ThaiPublica > เกาะกระแส > ประเด็นที่ถูกพูดถึงมากสุดในโซเชียลมีเดียรอบสัปดาห์ …หมื่นรายชื่อแก้มาตรา112

ประเด็นที่ถูกพูดถึงมากสุดในโซเชียลมีเดียรอบสัปดาห์ …หมื่นรายชื่อแก้มาตรา112

21 มกราคม 2012


ร้อนระอุเริ่มต้นสัปดาห์กับ เรื่องแรก รายชื่อคณะกรรมการรณรงค์แก้ไขมาตรา 112 (ครก.112) ซึ่งนำโดยนักวิชาการกลุ่มนิติราษฎร์และเครือข่ายนักกิจกรรมทางสังคม โดยสาระสำคัญ เริ่มตั้งแต่การมีรัฐประหาร 19 กันยายน 2549 ทำให้สถิติผู้ถูกจับกุม และต้องโทษด้วยมาตรา 112 เพิ่มขึ้น โดยเฉพาะปี 2553 มีการฟ้องร้องถึง 478 ข้อหา

นอกจากนี้ ความจงรักภักดียังกลายเป็นอาวุธในการข่มขู่คุกคาม และสร้างความเกลียดชังในหมู่ประชาชน ความอ่อนไหวของข้อหาหมิ่นพระบรมเดชานุภาพ ทำให้ผู้ถูกกล่าวหาประสบกับปัญหาการบังคับใช้กฎหมายที่ไม่คำนึงถึงสิทธิพื้นฐานของประชาชน เป็นปัจจัยสำคัญที่ทำให้สถานการณ์สิทธิเสรีภาพในการแสดงความคิดเห็นของประเทศไทยตกต่ำ จนองค์กรฟรีดอมเฮาส์ (Freedom House) เปลี่ยนสถานะเสรีภาพสื่อไทยจากกึ่งเสรีเป็นไม่เสรี

คณะกรรมการรณรงค์แก้ไขมาตรา ๑๑๒ (ครก.๑๑๒) ที่มาภาพ : http www.facebook.comphoto.phpfbid=297763270274472&set=a.145671072150360.32984.145670862150381&type=1
คณะกรรมการรณรงค์แก้ไขมาตรา ๑๑๒ (ครก.๑๑๒) ที่มาภาพ : http www.facebook.comphoto.phpfbid=297763270274472&set=a.145671072150360.32984.145670862150381&type=1

ทำให้กลุ่มนักวิชาการคณะนิติราษฎร์ เสนอร่างกฎหมายเพื่อแก้ไขเพิ่มเติมกฎหมายเกี่ยวกับความผิดฐานหมิ่นประมาทพระมหากษัตริย์ พระราชินี รัชทายาท และผู้สำเร็จราชการแทนพระองค์ เพื่อให้สังคมร่วมกันพิจารณาอย่างเป็นรูปธรรม

อย่างไรก็ตามความเป็นประชาธิปไตยของไทย ต้องมาเป็นอันดับแรก จึงได้มีการเปิดโต๊ะลงชื่อประชาชนที่เห็นด้วย กับการแก้ไขประมวลกฎหมายอาญามาตรา 112 ให้ครบ 10,000 รายชื่อก่อน จึงเสนอรัฐสภาเพื่อพิจารณา

แต่ดูเหมือนกลุ่มพลังโซเชียลเน็ตเวิร์ก จะออกอาการไม่พึงพอใจกับรายชื่อคณะกรรมการเสียเลย เพราะแต่ละความเห็นดูจะรุนแรงและต่อต้านเอามากๆ เช่น

“เห็นชื่ออาจารย์บางคนแล้วรู้เลยว่าถูกหลอกให้ลงชื่อ น่าจะหัดใช้สติปัญญาวิเคราะห์เองบ้าง ไม่ใช่ลูกพี่ทำลูกน้องว่าตาม”

“คอมมิวนิสรีเทิร์นทั้งนั้น”, “ไม่น่าเชื่อ ว่าจะเห็นรายชื่อแรกอยู่ในคณะนี้ด้วย”

“เเนะนำให้คณะนี้ย้ายไปอยู่เกาหลีเหนือ หรือไม่ก็ไปตั้งเป็นชนกลุ่มน้อยตามเเนวชายเเดนพม่าครับ”

“พวกความรู้ท่วมหัว…แต่ขาดจิตสำนึกความเปนประชาชนที่ดีของชาติ…พูดถึงแต่สิทธิแต่อยู่ๆจะละเมิดท่านซะงั้น…ทีเอกสิทธินักการเมืองแม่งมีใช้กันถ้วนหน้าแม้แต่พวกเผาบ้านเผาเมือง”

“รายชื่อที่ปรากฏเป็นตัวแทนของคนทั้งประเทศมั๊ยครับ เพราะเหตุผลใดถึงต้องแก้ ตอบประชาชนหน่อยเถอะ คนไทยอีกตั้งหลายล้านก็ไม่ได้เดือดร้อนหรืออดตายเพราะมาตรานี้สักหน่อย กล้าๆ พูดความจริงหน่อย”

ระบอบประชาธิปไตย ประชาชนมีสิทธิ์มีเสียงอย่างเต็มที่ ความรู้สึกในใจเลยพรั่งพรูออกมาเต็มที่อย่างที่ได้เห็น

เรื่องที่สอง สร้างความเสื่อมโทรมอย่างมากกับสังคมไทย เมื่อมีภาพเด็กนักเรียนหญิงมัธยต้น 7 คน ถ่ายรูปด้วยท่าทางยั่วยวน บางคนเปลือยท่อนบนโชว์ด้านล่างให้เห็นอล่างฉ่างบน Facebook ของผู้ที่ใช้ชื่อว่า Beer nirvana เพียงไม่กี่นาที มีคนกดไลค์กว่าหมื่นคน จากภาพเห็นได้ชัดว่าเด็กแต่ละคนวุฒิภาวะยังน้อยมาก อาจทำไปเพราะความรู้เท่าไม่ถึงการณ์ เพียงเพราะกระแสสังคมวัยรุ่นในปัจจุบัน ที่อยากทำตามดารานางแบบที่ตนเห็นว่าสวยและดูดี

โดยปัจจุบันผู้โพสต์รูป ได้ปิดเฟซบุ๊กหนีแล้ว ทำให้ทางไอซีทีไม่สามารถดำเนินการใดๆ ได้ เนื่องจากไม่มีการกระทำความผิดหรือมีการเผยแพร่แล้ว จึงไม่มีหลักฐานยืนยันว่าได้กระทำความผิด แต่ชาวเน็ตก็ยังคงให้ความสนใจกันอย่างต่อเนื่อง เหมือนต้องการหาคำตอบของการกระทำที่ไม่เหมาะสมดังกล่าว อีกทั้งยังต้องการความมั่นใจว่า ต่อไปหน่วยงานใดจะสามารภควบคุมดูแล และไม่ทำให้เหตุการณ์ที่ทำให้สังคมแย่ลงเช่นนี้เกิดขึ้นอีก

“เป็นยังไงล่ะพวกดาราที่ออกมาแก้ผ้าแข่งกันโชว์ทั้งหลาย ตัวอย่างที่ดีจนเยาวชนทำตาม มีแบบนี้ไปเรื่อยๆ สังคมไทยจะเป็นยังไงเนี่ย”

“ส่วนตัวเราว่าเด็กผิด…ถ้าไม่ถ่ายก้อไม่เกิดขึ้น…พฤติกรรมเลียนแบบ…ไม่เกี่ยวอะ มันอยู่ที่จิตสำนึก คิดเองได้ว่าสมควรหรือไม่…ข่าวแบบนี้ก้อมีตัวอย่างให้ เห็นทั้งคลิปเอย ภาพเอย มันย้อนกลับไปแก้ไขหรือโทษใครได้อะนอกจากตัวเราว่าถ่ายทำไม”

“การ capture ไว้เป็นหลักฐาน คิดว่ายากนะครับ เพราะว่าคนที่ capture ไว้ หากเอาไปเผยแพร่ก็น่าจะผิดไปด้วยส่วนหนึ่ง และอีกอย่างคือ เจ้าตัวคนโพสต์คนแรกสามารถอ้างได้ว่าไม่ได้ทำจริง ถูกตัดต่อใส่ร้ายก็อีกส่วนหนึ่ง ถ้าจะเป็นหลักฐานจริงๆ ได้ต้องขอข้อมูลจากทาง facebook ซึ่งกระบวนการยุ่งยาก และทาง facebook ก็ไม่น่าจะให้เพราะขัดกับนโยบายส่วนตัว สิทธิเสรีภาพในอเมริกา และเมื่อลบ account ไปแล้ว ข้อมูลต่างๆ ก็น่าจะสูญหายไปหมดแล้วอีกส่วนหนึ่ง งานนี้ทำใจเหอะครับ”

ที่มาภาพ : httpnews.mthai.comworld-news149994.html
ที่มาภาพ : httpnews.mthai.comworld-news149994.html

เรื่องที่สาม เป็นที่ฮือฮาเมื่อสำนักข่าวต่างประเทศกำลังเผยแพร่ ภาพการอภิปรายอย่างเคร่งเครียดของนายเอ็ด มิลิแบนด์ แห่งพรรคแรงงานและ นายจอห์น แม็คเคย์ พิธีกรโทรทัศน์ช่องเอสทีวี ในอังกฤษ ในขณะที่แม็คเคย์กำลังคุยผ่านวิดิโอลิงค์กับ นายแดน ฮอคเจดส์จากห้องส่งสถานี จู่ๆ ที่จอโทรทัศน์มุมบนขวาปรากฏภาพสาวร่างเปลือยกับหน้าอกทรงโตกระโดดโลดเต้นไปมา ทำให้ผู้ชมอึ้งไปตามๆกัน

ทางสถานีดังกล่าว ก็ได้ออกมาพูดถึงเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นละหวังว่าผู้ชมจะไม่ไขว้เขว จนลืมสิ่งที่รายการต้องการนำเสนอ ทั้งนี้ผู้ชมต่างวิจารณ์ภาพดังกล่าวไปต่างๆ นานา เชิงขำขันและเป็นจริงเป็นจังว่า

“คงผิดพลาดทางเทคนิคนิดหน่อย อิอิ”, “ช่างเทคนิคแอบดูหนังโป๊อยู่หรือเปล่า”

“ทุกคนต่างเครียดกับการอภิปรายอยู่ แล้วสาวคนนี้ก็โผล่ขึ้นมาเฉยๆ ได้ยังไง”

“มันก็ทำให้การอภิปรายดูมีสีสันนะ บางทีน่าจะนำภาพแบบนี้ไปใส่ในรายการทางการเมืองบ้างก็ดี”

“คลายเครียดกลางรัฐสภา แต่ดูเหมือนจะส่งผลให้เครียดหนักกว่าเดิม”

“หวังว่าบ้านเราคงจะไม่มีอะไรแบบนี้นะ แค่นี้ก็น่ากลัวแล้ว”

น.ส.ยิ่งลักษณ์ ชินวัตร นายกรัฐมนตรี และนายอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ อดีตนายกรัฐมนตรี ที่มาภาพ httpnews.mthai.compolitics-news150039.html
น.ส.ยิ่งลักษณ์ ชินวัตร นายกรัฐมนตรี และนายอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ อดีตนายกรัฐมนตรี ที่มาภาพ httpnews.mthai.compolitics-news150039.html

เรื่องที่สี่ เป็นการผลการวิจัยของเอแบคโพลล์ ที่เปิดเผยถึงผลสำรวจของประชาชน ในความนิยมศรัทธาต่อนางสาวยิ่งลักษณ์ ชินวัตร กับนายอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ ในตำแหน่งนายกรัฐมนตรี พบว่าความนิยมในตัวของนางสาวยิ่งลักษณ์ ชินวัตร นายกรัฐมนตรี ลดลงจากเดือนกันยายน 2554 ที่ร้อยละ 38.6 มาเป็นร้อยละ 34.7 ในเดือนมกราคม 2555

และความนิยมในตัวของนายอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ อดีตนายกรัฐมนตรี อยู่ที่ร้อยละ 12.9 ในเดือนกันยายน 2554 เพิ่มขึ้นมาเป็นร้อยละ 14.2

เมื่อจำแนกตามอาชีพ พบว่ากลุ่มคนว่างงานชื่นชอบนายกรัฐมนตรีหญิงร้อยละ 41.3 เป็นกลุ่มพ่อบ้าน แม่บ้าน ผู้เกษียณอายุ ร้อยละ 38.7 กลุ่มเกษตรกรและใช้แรงงานทั่วไป ร้อยละ 37.6 ตามลำดับ ส่วนกลุ่มนักศึกษาร้อยละ 57.4 กลับไม่ชอบใครเลย

จำแนกตามภูมิภาคแล้วพบว่า ประชาชนในภาคตะวันออกเฉียงเหนือร้อยละ 51.2 ประชาชนในภาคเหนือร้อยละ 36.8 คนกรุงเทพมหานครร้อยละ 32.2 คนภาคกลางร้อยละ 27.6

และคนภาคใต้ร้อยละ 4.5 ชื่นชอบนางสาวยิ่งลักษณ์ ชินวัตร ซึ่งทั้งหมดนี้ มากกว่านายอภิสิทธิ์ทุกภาค ยกเว้นภาคใต้ ที่มีกว่าร้อยละ 38.3 แต่ที่น่าสนใจคือ คนภาคกลางกว่าร้อยละ 59.9 ไม่นิยมบุคคลทั้งสอง(ข้อมูลจาก www.mthai.com)

เรื่องการเมือง มีทั้งคนรักและคนชอบ ยังไงเราลองมาฟังเสียงจากชาวโซเชียลเน็ตเวิร์กกันบ้าง ว่าพวกเขาเหล่านี้คิดยังไง

“พูดได้คล่องแคล่ว…มาร์คกินขาด…ขึ้นสภา ไม่ต้องอ่านโพย…นายกไม่ต้องอ่านหนังสือโชว์ก็ได้…มาร์คกินขาด…นโยบายที่ได้พูดไว้ มาร์คทำมากกว่าปู…เพราะตอนนี้ปูยังไม่ทำเลย…จัด ครม. เอง ไม่ให้ใครบ่งการ มาร์คกินขาด…ภาวะความเป็นผู้นำ ทำดีซื่อสัตย์สุจริต มาร์คกินขาด…ผู้สื่อข่าวถามนายกไม่รู้…ปูกินขาด น้ำท่วม ปูเอาอยู่…โกหกประชาชน ปูกินขาด…ได้ฉายา แปตอหลู มาร์คแพ้อย่างเดียว โดนไอ้แม้วซื้อสื่อ ครองสื่อ ใช้สื่อโจมตีมาร์คอย่างเดียว…ประชาชนเสพข่าวจากสื่อ…นี้แหละเหตุที่มาร์คแพ้ แพ้อย่างเดียวและจะแพ้อยู่ตลอด เพราะคนส่วนใหญ่ไม่มีความคิด รณรงค์ให้คนไทยรู้จักคิดเองครับ”

“ยิ่งลักษณ์ 34 % อภิสิทธิ์ 14% แต่ๆๆๆๆ ไม่ชอบทั้งสอง 51% สรุป รวมทั้งสองคนยังไม่เท่าคนที่ไม่ชอบทั้งสองคนเลยนะ จะเชียร์จะด่าก็ดูด้วยนะครับ”

“มากกว่าเท่าตัวอีกนะเนี่ย ปรับปรุงตัวหน่อยนะมาร์ค คะแนนมันบอกว่าที่ทำมาน่ะผิดแล้ว”

“อยากรู้จิงๆๆ เอาโพลมาจาก โพลเสื้อแดงป่าว”

วัยเยาว์ ของนางสาวยิ่งลักษณ์ ชินวัตร และ นายอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ
วัยเยาว์ ของนางสาวยิ่งลักษณ์ ชินวัตร และ นายอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ

ปิดท้ายเรื่องที่ห้า เนื่องจากเพิ่งผ่านพ้น เทศกาลวันเด็กมา จึงมีหลายเว็ปไซด์ที่ลงภาพสมัยยังเด็กของท่านนายกฯ ที่ตัวเองรักและชื่น ชอบแน่นอนว่าใครรักใครชอบใคร คงจะชมคนนั้น จะว่าไป ทั้งนายกฯ ปูและนายกฯ มาร์ค ก็เรียกได้ว่า เป็นผู้นำที่หน้าตาดีมากทั้งคู่ “ไทยพับลิก้า” จึงขอนำรูปมาเทียบกันให้เห็นๆ ส่วนความคิดเห็น คงมีอยู่ในใจของท่านผู้อ่านอยู่แล้วแน่ๆ