องควรออกมาชี้แจง และเร่งแก้ไขจัดการกันอย่างจริงจัง

ที่มาภาพ : http www.facebook.compagesSKY-Report-CH3118856201469804sk=wall
ที่มาภาพ : http www.facebook.compagesSKY-Report-CH3118856201469804sk=wall

“จัดให้หนักเลยครับ สิ่งไม่ดีต้องช่วยกันดูและบอกต่อ”

“เรื่องแบบนี้ ต้องนำเสนอให้ทุกคนรู้ สื่อทำหน้าที่ดีมากๆ ครับ”

“หน่วยงานของรัฐ คงต้องพิจารณา เข้มงวด ต่อโรงงานพวกนี้ อย่างจริงจัง ซักที นะครับ”

“ก็ยังคงเป็นเหมือนเดิม มีคนในบอกว่ากรมโรงงานไม่เข้าไปเก็บน้ำเอง แต่ให้ทางโรงงานเก็บน้ำส่งมาให้ทางกรมโรงงาน แล้วแบบนี้ใครจะส่งน้ำเน่าให้ล่ะครับพี่น้อง”

“จากที่ได้อ่านหนังสือชี้แจงจากอุตสาหกรรมจังหวัด ว่าโรงงานได้บำบัดน้ำแล้วและทำการตรวจวิเคราะห์ทุกสัปดาห์พบว่า อยู่ในมาตรฐานที่ทิ้งได้ แสดงว่าโรงงานจะไม่ทำอะไรแล้ว และยังคงทิ้งน้ำต่อไป ประเด็นอยู่ที่ว่าการตรวจสอบคุณภาพน้ำก่อนทิ้งทุกสัปดาห์ของโรงงานนั้น ตรวจสอบครบทุกพารามิเตอร์ที่กฏหมายระบุไว้หรือไม่ มิใช่ตรวจสอบแค่ค่า BOD หรือบางพารามิเตอร์แล้วบอกว่าอยู่ในเกณท์มาตรฐาน อยากให้โรงงานแสดงรายละเอียดการตรวจสอบคุณภาพน้ำก่อนทิ้ง ที่น่าสนใจคือ โลหะหนักได้ตรวจบ้างหรือเปล่า อย่างน้อยสีหรือกลิ่นต้องไม่เป็นที่พึงรังเกียจ ข้อนี้มันก็ไม่น่าจะผ่านแล้วนะครับ”