ThaiPublica > เกาะกระแส > เบี้ยยังชีพคนชราที่ค้างมา 2 เดือน 21 พ.ย.รับได้ เงินโอนถึงทุกจังหวัดแล้ว 10,900 ล้านบาท

เบี้ยยังชีพคนชราที่ค้างมา 2 เดือน 21 พ.ย.รับได้ เงินโอนถึงทุกจังหวัดแล้ว 10,900 ล้านบาท

18 พฤศจิกายน 2011


นายขวัญชัย วงศ์นิติกร อธิบดีกรมส่งเสริมการปกครองท้องถิ่น(สถ.) เปิดเผยว่า หลังจากที่สถ.ได้รับเรื่องร้องเรียนจากผู้สูงอายุเป็นจำนวนมากที่ยังไม่ได้รับเงินค่าเบี้ยยังชีพมาเป็นเวลา 2 เดือนแล้ว เมื่อวันที่ 16 พฤศจิกายนที่ผ่านมา ตนได้ให้สถ.ออกหนังสือเวียนแจ้งไปยังสำนักงานส่งเสริมการปกครองท้องถิ่นจังหวัดทั่วประเทศ โดยขอให้เร่งทำการเบิกจ่ายเงินให้กับผู้สูงอายุโดยด่วน ซึ่งสถ.ได้โอนเงินอุดหนุนเฉพาะกิจวงเงิน 10,900 ล้านบาท ผ่านระบบ GFMIS ไปอยู่ในบัญชีจังหวัดหมดแล้ว จึงขอให้องค์กรปกครองส่วนท้องถิ่น(อปท.) ทำเรื่องขอเบิกเงินกับผู้ว่าราชการจังหวัด เพื่อนำไปแจกจ่ายให้กับผู้สูงอายุเดือนละ 500 บาท ย้อนหลังเป็นระยะเวลา 2 เดือน โดยคาดว่าจะเริ่มเบิกจ่ายเงินให้กับผู้สูงอายุได้ตั้งแต่วันจันทร์ที่ 21 พฤศจิกายนนี้เป็นต้นไป (ดูรายละเอียดของหนังสือเวียน)

สาเหตุที่มีผู้สูงอายุเป็นจำนวนมากที่ยังไม่ได้รับเงินค่าเบี้ยยังชีพมา 2 เดือน เนื่องจากงบประมาณปี 2555 ยังไม่ผ่านความเห็นชอบจากรัฐสภา ทำให้การเบิกจ่ายงบประมาณปีนี้มีความล่าช้า ซึ่งคาดว่าจะเริ่มเบิกจ่ายได้ในเดือนมกราคม 2555 เป็นต้นไป ทำให้อปท.หลายแห่งต้องไปเบิกเงินมาจากบัญชีเงินสะสม และบัญชีเงินสำรอง เพื่อเอามาจ่ายค่าเบี้ยยังชีพให้กับคนชรา แต่ในขณะเดียวกันก็มีอปท.หลายแห่งที่อยู่ในจังหวัดที่ประสบปัญหาน้ำท่วม ทางจังหวัดมีความจำเป็นที่จะต้องทุ่มเทงบประมาณทั้งหมดเข้าไปช่วยเหลือผู้ประสบภัยและแก้ปัญหาน้ำท่วม จึงไม่มีเงินในบัญชีเหลือพอที่จะนำไปจ่ายค่าเบี้ยยังชีพให้กับผู้สูงอายุ

ดังนั้นจังหวัดที่มียังไม่ได้จ่ายค่าเบี้ยยังชีพให้กับคนชรา ส่วนใหญ่จะอยู่ในพื้นที่ที่ประสบปัญหาอุทกภัย และก็มีอีกหลายจังหวัดที่ไม่มีเงินสะสมหรือเงินสำรองจ่าย เหลือพอที่จะนำไปจ่ายให้กับคนชรา เนื่องจากงบฯปี 2555 ยังไม่มีผลบังคับใช้ ส่วนจังหวัดใหญ่ๆที่ยังพอจะมีเงินสะสม หรือสำรองจ่ายเหลืออยู่ ก็เบิกเงินส่วนนี้ไปจ่ายเป็นค่าเบี้ยผู้สูงอายุได้ตามปกติ

แต่อย่างไรก็ตามทางสถ.ได้นำประเด็นเข้าไปหารือกับสำนักงบประมาณ กรณีเกิดปัญหางบฯ ปี 2555 เบิกจ่ายล่าช้า ทางสำนักงบประมาณได้จัดงบอุดหนุนเฉพาะกิจมาให้เป็นวงเงิน 10,900 ล้านบาท มาให้สถ. เพื่อนำไปจ่ายค่าเบี้ยยังชีพคนชราในอัตราเดิมที่ 500 บาทต่อเดือน ตั้งแต่เดือนตุลาคม 2554 ไปถึงเดือนมกราคม 2555 ไปพลางๆ ก่อน ซึ่งเป็นไปตามหลักเกณฑ์ของสำนักงบประมาณ กรณีที่งบประมาณปี 2555 ยังไม่มีผลบังคับใช้ ส่วนราชการสามารถเบิกจ่ายเงินงบประมาณได้แต่ต้องอยู่ภายใต้กรอบนโยบายและวงเงินงบประมาณปี 2554

ดังนั้นจึงจำเป็นต้องจ่ายเงินค่าเบี้ยยังชีพผู้สูงอายุในอัตรา 500 บาทต่อเดือนไปจนกว่างบประมาณปี 2555 จะมีผลบังคับใช้ จากนั้นถึงจะเริ่มเบิกจ่ายเงินค่าเบี้ยยังชีพรายเดือนแบบขั้นบันไดให้กับผู้สูงอายุได้ เพราะสำนักงบประมาณถือว่าเป็นนโยบายของรัฐบาลชุดใหม่ ซึ่งอยู่นอกกรอบวงเงินงบประมาณปี 2554 แต่ทั้งนี้ หากงบประมาณปี 2555 มีผลบังคับใช้เมื่อไหร่ ก็จะให้มีบังคับผลย้อนหลังไปจนถึงเดือนตุลาคมปี 2554 ด้วย

ที่มา : สำนักข่าวไทยพับลิก้ารวบรวม

ยกตัวอย่างเช่น ผู้ที่มีอายุ 60-69 ปี เดิมได้รับเงินช่วยเหลือเดือนละ 500 บาท หากงบฯปี 2555 มีผลบังคับใช้เดือนมกราคมปีหน้า ก็จะเริ่มจ่ายเงินช่วยเหลือเดือนละ 600 บาท ตั้งแต่เดือนกุมภาพันธ์เป็นต้นไป และจะจ่ายเงินย้อนหลังเพิ่มเติมให้อีกเดือนละ 100 บาท ตั้งแต่เดือนตุลาคม 2554 จนถึงเดือนมกราคม 2555 รวมแล้วเฉพาะในเดือนกุมภาพันธ์ปี 2555 ผู้ที่มีอายุ 60-69 ปี ก็จะได้รับเงินตกเบิกโอนเข้าบัญชีโดยตรง หรือมารับเองคนละ 1,000 บาท จากนั้นในเดือนถัดไป ก็จะได้รับเงินเดือนละ 600 บาทตามปกติ

ส่วนผู้ที่มีอายุ 70-79 ปี ได้รับเงินค่าเบี้ยยังชีพเดือนละ 700 บาท และได้รับเงินช่วยเหลือย้อนหลัง 4 เดือนอีก 200 บาทต่อเดือน,ผู้ที่มีอายุ 80-89 ปี ได้รับเงินเดือนละ 800 บาท และได้รับเงินตกเบิกย้อนหลัง 4 เดือนอีก 300 บาทต่อเดือน รวมทั้งผู้ที่มีอายุเกิน 90 ปี ขึ้นไป ได้รับเงินเดือนละ 1,000 บาท และได้รับเงินตกเบิกย้อนหลัง 4 เดือนอีก 500 บาทต่อเดือน (ดูรายละเอียดและแนวทางปฏิบัติ
)

ทั้งนี้ผู้สื่อข่าวได้สอบถามนายขวัญชัย ต่อกรณีคณะรัฐมนตรีได้มีมติให้ย้ายไปดำรงตำแหน่งรองปลัดกระทรวงมหาดไทย นายขวัญชัย ตอบว่า “เรื่องการโยกย้ายข้าราชการเป็นเรื่องปกติธรรมดาของชีวิตราชการ นั่งอยู่ตรงไหน ก็สามารถทำประโยชน์ให้กับประเทศชาติได้ทั้งนั้น ซึ่งก็ยังดีกว่าตกงาน ไม่มีอะไรทำ”